รีวิวจัดฟันใสกับ SELFIE vs. จัดฟันเหล็ก แบบไหนดีกว่า?! (ประสบการณ์จริงล้วนๆ)

45 10
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้อารมณ์ดีดี๊ดี้ แวะมาเขียนกระทู้สักหน่อย วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีที่เจอกับตัวเองเลยเกี่ยวกับการจัดฟันให้กับเพื่อนๆได้ฟังกันนะ ระหว่างจัดฟันแบบเหล็ก VS จัดฟันแบบใส ส่วนตัวคืออยากบอกต่อเผื่อรีวิวของเราจะมีประโยชน์กับใครหลายๆคนที่กำลังจะตัดสินใจจัดฟันนะคะ :)

จัดฟันแบบเหล็ก
อันดับแรกเลยเราต้องบอกก่อนว่าเราอะ เคยจัดฟันมาแล้วหนึ่งรอบ ซึ่งเป็นการจัดฟันแบบเหล็ก แต่ด้วยความที่ขี้เกียจใส่รีเทนเนอร์สุดๆหลังจากถอดเหล็ก ฟันก็กลับมาสภาพเดิม แบบเซ็งมากละยังไม่พอนะตั้งแต่จัดฟันมาตลอด 2 ปีเราเจ็บตัวตลอด คือใส่เหล็กแล้วโดนลวดเกี่ยวปากค่อนข้างบ่อย เป็นแผลในปากทุกเดือน สุดท้ายก็ไม่มีความหมาย T___T 
เชื่อว่าบางคนที่จัดฟันเหล็กอาจจะเคยเจอประสบการณ์แบบเราแน่นอนอ่ะ คือมันทรมานมากนะสำหรับเราแล้วเปลี่ยนยางแต่ละที หมอไม่เบามือเลย ทำแรงมาก แต่เราก็ต้องทนนะเพราะมันจ่ายเงินไปหมดแล้ว ไหนจะโดนเก็บเงินยิบย่อยอีกรวมๆแล้วจ่ายไปค่อนข้างเยอะ หลายหมื่นอยู่ ส่วนตัวยอมรับเลยว่าประสบการณ์ตอนจัดฟันเหล็กคือไม่ไหวจริง แย่มาก ไม่มีทางกลับไปทำเหล็กแน่นอน อีกอย่างคือเรามีปัญหากับการจัดฟันแบบเหล็กตรงที่เศษอาหารติดตลอดเวลาเรากิน แล้วทำให้ฟันผุบ่อยอีกด้วยนะเพราะแปรงฟันไม่ทั่วถึงทำให้เราแบบเฟลมาก แถมยังไม่มั่นใจในตัวเองด้วยเวลายิ้มหรือเวลาจะพูดกับใคร ทำให้เสียบุคลิกภาพไปด้วยเลย

จัดฟันแบบใส
แต่เรายังไม่ยอมแพ้นะคะทุกคน เราพยายามหาการจัดฟันที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีก็มีมากมาย สามารถค้นหาได้ทันใจ เราเลยได้รู้จักกับการจัดฟันใสค่ะทุกคน ซึ่งเราใช้เวลาศึกษามากพอสมควรกับการจัดฟันใส เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีอยู่จริง แล้วอีกอย่างเราค่อนข้างกลัวว่าจะเจ็บแบบที่เราเคยเจอหรือป่าว แล้วความบังเอิญก็คือ มีรุ่นพี่เราลง IG คือเจ้าตัวได้ไปทำมาแล้วก็ลงรีวิว เชิญชวนให้ไปจัดฟันใสกับแบรนด์ที่ชื่อ SELFIE เลยสนใจทักไปทันที

พี่เค้าก็เล่าประสบการณ์ให้ฟัง ซึ่งเราว้าวมาก และข้อดีค่อนข้างเยอะ พี่เค้าเลยแนะนำให้เราลองไปดู IG ของแบรนด์นี้ (@selfie.th) ซึ่งมีความน่ารักและค่อนข้างพรีเมียมสุดๆ แต่ราคาคือดีอะ สามารถเข้าถึงได้ และตอนนั้นพอดีมีส่วนลดด้วยนะจากการใช้ Redeem Code ของพี่เรา (ซึ่งมีสิทธิ์ของการใช้เพียงแค่ 10 สิทธิ์ และเราโชคดีทักไปจองสิทธิ์ทัน 5555) แต่แต่แต่ สำหรับใครที่สนใจไม่ต้องกังวลนะจ๊ะว่าจะไม่ทันได้สิทธิ์เพราะก็เห็นทาง SELFIE มีโปรค่อนข้างบ่อย สามารถไป Follow IG หรือ ทัก Line ไปสอบถามได้ ปล.แอดมินตอบไวสุด ชอบมากๆๆ


พอเจอข้อเสนอดีๆแบบนี้ เราก็ไม่รอช้าจ้า แอดไลน์ของทางแบรนด์เลย แล้วก็ปรึกษาแอดมินเรื่องการจัดรอบสอง เพราะเรากลัวว่าจะมีปัญหาอะไรป่าวและจะแก้ข้อกังวลได้ไหม เราเลยปรึกษาก่อน ทางพี่แอดมินให้คำปรึกษาดีมากอ่ะ ซึ่งขั้นตอนแรกคือเราต้องทำนัดเพื่อไปพบทันตแพทย์ ได้ปรึกษาเพิ่มเติมและพิมพ์ฟันประเมินว่าเข้าข่ายการรักษากับเซลฟี่ไหม (เสียค่าตรวจแค่ 2,690 เอง)


ซึ่งเราเลือกไปตรวจใกล้บ้านแถวๆ ดินแดง ชื่อคลินิก IC SMILE (มีที่จอดรถน้า) นี่เลยคลินิกที่เราไป มีความน่ารักกก:


หลังจากพิมพ์ฟัน ก็รอทาง SELFIE ส่งผลมาทางอีเมลว่าเราสามารถจัดฟันใสได้ไหม ซึ่งเราทำได้จ้า T___T !! แล้วเราค่อยทำการชำระเงินในส่วนถัดไปตามข้อมูลที่แจ้งมา บอกคำเดียวว่า ปังมาก ! จากที่ได้ฟังประสบการณ์ดีๆจากรุ่นพี่เราคือมันจริงทั้งหมด ทั้งเรื่องบริการเอย ราคาเอย ดีไปหมดมันรู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากถ้าเปรียบเทียบกับที่เคยเจอมานะ แถมไม่ต้องเสียจุกจิกแบบที่เคยผ่านมา อันนี้คือจ่ายทีเดียวจบ ไม่มีบวกเพิ่ม!! และไม่ต้องไปเจอหมอฟันทุกเดือนด้วยนะ 


หลังจากการชำระเงินประมาณ 1 สัปดาห์ ทางแบรนด์มีการส่งอีเมลมาอีกครั้งเป็นแบบแผนการรักษา 3มิติ (ตามรูปที่โชว์ด้านล่าง) ว่าฟันเราจะมีการเคลื่อนยังไง และผลลัพธ์จะเป็นยังไง (screenshot ผลลัพธ์มาให้ดู ที่จริงมันเป็นวิดีโอ เลื่อนดูได้ทุกมุม555)


ว้าวเลยแม่ เรียงตรงสวยงาม!! และอีกไม่นาน (2-3 สัปดาห์) ก็ได้รับชุดอุปกรณ์มาครบเซตเลยจ้า ส่ง grab มาถึงบ้านเลย น้องเป็นกล่องสีชมพูคิวท์ๆ แบบนี้ง่ะ ได้รับของมาแบบครบมากเลยงับบ ไม่ว่าจะเป็นโฟมฟอกฟันขาว / เคส / ลิปบาร์ม / อุปกรณ์ต่างๆก็ตาม <3


แถมมีแอพพลิเคชั่นจากทางแบรนด์ที่สามารถติดตามการรักษาของเราด้วยนะ ตอนแรกก็เฉยๆ ไปไปมามา เออดีนะเพราะบางทีก็มีลืมว่าต้องเปลี่ยนเซตอะไรต่อ555 และรวมถึงแอดมินจากทางแบรนด์ที่ช่วยแจ้งเตือนตลอดทุก 2 สัปดาห์ด้วยนะ อ้อลืมบอกอีกอย่าง ! ราคานี้รวมรีเทนเนอร์แบบใสแล้วนะจ๊ะทุกคน คุ้มมากบอกเลย ปกติเราต้องเสียค่ารีเทนเนอร์แยกตั้ง 5,000 กว่าๆเลย

นี่เลยทุกคนขอโชว์แอพที่เราบอกหน่อยละกันอิอิ
สรุปค่าใช้จ่ายแบบเสร็จสับ!! เราเสียเงินกับการจัดฟันใสแค่ 43,490 บาทเอง (เราได้ส่วนลดจากการ Redeem Code พี่เรา ปกติราคาเต็มอยู่ที่ 53,490 บาท) ที่สำคัญไม่ยุ่งยากเลยพี่แอดมินคอยช่วยบอก ช่วยเตือนตลอด บริการดี 10/10 จ้า 
และเราจะมาสรุปง่ายๆนะทุกคนความแตกต่างระหว่างจัดฟันแบบเหล็กกับจัดฟันใสต่างกันตามนี้เลยค่ะ:

  • ความรู้สึกตอนใส่: การจัดฟันใสรู้สึกสบายๆมาก เหมือนไม่ได้ใส่ ปวดฟันแค่ช่วงแรกๆ แต่หมดกังวลกับแผลที่เหล็กทิ่มปากแบบการจัดฟันเหล็กได้เลย
  • ปัญหาจุกจิกในการกิน ดื่มต่างๆ สำหรับจัดฟันใสคือหมดความกังวลเรื่องนี้ไปเลยเพราะเศษอาหารจะไม่ติดเหล็ก และไม่เสี่ยงต่อการทำให้ฟันผุ ฟันเหลือง ต่างๆ ซึ่งลดปัญหานี้ได้จริงๆ ดูแลช่องปากได้อย่างดีที่เดียว
  • การเกิดบาดแผลในช่องปากสามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี่ได้อย่างชัดเจนสำหรับการจัดฟันใส หมดความกังวลที่เหล็กจะแทงเหงือกเราและทำให้เกิดแผลในช่องปาก ซึ่งอันนี้เราโดนบ่อยจริงๆ
  • ไม่ต้องไปพบหมอทุกเดือน: เราสามารถเปลี่ยนเซตเองตามแผนรักษาที่บ้านทุก 2 สัปดาห์ โดยมีแอดมินคอยให้คำปรึกษาตลอด (ยิ่งช่วงโควิดนี่เหมาะสุดๆ ลดความเสี่ยงได้เยอะ)
  • การจัดฟันใสสามารถถอดออกได้ก็คือถอดออกได้ปกติเลยตอนทานอาหารหรือแปรงฟัน ถ้าเป็นจัดฟันเหล็กเราไม่สามารถถอดออกได้ต้องใส่ทั้งวันทั้งคืนT_T
  • ในส่วนของราคา: จัดฟันใสกับเซลฟี่ไม่มีการจ่ายแบบจุกจิก จ่ายทีเดียวจบตลอดการรักษา แต่ถ้าเป็นในส่วนของการจัดฟันเหล็ก ในทุกๆเดือนเราจะต้องจ่ายค่าเปลี่ยนยาง ค่าตรวจต่างๆ เยอะไปหมด

และนี่ก็เป็นการเปรียบเทียบส่วนหนึ่งของการจัดฟันแบบใสกับการจัดฟันแบบเหล็ก เพื่อนๆไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเราถึงตัดสินใจจัดฟันแบบใสกับ SELFIE เพราะด้วยข้อดีของการจัดฟันใสแล้ว ยังรวมไปถึงในเรื่องของการบริการที่ดีมาก และราคาที่เข้าถึงได้ ทางแบรนด์ยังมีหลากหลายช่องทางการชำระเงินด้วยนะ สำหรับคนที่งบน้อยแต่อยากจัดฟันใสก็สามารถ ผ่อน 0% 10 เดือนได้อีกด้วย (เฉลี่ยแล้วเดือนละ 5,349 บาทเอง)

เราอยากแนะนำและแชร์ประสบการณ์ดีๆให้กับทุกคนนะคะ เราไม่ผิดหวังเลยที่เลือก SELFIE ประทับใจสุดๆ สุดท้ายนี้สำหรับใครที่มีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถเม้นถามเราไว้ใต้โพสเลยนะคะ เราจะตอบทุกคอมเม้นเลย ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบ น่ารักที่สุด 😊


Website : Home | Selfie 
LINE: @selfie.th
IG: @selfie.th


NapalaiSawatdee

NapalaiSawatdee

สวัสดีค่ะทุกคน
น้ำนะคะ พร้อมแบ่งปันความสวย ความปังจ้าา

FULL PROFILE