รีวิว : มาส์กกู้ผิวโทรม ฉบับสาวออฟฟิศ work from home
pearrynaka 46 14
สวัสดีค่าสาวๆ Jeban ทุกคน ช่วงนี้ Work From Home รอบ 3 แล้ว พอจะมีเวลาว่าง เลยอยากจะมาแชร์ มาส์กเด็ดๆที่เราใช้ดูแลผิวในช่วงที่ต้องทำงานอยู่บ้านให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ ซึ่งปกติแล้ว เราคิดว่าใช้แค่สกินแคร์ทาบำรุงผิวก็เพียงพอแล้ว แต่พอได้ทดลองกับตัวเอง ด้วยการเพิ่มขั้นตอนการมาส์กผิวไปด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าผิวหน้าแข็งแรงขึ้นมาก ซึ่งวันนี้เรามีมาแนะนำทั้งหมด 5 ตัวด้วยกันจ้า มาดูกันเลย ปล. สภาพผิวของเราเป็น ผิวผสมค่อนไปทางแห้งนะคะ
1. Hada Labo Premium Hydrating Lotion 580 บาท
โลชั่นน้ำตบตัวดังจาก Hada Labo ตัวเนื้อโลชั่นจะมีลักษณะใส และหนืดเล็กน้อย ปกติตัวนี้เค้าจะนิยมเอาไปใช้เป็นน้ำตบกัน แต่เราเอามาทำเป็นมาส์กค่ะ วิธีที่เราทำประจำก็คือ ใช้ตบหน้าก่อน 1 รอบ และจะหยดใส่สำลี สัก 3-4 แผ่นแล้วเอามาโปะไว้บนหน้าอีก 1ครั้ง ตามหน้าผาก หน้าแก้ม แปะทิ้งไว้นอนเล่นมือถือ สัก 5-10 นาที ค่อยเอาออก ปกติจะทำแบบนี้อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เพื่อการบำรุงแบบจัดเต็มค่ะ ให้ผิวนุ่มเด้งแข็งแร๊งงง จริงๆจะทำทุกวันก็ได้นะ แต่เปลืองค่ะ ฮ่าๆๆ
2. Smooto Tomato Gluta Aura plus Sleeping Mask 39 บาท
Sleeping Mask ของสมูทโตะตัวนี้ เราใช้บำรุงเป็นสเต็ปสุดท้ายของทุกคืน ย้ำว่าใช้ทุกคืน เพราะด้วยความที่เราเป็นคนผิวผสมค่อนไปทางแห้ง และขี้ร้อน เลยชอบนอนเปิดแอร์ 23 ตื่นเช้ามาคือหน้านี่แห้งและสากมาก หลังได้ลองตัวนี้คือจบค่ะ ด้วยตัวเนื้อที่เข้มข้น ตอนแรกก็กังวลว่าจะอุดตันผิวไหม แต่พอใช้แล้วไม่เจอปัญหาใดๆ ฟาดไปค่ะ โบกรัวๆแล้วเข้านอนเลยไม่ต้องล้างออก ตื่นเช้ามาผิวจะฟู ดูอิ่มน้ำ จับแก้มไปนี่นิ่มเหมือนโมจิเลย แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆของมะเขือเทศและพีชด้วยนะ พีชเลิฟเวอร์แบบเราก็ฟินไปเลย ปล.ตัวนี้จะมีแค่แบบซองนะคะ หาซื้อได้ง่ายตามเซเว่นทั่วไปเลยจ้า
3. Laneige Time Freeze Firming Sleeping Mask 1,300 บาท
มาต่อที่ Sleeping Mask อีกหนึ่งตัวของฝั่งเกาหลี Laneige Time Freeze Firming Sleeping Mask ตัวนี้จะแพงกว่าสูตรที่เป็น Sleeping Mask ธรรมดาของลาเนจนิดนึง เพราะเน้นช่วยเรื่อง ยกกระชับผิวด้วย โดยรวมตัวนี้ถือว่าโอเคเลยค่ะ แต่ตัวเนื้อจะค่อนข้างหนัก และทิ้งความมันบนในหน้าเยอะกว่าตัวของ Smooto ซึ่งทางแบรนด์เค้าก็แนะนำให้ใช้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็พอค่ะ ไม่เหมาะกับทุกวันจริงๆ วิธีใช้ก็คือทาลงผิวแล้วไม่ต้องล้างออกเช่นกัน ตื่นเช้ามาผิวก็จะดูฟูอิ่มน้ำมาก แต่จะมีทิ้งความมันส่วนเกินไว้นิดหน่อย ส่วนเรื่องการยกกระชับถ้าจะให้เห็นผลแบบจริงจัง จะต้องใช้โรลเลอร์ หรือเครื่องผลักครีมมาช่วยรีดหน้าอีกทีค่ะ ปล. ช่วงนี้เห็นลาเนจเค้ามีโปรออนไลน์อยู่บ่อยๆ รอกดตอนลดราคาก็ได้นะคะ รับรองว่าคุ้ม
4. เขาค้อทะเลภู มาส์กมะขาม 25 บาท
บำรุงผิวอัดแน่นไป 3 ตัวแล้ว เรามาต่อที่อีกหนึ่งมาส์กที่ช่วยเน้นเรื่องความกระจ่างใสกันบ้างดีกว่า ตัวนี้คือ มาส์กมะขาม ที่มีส่วนผสมของเม็ดสครับด้วยค่ะ ด้วยความที่มะขามมีสารของ AHA ที่เป็นกรดผลไม้ จึงช่วยผลัดเซลล์ผิวแล้วที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวเราดูกระจ่างใสขึ้น แต่ตอนใช้ต้องเบามือนิดนึงนะคะ เพราะตัวมาส์กมีสครับด้วย ใช้มือวนเบาๆ แล้วพอกทิ้งไว้ สัก 5-10 นาทีแล้วล้างออกค่ะ แต่ถ้าสาวๆคนไหนผิวบางแพ้ง่าย แนะนำแค่ 5 นาทีพอนะคะ เดี่ยวจะแสบผิวเอา โดยรวมเราชอบทุกอย่างเลย ยกเว้นกลิ่น แบบอธิบายไม่ถูก ฮ่าๆๆ แต่เพื่อความสวยต้องอดทนค่ะ ปล. มาส์กตัวนี้แล้ว ตอนเช้าตื่นมาอย่าลืมทากันแดดกันด้วยนะคะ อ้อ!! ลืมบอกไป ตัวนนี้มีขายที่วัตสัน นะคะ
5. Boots Cucumber Clay Face Mask 200 บาท (ถ้าจำราคาไม่ผิดนะคะ)
ตัวสุดท้ายนี้คือ มาสก์โคลนสูตรแตงกวา เป็นเนื้อโคลนสีขาว กลิ่นแตงกวาชัดเจนมาก ฟุ้งตลบอบอวล โดยปกติแล้วมาส์กโคลนจะคุณสมบัติหลักก็คือช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว รวมถึงพวกน้ำมันส่วนเกินต่างๆ จึงทำให้หลังจากที่ล้างออกแล้วผิวจะค่อนข้างแห้ง แต่ตัวนี้ใช้แล้วผิวไม่แห้งเลยค่ะ และรู้สึกว่าผิวสะอาดหมดจด โดยปกติเราจะใช้ตัวนี้อาทิตย์ 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นการดีท็อกซ์ผิว ให้พร้อมรับการบำรุงต่อไป
ส่วนนี่คือสภาพผิวโดยรวม หลังจากที่ใช้พวกมาส์กต่างๆ เพิ่มมาเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการบำรุงผิว ถึงมันจะดูเป็นการเพิ่มขึ้นตอน แต่ผลลัพธ์คือผิวขอเรา โทรมน้อยลง แข็งแรงขึ้น และใช้ชีวิตง่ายขึ้นมากจริงค่ะ ก่อนหน้านี้ผิวค่อนข้างแห้งขาดน้ำ และไม่สดใส ต้องใช้รองพื้นและคอลซีลเลอร์ช่วยเยอะมาก แต่พอเพิ่มขั้นตอนมาส์กหน้าเหล่านี้ไป ก็ช่วยลดขั้นตอนแต่งหน้าลงเยอะ ใช้แค่แป้งผสมรองพื้น เขียนคิ้วทาปากก็จบเลยค่ะ ปล. ที่สำคัญ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าเยอะๆนะคะ ^^ จบและค่ะสำหรับรรีวิวในวันนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับสาวๆผิวแห้งขาดน้ำแบบเรานะคะ แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้านะคะ มีคำถามตรงไหนคอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เลยน้า เดี่ยวเราจะเข้ามาตอบค่ะ