รวมคดีฉีกหน้ากากคนร้ายที่หักมุมจนช็อค!

52 11


เด็กชายพี่น้องที่ถูกผู้ให้กำเนิดฆาตกรรมเพื่อปกปิดความลับอันมืดมน

Sarah Barrass เคยได้รับเสียงชื่นชมว่า เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทุ่มแทดูแลลูกๆด้วยความรักและห่วงใย เธอมีลูกเล็กๆไล่ไปจนถึงวัยทีนถึงหกคน แม้แต่เจ้าหน้าผู้เชี่ยวชาญเรื่องสวัสดิภาพเด็กที่ต้องเข้ามาร่วมงานช่วยเหลือครอบครัวนี้ก็ได้ประเมินแล้วว่า เธอได้ให้ความร่วมมือด้วยดีเพื่อรับความช่วยเหลือในด้านที่จำเป็นในการเลี้ยงดูลูกๆทั้งหกคน แต่เมื่อได้รับคำถามเรื่องผู้เป็นพ่อเด็ก เธอเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลใดๆ ในขณะที่เจ้าหน้าที่จำต้องเคารพสิทธิไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผู้ใช้บริการ


เจ้าหน้าที่ไม่เคยล่วงรู้แม้แต่น้อยว่า ชายผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งหกคนได้วนเวียนใกล้ชิดครอบครัวนี้ ไม่ได้ห่างหายไปไหน ทั้งพ่อและแม่ได้วางแผนเพื่อทำสิ่งโหดร้ายกับเลือดเนื้อเชื้อไข จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ทำให้คนในชุมชนรู้สึกหนาวเยือกไปถึงสันหลังเมื่อได้เดินผ่านบ้านที่เคยเต็มไปด้วยเด็กๆที่สดใสมีชีวิตชีวา


แน่นอนว่า แม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกถึงหกคนอาศัยร่วมกันย่อมสร้างข้อตังขาให้กับคนรอบข้าง ไม่มีใครรู้ว่า ผู้เป็นพ่อของลูกๆที่อยู่ในวัย 3-14 ปีอยู่ที่ใด หรือว่าพวกเค้าเกิดมาจากพ่อคนเดียวกันหรือไม่

แต่เมื่อตำรวจYorkshireใต้ได้รับแจ้งเด็กๆหกคนที่อาศัยในเขต Shiregreen กำลังอยู่ในอันตราย  ทั่วชุมชนต้องตื่นตกใจเมื่อรถตำรวจถึง 15 คันได้เร่งรุดมาที่บ้านของแม่ลูกหกและเกิดข่าวลือแพร่ไปทั่วว่า อาจจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างการกราดยิงที่โรงเรียนในละแวกนั้นสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวเมือง จนตำรวจต้องออกมาประกาศว่า ไม่ได้มีเหตุการณ์กราดยิงเด็กในโรงเรียน แต่ข่าวเรื่องมีเด็กเสียชีวิตก็ทำให้หลายคนวิตกกังวลอยู่ไม่เป็นสุข

จนกระทั่งความจริงเปิดเผย ...
ชาวชุมชนต้องตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อได้พบว่า   เด็กชาย Blake Barrass (14) และTristan Barras (13)   ผู้เป็นลูกชายคนโตและคนรองของ Sarahต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือแม่แท้ๆ   พวกเค้าถูกรัดคอจนขาดอากาศหายใจและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล  ส่วนน้องๆอีก 4 คนถูกวางยาจนหมดสติแต่ยังโชคดีที่รอดชีวิตมาได้     การฆาตกรรมครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความคิดชั่ววูบ แต่เป็นแผนการที่ไตร่ตรองมาเพื่อปกปิดความลับอื้อฉาวที่สังคมตั้งข้อรังเกียจ   นั่นเป็นเพราะว่า ผู้ที่ให้ความร่วมมือกับเธอเพื่อสังหารลูกชายทั้งสองคือ Brandon Machin  ผู้เป็นพี่ชายต่างพ่อหรือต่างแม่  หากมองภายนอก พวกเค้าอาจจะเป็นพี่น้องที่มีความรักใคร่กลมเกลียว แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังก็คือ   ความสัมพันธ์ทางเพศร่วมสายเลือดที่มีผลผลิตเป็นเด็กๆ ทั้งหกคน     ถูกแล้วล่ะ!   พ่อเด็กผู้ที่สร้างความข้องใจให้เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์และคนรอบข้างก็คือลุงที่อยู่ใกล้ตัวครอบครัวนี้มากที่สุดนั่นเอง!  เขาไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมบ้านเดียวกัน แต่ก็มาช่วย Sarah ดูแลลูกๆทุกวัน หรือในแง่หนึ่งก็อาจจะเปรียบกับการทำหน้าพ่อที่มีฉากหน้าเป็นลุงผู้เอาใจใส่นั่นเอง


มีรายงานว่า พี่น้องต่างพ่อคู่นี้เริ่มมี sex กันตั้งแต่วัยทีน แม้จะฝ่ายชายจะต้องแยกตัวออกไปก็ยังมีความสัมพันธ์ทางไกลตลอดระยะเวลา 20 ปี ส่วนลูกๆทั้งหกคนก็เกิดจากการตั้งครรภ์ที่ตั้งใจ แต่กลับวางแผนปลิดชีวิตเด็กผู้บริสุทธิ์ในภายหลัง



มีการเปิดเผยว่าSarah หวาดกลัวที่จะถูกประจานเรื่องการร่วมประเวณีกับพี่ชายจนมีลูกด้วยกันถึงหกคน เธอให้เหตุผลว่า หากเจ้าหน้าสังคมสงเคราะห์ล่วงรู้ ลูกๆของเธอจะถูกพรากไปจากอกและต้องถูกส่งตัวไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก จากการสืบสวนของตำรวจได้พบกับข้อมูลว่า ไม่มีเจ้าหน้าสังคมสงเคราะห์คนใดเลยที่รู้สึกถึงสัญญาณความผิดปกติที่นำไปสู่คดีแม่ฆ่าลูก   ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้พบปะกับครอบครัวนี้ Sarah เป็นแม่ที่รักและห่วงใยทั้งยังมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างดี

ในตอนแรก Sarah ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นผู้ร่วมลงมือฆ่าลูกชายทั้งสองและพยายามฆ่าลูกอีก 4 คน แต่โยนความผิดไปยังพี่ชายผู้เป็นคนรักลับๆว่าเป็นผู้กระทำเพียงผู้เดียว แต่ก็จนมุมด้วยหลักฐานมัดตัว หลังจากผิดหวังที่เด็กๆยังมีชีวิตหลังจากที่กลืนยาเข้าไป เธอก็ได้ค้นหาใน internet ถึงทางเลือกอื่นๆในการสังหารเลือดเนื้อเชื้อไข จนได้พบวิธีรัดคอ และทำให้ขาดอากาศหายใจจากการใช้ถุงพลาสติกครอบศีรษะ รวมถึงการทำให้จมน้ำในอ่าง

ทั้งสองยอมรับว่า รัดคอลูกชายคนโตและคนรองและนำถุงขยะมาครอบศีรษะให้พวกเค้าขาดใจตาย ส่วนลูกๆอีกสี่คนก็ถูกวางยารวมถึงพยายามฆ่าด้วยการทำให้จมน้ำแต่ทำไม่สำเร็จ
 
สังคมอังกฤษมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างรุนแรงต่อเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อน้องชายของพี่น้องฆาตกรได้ออกมาเปิดเผยว่า   ทั้งสองมีพฤติกรรมรุนแรง สนุกสนานกับการทารุณสัตว์เล็กๆมาตั้งแต่ยังเด็ก   เขาอ้างว่า เคยเห็นพี่ชายปฏิบัติต่อหลาน (ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ) อย่างรุนแรงจนต้องโทรแจ้งหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ให้มาตรวจสอบ แต่ก็เงียบไป   เขาเชื่อว่าพี่ชายและพี่สาวมีพฤติกรรมแบบpsychopath ที่เกิดมาพร้อมกับความเลวร้าย    ชาวเน็ทยังตามล่าแม่มดไปถึงFacebook ของแม่ของพวกเค้า  และประนามว่าเธอมีส่วนผิดที่ให้กำเนิดฆาตกรฆ่าลูกตัวเองออกมา



ผู้กระทำผิดถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต และจะไม่ได้รับสิทธิในการยื่นคำร้องเพื่อรับการปล่อยตัวก่อนจะชดใช้ความผิดเป็นเป็นเวลาอย่างต่ำ 35 ปี     แต่แม้ว่าเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญจะผ่านไปร่วมปี แต่ก็ยังเปรียบเหมือนกับฝันร้ายของชาวเมืองที่ไม่สามารถ move on  ไปจากสิ่งที่เกิดความบิดเบี้ยวในใจมนุษย์นี้ได้   ในที่สุดก็มีคำสั่งให้รื้อบ้านที่ครอบครัว Barrass  เคยอาศัยอยู่ และเปลี่ยนเป็นที่โล่งกลางแจ้ง โดยปลูกต้นไม้ที่แสดงความรำลึกถึงผู้เสียชีวิต
เรื่องราวสะเทือนใจไม่ได้หยุดอยู่เพียงจุดจบของเด็กชายทั้งสอง  แต่น้องอีกสองคนของพวกเค้าคือพยานที่ได้เห็นฉากฆาตกรรมจากน้ำมือผู้ให้กำเนิด   พวกเค้าได้ตั้งคำถามอย่างสิ้นหวังและสับสนกับว่า เพราะอะไรจึงต้องถูกแม่ทำร้าย     หนึ่งในนั้นหวาดหวั่นว่าตัวเองจะกลายเป็นฆาตกรเหมือนลุงกับแม่ตอนที่เติบใหญ่  ส่วนลูกที่รอดชีวิตจากการถูกจับกดน้ำนั้นมีความหวาดกลัวการอาบน้ำในอ่าง   และมีคนที่แสดงต้องการจะให้แม่และลุงถูกคุมขังในคุกไปอีกสามร้อยปี


แม้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานสวัสดิการเด็กจะยืนยันว่า พยายามร่วมมือกันเพื่อเยียวยาจิตใจของเด็กๆให้ก้าวผ่านความทรงจำที่โหดร้าย แต่พวกเราต่างก็รู้กันดีว่านี่คือสิ่งที่จะตามหลอกหลอนพวกเค้าไปอีกแสนนาน





แผนระเบิดฆาตกรรมสั่นสะเทือนศาสนจักรมอร์มอน

คดีระเบิดใน Salt Lake City รัฐ Utah อันเป็นศูนย์กลางของศาสนจักรนิกายมอร์มอนได้กลายมาเป็นtopic ร้อนแรงระดับชาติ มีการตั้งข้อทฤษฎีแรงจูงใจของฆาตกรที่ได้สังหารเหยื่อสองคน และอีกสองคนต้องบาดเจ็บจากระเบิดที่ซุกซ่อนในพัสดุและในรถว่าอาจจะเกี่ยวข้อกับการขัดผลประโยชน์ ความแค้นส่วนตัว รวมไปถึงเบื้องหลังดำมืดของลัทธิมอร์มอน

แต่จะมีสักกี่คนที่มองออกได้ทันทีว่า  หนึ่งในเหยื่อที่บาดเจ็บหนักจากระเบิดคือผู้อยู่เบื้องหลังแผนการเลวร้ายคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์เพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมฉ้อโกง
ย้อนไปในยุค 80s Mark Hofmann  นักค้าเอกสารทางศาสนาได้  อาชีพที่ในบ้านเราอาจจะไม่คุ้นหูกันนัก  ในหมู่ผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายมอร์มอน     อาชีพนี้น่าจะเปรียบได้กับนักล่าสมบัติที่สามารถสืบหาเอกสารข้อมูลต่างๆที่นักสะสมและองค์กรทางศาสนาถือว่ามีค่ายิ่งกว่าทอง  นักค้าเอกสารสามารถข้อมูลทางประวัติต่างๆที่สูญหายไปมาสร้างกำไรได้มากมาย  ผู้ที่มีความรู้เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์นิกายมอร์มอนจะติดต่อสื่อสารกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อค้นหาเอกสารอันล้ำค่า    Mark เริ่มต้นในวงการค้าเอกสารมอร์มอนตั้งแต่เป็นนักศึกษาใน Utah University  รัฐที่มีชาวมอร์มอนรวมตัวอาศัยเป็นกลุ่มใหญ่  เขาเป็นผู้ค้นพบเอกสารจากคัมภีร์ไบเบิลที่เชื่อว่า  Joseph Smith  ผู้ก่อตั้งนิกายมอร์มอนเป็นผู้คัดลอกเองกับมือ และเริ่มแกะรอยค้นหาเอกสารประวัติศาสตร์มอร์มอนที่เก่าแก่นับศตวรรษตามมาอีกเรื่อยๆจนมีชื่อเสียงในวงการนี้

ยิ่งค้นพบเอกสารล้ำค่าถี่มากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งมีเส้นสายและเครดิตที่ขึ้นชื่อในกลุ่มนักสะสม แต่เอกสารบางชิ้นนั้นไม่ได้ทำให้ศาสนจักรปลาบปลื้มไปด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงเรื่องฉาวที่ไม่ต้องการให้คนภายนอกรับรู้ Mark ได้ติดต่อเพื่อร่วมวงการที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเซียนเอกสารมอร์มอนให้มาร่วมเป็นพยานรับรู้ถึงการค้นพบจดหมายที่มีเนื้อหาขัดแย้งกับสิ่งที่นักวิชาการและศาสนจักรเชื่อมั่นมาตลอด เอกสารชิ้นนั้นมีชื่อว่า จดหมาย Salamander ที่ระบุว่า Salamanderสีขาวได้ปรากฏตัวต่อหน้า Joseph Smith (ผู้ก่อตั้งนิกาย) มิใช่เทพเจ้า ตามความเชื่อชาวมอร์มอนที่สืบต่อกันมาช้านาน การเผยแพร่จดหมายฉบับนี้ที่ทำให้ผู้คนถกเถียงกันว่า นี่คือหลักฐานที่ชี้เรื่องการหมกเม็ดข้อมูลของศาสนจักรในยุคก่อนที่หวั่นเกรงว่า มันจะทำให้ชื่อเสียงของนิกายมอร์มอนมัวหมอง เพราะมีการบรรยายถึงเรื่องต้นกำเนิดของมอร์มอนว่ามาจากการใช้เวทย์มนตร์คาถา นักสะสมเอกสารมอร์มอนที่ได้ซื้อจดหมาย Salamander จาก Mark ไปได้บริจาคมันให้กับศาสนจักรเพื่อนำไปตรวจสอบยืนยันว่าเป็นของแท้หรือไม่

นักสะสมเอกสารมอร์มอนผู้นั้นคือ Steven Christensen  หนึ่งในเหยื่อผู้เสียชีวิตจากการวางระเบิดกลางเมือง Salt Lake City 

หลังจากสั่นคลอนความเชื่อถือของศาสนจักรดด้วยจดหมาย Salamander ไปแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อนายหน้าว่า มีเอกสารสำคัญที่มีราคาสูงลิบลิ่วชื่อว่า McLellin collection ที่บอกเล่าเรื่องราวอื้อฉาวของ Joseph Smith และนั่นได้สร้างความวิตกกังวลให้กับศาสนจักรที่ต้องการปกป้องชื่อเสียงของมอร์มอนไม่ให้ถูกโจมตียิ่งไปกว่านี้

Steven Christensen และ Gary Sheets ที่ปรึกษาด้านการเงินมีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาซื้อ McLellin collection จาก Mark และตั้งใจส่งเอกสารต่อถึงมือศาสนจักรให้เก็บรักษาไว้ แต่ในวันเดียวกันที่มีการนัดหมายเพื่อรับเอกสารจอก Mark Steven Christensen ก็ต้องจบชีวิตอย่างสยดสยองจากระเบิดที่ซ่อนมาในพัสดุที่จ่าหน้าถึงเขาตอนที่ตึกออฟฟิศ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ภรรยาของ Gary Sheetsที่ออกมารับพัสดุหน้าบ้านก็เสียชีวิตจากแรงระเบิดทันทีในที่เกิดเหตุ เธอต้องรับเคราะห์แทนสามีโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย

เหตุฆาตกรรมด้วยอาวุธพลังทำลายล้างสูงทำให้ชาวเมืองอกสั่นขวัญแขวนและคาดเดาแรงจูงใจของฆาตกรไปต่างๆนานา     เจ้าหน้าที่ได้ตีวงผู้ต้องสงสัยได้แคบลงเมื่อพบว่า   เหยื่อมีความเกี่ยวข้องกันในการซื้อขายเอกสารมอร์มอนที่มีมูลค่าหลายแสนดอลลาร์   แน่นอนว่า   ตัวผู้ค้นพบเอกสารพวกนี้จะเป็นที่จับตามองในการสืบสวนหาคนร้ายมาลงโทษ   แต่ผ่านไปเพียงข้ามวัน  ชาว Utah ก็ต้องตกตะลึงกับระเบิดลูกที่ 3    คราวนี้ Mark  Hoffman คือเหยื่อที่บาดเจ็บสาหัสจากระเบิดในรถซะเอง

เขาสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้านท่ามกลางความยินดีของครอบครัวและเพื่อนบ้าน Mark ได้รับเสียงชื่นชมจากคนใกล้ชิดถึงจิตใจอันอ่อนโยน และความเป็นfamily man

แต่หลังจากที่รวบรวมหลักฐานเชื่อมโยงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตำรวจก็มาเยือนบ้านของ Mark พร้อมกับหมายค้น ภรรยาของเขาแทบล้มทั้งยืน เหล่าเพื่อนฝูงในละแวกบ้านต่างมั่นใจว่า นี่เป็นการจับผิดคนร้ายผิดตัว ไม่มีทางที่ชายแสนดีจะวางแผนฆ่าคนด้วยวิธีอำมหิตอย่างวางระเบิด

แต่ในที่สุดพวกเขาต้องยอมรับกับความจริงที่ว่า  Mark คือฆาตกรใจเหี้ยมในคราบของชายหนุ่มแสนดี   ตำรวจได้ดึงตัวผู้เชี่ยวชาญมาร่วมพิสูจน์จดหมาย Salamander อันโด่งดัง แม้ว่าผลตรวจสอบจาก FBI จะระบุว่าเป็กเอกสารของจริง  แต่ตำรวจยังเดินหน้าในการใช้วิทยาศาสตร์หาสิ่งผิดปกติของเอกสารที่ Mark อ้างว่าเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า และในที่สุดก็ค้นพบว่า เอกสารหลายชิ้นรวมถึงจดหมาย Salamander ที่ทำเงินมากมายให้กับ Mark เป็นของปลอมที่ปลอมขึ้นมา และมันคือแรงจูงใจในการวางแผนสังหารคู่ค้าธุรกิจเอกสารมอร์ม่อนที่เขาไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้
Markต้องขึ้นศาลสู้คดีทั้งๆที่ยังมีร่องรอยการบาดเจ็บจนไม่สามารถเดินได้ตามปกติ    เขาเสียนิ้วมือบางส่วน และสูญเสียความสามารถในการได้ยินเพราะอาการแก้วหูฉีก เมื่อหลักฐานมัดตัว ก็ได้ยอมรับเรื่องการประดิษฐ์ระเบิดด้วยตัวเองแล้วส่งไปสังหารเหยื่อ รวมถึงการปลอมแปลงเอกสารที่เรียกได้ว่าเงิบไปทั้งวงการ  มีการเปิดเผยว่า   lifestyle หรูหราและการลงทุนเพื่อเสาะหาสมบัติทำให้ Mark ต้องกู้หนี้ยืมสิน และพยายามแก้ไขปัญหาทางการเงินด้วยการปลอมเอกสารขึ้นมาอย่างแนบเนียน  แต่เมื่อฉ้อโกงจนบานปลายกลับวางแผนตัดปัญหาทิ้งด้วยการฆ่า

ถึงขณะนี้เขาก็ยังชดใช้กรรมจากโทษจำคุกตลอดชีวิต เจ้าตัวเคยเปิดเผยว่า รู้สึกถึงพลังอำนาจเมื่อได้หลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อ และยังไม่รู้สึกใดๆต่อเหยื่อการฆาตกรรม เพราะเชื่อมั่นว่า ตายไปแล้วก็ไร้ความเจ็บปวด ถึงเขาไม่ได้ลงมือสังหาร บุคคลทั้งสองมีความเสี่ยงที่จะตายได้จากวิธีอื่นเช่นกัน


ดูเหมือนว่า  เรือนจำจะเป็นสถานที่ที่เหมาะกับชายคนนี้มากที่สุดแล้ว

การ"ล่าสมบัติ"




Gone Girl ในชีวิตจริง


เมื่อคู่สามีภรรยาถูกคนรักเก่าของฝ่ายชายตามจองล้างจองผลาญด้วยความแค้น  แต่เรื่องราวกลับหักมุมราวกับพล็อทหนัง thriller ชื่อดัง

Angela Diaz ดูจะมีชีวิตที่ผู้หญิงมากมายใฝ่ฝัน เธอใช้ชีวิตคู่กับสามีที่รักกันแนบแน่นและกำลังตั้งครรภ์แฝด แต่เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์อันเลวร้ายเมื่ออดีตคู่หมั้นของสามีผูกใจอาฆาต พยายามทำลายชีวิตเธอให้ย่อยยับ เธอได้รับภาพร่างทารกจากการทำแท้งที่ดูสยดสยอง ยังมีใช้ชื่อของเธอ post เชิญชวนให้คนแปลกหน้ามาข่มขืน จนถูกชายแปลกหน้าตามมาทำร้ายและพยายามข่มขืนในโรงรถ เมื่อรวบรวมหลักฐานได้ เธอจึงเร่งเข้าแจ้งความเพื่อใช้กฎหมายลากคนผิดเข้าตารางและปกป้องชีวิตตัวเองให้ปลอดภัยจากผู้หญิงโรคจิต

ไม่มีใครรับฟังคำปฏิเสธของ Michelle Hadley หญิงผู้ถูกกล่าวหา เธอถูกส่งตัวเข้าเรือนจำเป็นเวลา3 เดือนในหลายข้อหาและถูกวางเงินประกันตัวไว้ถึงล้านเหรียญ เมื่อถูกปล่อยตัวออกมา เธอก็ได้พบว่า ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ค้นพบหลักฐานยืนยันแล้วว่า เธอไม่ใช่คนร้ายเหมือนที่ใครๆปักใจเชื่อ แต่เป็นเหยื่อที่ถูกจัดฉากใส่ร้ายกลายมาเป็นมหากาพย์ปาหี่ที่ชวนตกตะลึงเป็นที่สุด

ความจริงที่กำลังจะถูกเปิดเผยทำให้ผู้คนข้องใจกับวิธีการทำงานของตำรวจที่จับกุมผู้ต้องส่งสัยส่งตัวเข้าคุมขังโดยไม่ตรวจสอบ IP addresses ที่เป็นต้นตอของประกาศเชิญชวนให้ผู้ชายมาข่มขืนเจ้าทุกข์   รวมถึงละเลยการสืบหาหลักฐานแสดงที่อยู่ของผู้ต้องสงสัยอย่างกล้องวงจรปิดที่ช่วยพิสูจนืได้ว่า เธอไม่ได้ตามไปทำร้ายและสะกดรอบคู่กรณีอย่างที่ถูกใส่ความ   หลังจากเรื่องราวกลับตาลปัตรกลายเป็นว่า เหยื่อการคุกคามที่ได้รับความเห็นใจจากทุกฝ่ายจะเป็นผู้วางแผนโป้ปดได้แนบเนียนจนทำให้อดีตคู่หมั้นของสามีกลายมาเป็นนางมารร้ายในสายตาผู้อื่น

หลังจากที่ถูกสามีจับได้ว่าไม่ได้ตั้งท้อง แกล้งป่วยเป็นมะเร็ง และโป้ปดข้อมูลอีกหลายประการ  ตำรวจก็สืบหาหลักฐานที่ชี้เรื่องคดีพลิกว่า  ข้อกล่าวหาที่ Angela แจ้งตำรวจ ส่งผลให้อดีตคู่หมั้นสามีถูกจับเข้าเรือนจำได้นั้นเป็นแผนการใส่ร้ายทำลายชีวิตอีกฝ่าย    เธอเป็นผู้ส่งอีเมลคุกคามมาถึงตัวเองรวมถึงโฆษณาว่าอยากจะได้ผู้ชายมาเติมเต็มความปรารถนา sex แบบข่มขทน    และแจ้งความเท็จเรื่องที่ถูกทำร้ายที่บ้าน   คนที่ดูจะป่วยจิตไม่ยอมปล่อยวางกลับเป็นฝ่ายภรรยา  ไม่ใช่คนรักเก่าสามี


Michelle ที่ต้องติดคุกจากจากสติปัญญาของหญิงร้อยเล่ห์ยืนยันว่า เธอเคยต้องุนงงกับคำสั่งศาลห้ามไม่ให้เข้าใกล้ภรรยาของแฟนเก่าทั้งๆที่ไม่เคยพบหน้ากันด้วยซ้ำ เธอต้องผจญฝันร้ายเมื่อถูกใส่ความและไม่ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมจากตำรวจ และใช้เวลาถึงเจ็ดเดือนกว่าจะเคลียร์ตัวเองจากเรื่องบ้าๆนี้ได้

"ใครๆต่างก็อยากให้ฉันหุบปากเงียบ และมันเป็นสิ่งที่ต่ำตมที่สุดที่เกิดขึ้นกับเหยื่อตัวจริง ฉันจะฟื้นฟูจิตใจได้อย่างไรหากเรื่องจริงไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา มีแต่คนถามเรื่องรักสามเส้า แต่ฉันอยากจะตะโกนบอกว่า มันไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นสักหน่อยเจ้าพวกงี่เง่า"


Michelle ยังตั้งข้อสงสัยว่า อดีตคู่หมั้นของเธออาจจะสมคบคิดกับภรรยาเพื่อทำลายชีวิตของเธอ จากประสบการณ์ความสัมพันธ์สุด toxic ที่ทำให้เลิกรากันและข้อสังเกตเรื่องแต่เขากลับรอดตัวจากคดีนี้ไป ส่วนฝ่ายภรรยาถูกศาลตัดสินให้จำคุก 5ปี แตกต่างจากบทสรุปของ Gone Girl ในจอหนัง


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE