รวบรวมนักแสดง"คุณป้า" ที่มีฝีมือการแสดงไม่ธรรมดา #6
Panchud Thammachat 49 16
11.Emma Thompson
เกิด:15 เมษายน 1959(ปัจจุบันอายุ62ปี)
บ้านเกิด:กรุงLondon ประเทศอังกฤษ
เข้าวงการตั้งแต่ปี1982
เกิด:15 เมษายน 1959(ปัจจุบันอายุ62ปี)
บ้านเกิด:กรุงLondon ประเทศอังกฤษ
เข้าวงการตั้งแต่ปี1982
นักแสดงหญิงจากแดนผู้ดี ที่มีรางวัลออสการ์2ตัวการันตีทั้งงานแสดงและงานเขียนบทภาพยนตร์ และยังร่วมงานกับทางDisneyบ่อยครั้ง
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังได้เขียนหนังสือ และยังได้แสดงความคิดเห็นด้านมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังได้เขียนหนังสือ และยังได้แสดงความคิดเห็นด้านมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ชีวิตก่อนเข้าวงการ
ป้าThompson เป็นลูกสาวคนโตของคุณตาEric Thompson(1929-1982) นักแสดงและโปรดิวเซอร์ และคุณยายPhyllida Law นักแสดงหญิงเชื้อสายสกอตติช มีน้องสาว1คนซึ่งเป็นนักแสดงเช่นกัน
ช่วงสมัยเด็ก ป้าThompsonถนัดด้านภาษาและการเขียน โดยได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อ จนเจ้าตัวได้เกรดA จากวิชาภาษาอังกฤษ,ภาษาฝรั่งเศส และภาษาละติน ในช่วงสมัยเรียนที่โรงเรียน ต่อมาได้ศึกษาต่อที่วิทยาลัยNewnham ในย่านCambridge ในสาขาภาษาอักษรศาสตร์ จนได้จบการศึกษาพร้อมกับคว้าเกียรตินิยมระดับUpper Second-class
ป้าThompson เป็นลูกสาวคนโตของคุณตาEric Thompson(1929-1982) นักแสดงและโปรดิวเซอร์ และคุณยายPhyllida Law นักแสดงหญิงเชื้อสายสกอตติช มีน้องสาว1คนซึ่งเป็นนักแสดงเช่นกัน
ช่วงสมัยเด็ก ป้าThompsonถนัดด้านภาษาและการเขียน โดยได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อ จนเจ้าตัวได้เกรดA จากวิชาภาษาอังกฤษ,ภาษาฝรั่งเศส และภาษาละติน ในช่วงสมัยเรียนที่โรงเรียน ต่อมาได้ศึกษาต่อที่วิทยาลัยNewnham ในย่านCambridge ในสาขาภาษาอักษรศาสตร์ จนได้จบการศึกษาพร้อมกับคว้าเกียรตินิยมระดับUpper Second-class
เริ่มทำงานในวงการบันเทิง
ป้าThompson เข้าวงการตั้งแต่ปี1982 โดยผลงานชิ้นแรกเป็นละครเวที และซีรีส์เรื่องThere's Nothing to Worry About! แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ผู้เป็นพ่อก็ได้จากไป
ช่วงกลางยุค80s เป็นช่วงเริ่มต้นการแสดงของป้าThompson ก็ว่าได้ เพราะมีผลงานซีรีส์ตลกๆมากมายที่ทำให้เจ้าตัวเริ่มติดภาพลักษณ์นักแสดงสายตลก
ป้าThompson เข้าวงการตั้งแต่ปี1982 โดยผลงานชิ้นแรกเป็นละครเวที และซีรีส์เรื่องThere's Nothing to Worry About! แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ผู้เป็นพ่อก็ได้จากไป
ช่วงกลางยุค80s เป็นช่วงเริ่มต้นการแสดงของป้าThompson ก็ว่าได้ เพราะมีผลงานซีรีส์ตลกๆมากมายที่ทำให้เจ้าตัวเริ่มติดภาพลักษณ์นักแสดงสายตลก
แต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ป้าThompsonร่วมแสดงซึ่งก็คือภาพยนตร์เรื่องHenry V(1989) ทำให้ได้ฉีกภาพลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวดราม่า-ประวัติศาสตร์ ที่ลุงKenneth Branagh รับหน้าที่แสดงนำ,กำกับ และเขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจนทำให้ลุงBranagh ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวดราม่า-ประวัติศาสตร์ ที่ลุงKenneth Branagh รับหน้าที่แสดงนำ,กำกับ และเขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจนทำให้ลุงBranagh ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ยุค90s กับการคว้ารางวัลออสการ์ถึง2ครั้งในช่วงทศวรรษนี้
ช่วงที่ป้าThompson แต่งงานรอบแรกและใช้ชีวิตคู่กับลุงKenneth Branagh ก็ได้ร่วมงานด้วยกันในภาพยนตร์ทั้งหมด3เรื่อง ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่องDead Again(1991),Peter's Friends(1992) และMuch Ado About Nothing(1993)
ซึ่ง3ภาพยนตร์จะมาเรื่องละแนว ดังนี้
ช่วงที่ป้าThompson แต่งงานรอบแรกและใช้ชีวิตคู่กับลุงKenneth Branagh ก็ได้ร่วมงานด้วยกันในภาพยนตร์ทั้งหมด3เรื่อง ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่องDead Again(1991),Peter's Friends(1992) และMuch Ado About Nothing(1993)
ซึ่ง3ภาพยนตร์จะมาเรื่องละแนว ดังนี้
- Dead Again(1991) เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ระทึกขวัญสไตล์Neo-Noir เรื่องราวของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าตัวเธอเองเป็นใคร แต่เธอถูกความฝันเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหญิงสาวเมื่อ40ปีก่อนรบกวน การหาเบาะแสและการคลี่คลายคดีนี้จึงเกิดขึ้น
- Peter's Friends(1992) ภาพยนตร์ตลกที่รวบรวมดาราดังมากมายนอกจากลุงKenneth Branagh กับป้าEmma Thompsonแล้ว ยังร่วมด้วยลุงHugh Laurie,ป้าImelda Stuarton,คุณยายPhyllida Law เป็นต้น
- Much Ado About Nothing(1993) ภาพยนตร์โรแมนติก-คอเมดี้ที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของWilliam Shakespeare นำแสดงโดยลุงKenneth Branagh,ป้าEmma Thompson,ลุงDenzel Washington,ลุงMichael Keaton,คุณRobert Sean Leonard,คุณKeanu Reeves และคุณKate Beckinsale
ช่วงปี1992 นอกจากป้าThompson มีผลงานภาพยนตร์เรื่องPeter's Friends แล้ว ก็ยังมีผลงานภาพยนตร์เรื่องHowards End ซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวได้รับรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าสัญชาติอังกฤษ โดยเรื่องราวอยู่ในช่วงที่เปลี่ยนผ่านสู่ศตวรรษที่20
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าสัญชาติอังกฤษ โดยเรื่องราวอยู่ในช่วงที่เปลี่ยนผ่านสู่ศตวรรษที่20
ภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากป้าThompsonแล้ว ยังร่วมด้วยนักแสดงสัญชาติอังกฤษอีกคับคั่ง ได้แก่ คุณHelena Bonham Carter,คุณตาAnthony Hopkins และคุณย่าVanessa Redgrave
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คว้ารางวัลออสการ์ทั้งหมด3สาขา จากการเข้าชิงถึง9สาขา ได้แก่
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คว้ารางวัลออสการ์ทั้งหมด3สาขา จากการเข้าชิงถึง9สาขา ได้แก่
- สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม(ป้าEmma Thompson)
- สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
- สาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยม
ปี1993 ป้าThompson มีผลงานภาพยนตร์3เรื่อง ซึ่งนอกจากภาพยนตร์เรื่องMuch Ado About Nothingแล้ว ยังมีผลงานภาพยนตร์อีก2เรื่อง ได้แก่
- The Remains of the Day ภาพยนตร์ดราม่าที่ดัดแปลงมาจากนิยายรางวัลโนเบล การกลับมาร่วมงานอีกครั้งระหว่างป้าEmma Thompson กับคุณตาAnthony Hopkins และผลงานเรื่องนี้ทำให้ป้าThompson ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งที่2
- In the Name of the Father ภาพยนตร์อิงเหตุการณ์เมื่อปี1974 กลุ่มขบวนการกู้ชาติไอริชได้ระเบิดผับแห่งหนึ่งในอังกฤษ จนทำให้ตำรวจอังกฤษได้จับกุมตัวคนหนุ่มสาวที่อยู่ในขบวนการนี้ทั้งหมด4คนเรื่องราวบานปลายจนเกิดมีการเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนหนุ่มสาวกลุ่มนี้จึงเกิดขึ้น นำแสดงโดยลุงDaniel Day-Lewis,ลุงPete Postlethwaite(1946-2011) และป้าEmma Thompson
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องIn the Name of the Father ป้าThompson ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม นับได้ว่าปี1993 เจ้าตัวได้เข้าชิงรางวัลออสการ์2สาขา จากภาพยนตร์ถึง2เรื่อง
ปี1995 ป้าThompson ได้พ่วง2ตำแหน่งทั้งแสดงนำและเขียนบท ในภาพยนตร์ดราม่า-ย้อนยุคเรื่องSense and Sensibility
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นงานกำกับภาพยนตร์นอกบ้านครั้งแรกของลุงAng Lee ผู้กำกับมากฝีมือชาวไต้หวัน ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมของJane Austen โดยได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นงานกำกับภาพยนตร์นอกบ้านครั้งแรกของลุงAng Lee ผู้กำกับมากฝีมือชาวไต้หวัน ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมของJane Austen โดยได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก
เรื่องราวของพี่น้องตระกูลDashwoodที่มีมุมมองความรักที่แตกต่างกัน Elinorพี่สาวที่ใช้ชีวิตอยู่บนหลักเหตุผล ส่วนMarianneน้องสาวที่ใช้ความรู้สึกเป็นตัวขับเคลื่อนความรัก วันหนึ่ง ทั้งสองพี่น้องได้พบกับผู้ชายที่เข้ามาในชีวิต จนได้รู้ซึ้งกับคำว่า"ความรัก"
นอกจากป้าThompsonแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมด้วยคุณKate Winslet,ลุงAlan Rickman(1946-2016) และลุงHugh Grant
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์7สาขา โดยป้าThompson ได้เข้าชิงถึง2สาขา และได้รับรางวัลไปสาขาเดียว คือ รางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ซึ่งเจ้าตัวได้รับรางวัลในฐานะผู้เขียนบทภาพยนตร์
นอกจากป้าThompsonแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมด้วยคุณKate Winslet,ลุงAlan Rickman(1946-2016) และลุงHugh Grant
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์7สาขา โดยป้าThompson ได้เข้าชิงถึง2สาขา และได้รับรางวัลไปสาขาเดียว คือ รางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ซึ่งเจ้าตัวได้รับรางวัลในฐานะผู้เขียนบทภาพยนตร์
ยุค2000s-2010s กับบทบาทอันหลากหลาย
ปี2003 ป้าThompson หวนกลับมามีผลงานตลกกับภาพยนตร์เรื่องLove Actually ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติก-คอเมดี้ที่มีการรวมเหล่านักแสดงไว้มากมาย แต่เกลี่ยบทได้ดีและเนื้อหาที่สนุก
โดยป้าThompsonได้ร่วมงานกับลุงAlan Rickman อีกครั้ง หลังจากเคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่องSense and Sensibility(1995)
ปี2003 ป้าThompson หวนกลับมามีผลงานตลกกับภาพยนตร์เรื่องLove Actually ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติก-คอเมดี้ที่มีการรวมเหล่านักแสดงไว้มากมาย แต่เกลี่ยบทได้ดีและเนื้อหาที่สนุก
โดยป้าThompsonได้ร่วมงานกับลุงAlan Rickman อีกครั้ง หลังจากเคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่องSense and Sensibility(1995)
ป้าThompson ก็เคยร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์ชุดHarry Potter มาแล้ว
โดยรับบทเป็นศาสตราจารย์Sybill Trelawney แม่มดเลือดผสมที่ทำหน้าที่สอนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ประจำโรงเรียนHogward โดยคำพยากรณ์เรื่องใดที่ศาสตราจารย์Sybillทำนายเอาไว้มักเกิดขึ้นจริง
ศาสตราจารย์Sybill ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องHarry Potter and the Prisoner of Azkaban(2004),Harry Potter and the Order of the Phoenix(2007) และHarry Potter and the Deathly Hallows-Part2(2011)
โดยรับบทเป็นศาสตราจารย์Sybill Trelawney แม่มดเลือดผสมที่ทำหน้าที่สอนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ประจำโรงเรียนHogward โดยคำพยากรณ์เรื่องใดที่ศาสตราจารย์Sybillทำนายเอาไว้มักเกิดขึ้นจริง
ศาสตราจารย์Sybill ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องHarry Potter and the Prisoner of Azkaban(2004),Harry Potter and the Order of the Phoenix(2007) และHarry Potter and the Deathly Hallows-Part2(2011)
ปี2005 ป้าThompson ได้แสดงนำและเขียนบทให้กับภาพยนตร์แฟนตาซีสำหรับครอบครัวเรื่องNanny McPhee โดยดัดแปลงแบบหลวมๆมาจากวรรณกรรมชุดNurse Matilda
โดยบทNanny McPhee นั้น ป้าThompson ได้ให้ช่างแต่งหน้าเอฟเฟ็คต์ตกแต่งนานกว่า1ชั่วโมงกว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้...
โดยบทNanny McPhee นั้น ป้าThompson ได้ให้ช่างแต่งหน้าเอฟเฟ็คต์ตกแต่งนานกว่า1ชั่วโมงกว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้...
หลังจากทำรายได้แบบน่าพอใจ ทางสตูดิโอก็ได้สร้างภาคต่อโดยใช้ชื่อว่า"Nanny McPhee and the Big Bang" เข้าฉายเมื่อปี2010
ปี2012 ป้าThompson ได้รับบทเป็นสายลับO ในภาพยนตร์เรื่องMen in Black 3 ซึ่งเป็นภาคต่อที่รอคอยมานานกว่า10ปี นับตั้งแต่Men in Black 2ที่เข้าฉายเมื่อปี2002
นอกจากนี้ บทสายลับO ก็มีบทบาทในภาพยนตร์เรื่องMen in Black:International(2019) อีกด้วย
ปี2019 ป้าThompson ได้แสดงนำให้กับภาพยนตร์ตลกสร้างแรงบันดาลใจเรื่องLate Night
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของพิธีกรหญิงรายการทอล์คโชว์ที่เริ่มรู้สึกหมดไฟในการทำงาน จนได้มือเขียนรายการคนใหม่มาทำงาน จึงได้กลับมาทำงานในสิ่งที่รัก
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของพิธีกรหญิงรายการทอล์คโชว์ที่เริ่มรู้สึกหมดไฟในการทำงาน จนได้มือเขียนรายการคนใหม่มาทำงาน จึงได้กลับมาทำงานในสิ่งที่รัก
ขาประจำของค่ายDisney
ป้าThompson เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ร่วมงานกับทางDisney บ่อยๆ โดยมีภาพยนตร์ทั้งหมด5เรื่องด้วยกัน ดังนี้
ป้าThompson เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ร่วมงานกับทางDisney บ่อยๆ โดยมีภาพยนตร์ทั้งหมด5เรื่องด้วยกัน ดังนี้
- ให้เสียงเป็นCaptain Amelia ในภาพยนตร์เรื่องTreasure Planet(2002) ภาพยนตร์แอนิเมชั่น2มิติที่นำเสนอการผจญภัยสู่ห้วงอวกาศ ถึงแม้ว่าจะทำรายได้ไม่ดีตอนเข้าฉาย แต่กลับเป็นที่พูดถึงจนกลายเป็นCult Classic
- ให้เสียงเป็นราชินีElinor ในภาพยนตร์เรื่องBrave(2012) ภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากทางPixar ที่ได้ฉีกภาพลักษณ์เจ้าหญิงดิสนีย์ไปหมดสิ้นกับเจ้าหญิงMerida ที่มีนิสัยก๋ากั่นและเอาแต่ใจ
- รับบทเป็นP.L. Travers ผู้เขียนวรรณกรรมเรื่องMary Poppins ในภาพยนตร์เรื่องSaving Mr. Banks(2013) ภาพยนตร์ที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงของWalt Disney ที่ได้เจรจานำต้นฉบับMary Poppins ของผู้เขียนจริงมาสร้างเป็นภาพยนตร์
- รับบทและให้เสียงเป็นMrs. Potts ในภาพยนตร์เรื่องBeauty and the Beast(2017) ภาพยนตร์แฟนตาซีที่นำฉบับแอนิเมชั่นปี1991 มาตีความให้คงความเป็นต้นฉบับ
- รับบทเป็นBaroness von Hellman ในภาพยนตร์เรื่องCruella(2021) ภาพยนตร์ตลก-อาชญากรรมที่ขยายเรื่องราวราวอดีตอันแสบทรวงของCruella de Vil ได้อย่างแสบสัน
ชีวิตครอบครัว
ป้าThompson แต่งงานรอบแรกกับลุงKenneth Branagh เมื่อปี1989 ซึ่งก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็พบกันกลางกองถ่ายซีรีส์เรื่องForturnes of War แต่ทั้งคู่ได้หย่ากันเมื่อปี1995
หลังจากนั้น ป้าThompson ได้พบกับคุณGreg Wise กลางกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องSense and Sensibility จึงได้คบหาดูใจกัน และมีลูกสาวจากการผสมเทียม
หลังจากทั้งคู่ได้แต่งงานกันเมื่อปี2003 ป้าThompson ได้รับอุปการะเด็กชายชาวรวันดามาเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งเด็กชายคนนี้ได้รับสัญชาติเป็นชาวอังกฤษเมื่อปี2009
ป้าThompson แต่งงานรอบแรกกับลุงKenneth Branagh เมื่อปี1989 ซึ่งก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็พบกันกลางกองถ่ายซีรีส์เรื่องForturnes of War แต่ทั้งคู่ได้หย่ากันเมื่อปี1995
หลังจากนั้น ป้าThompson ได้พบกับคุณGreg Wise กลางกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องSense and Sensibility จึงได้คบหาดูใจกัน และมีลูกสาวจากการผสมเทียม
หลังจากทั้งคู่ได้แต่งงานกันเมื่อปี2003 ป้าThompson ได้รับอุปการะเด็กชายชาวรวันดามาเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งเด็กชายคนนี้ได้รับสัญชาติเป็นชาวอังกฤษเมื่อปี2009
12.Julia Louise-Dreyfus
เกิด:13 มกราคม 1961(ปัจจุบันอายุ60ปี)
บ้านเกิด:นครNew York สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1982
เกิด:13 มกราคม 1961(ปัจจุบันอายุ60ปี)
บ้านเกิด:นครNew York สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1982
ศิษย์เก่าแห่งรายการSaturday Night Live ที่ได้ก้าวสู้การเป็นนักแสดงซิทคอมเต็มตัวกับเรื่องSeinfeld(1989-1998) เป็นที่รู้จักจากซีรีส์ตลกการเมืองเรื่องVeep(2012-2019) ตลอดชีวิตการแสดง เจ้าตัวได้รับรางวัลEmmy Awards ถึง11รางวัล ล่าสุดได้เข้าสู่จักรวาลMCU กับบทContessa หรือชื่อจริงสุดยาวเหยียดว่า"Valentina Allegra de Fontaine"
ชีวิตก่อนเข้าวงการ
ป้าLouis-Dreyfus เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ฝรั่งเศส โดยมีพ่อเป็นชาวฝรั่งเศส ส่วนแม่เป็นชาวอเมริกัน หลังจากเจ้าตัวลืมตาดูโลกได้เพียง1ขวบ พ่อแม่ก็ได้หย่ากัน
ป้าLouis-Dreyfus กับแม่จึงย้ายมาอยู่ที่กรุงWashington D.C. ก่อนที่แม่ได้แต่งงานรอบสอง ซึ่งสมัยเด็ก เจ้าตัวได้ติดสอยตามพ่อเลี้ยงซึ่งทำงานอยู่ในProject HOPE
ป้าLouis-Dreyfus จบการศึกษาระดับไฮสคูลจากโรงเรียนHolton-Arms School ในเมืองBethesda รัฐMarylandเมื่อปี1979 และจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยNorthwestern ในเมืองEvanston รัฐillinois ต่อมาเจ้าตัวได้เรียนการแสดงที่Mee-Ow Show แต่ก็ต้องดรอปเรียนเพื่อเข้าร่วมรายการSaturday Night Live
ป้าLouis-Dreyfus เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ฝรั่งเศส โดยมีพ่อเป็นชาวฝรั่งเศส ส่วนแม่เป็นชาวอเมริกัน หลังจากเจ้าตัวลืมตาดูโลกได้เพียง1ขวบ พ่อแม่ก็ได้หย่ากัน
ป้าLouis-Dreyfus กับแม่จึงย้ายมาอยู่ที่กรุงWashington D.C. ก่อนที่แม่ได้แต่งงานรอบสอง ซึ่งสมัยเด็ก เจ้าตัวได้ติดสอยตามพ่อเลี้ยงซึ่งทำงานอยู่ในProject HOPE
ป้าLouis-Dreyfus จบการศึกษาระดับไฮสคูลจากโรงเรียนHolton-Arms School ในเมืองBethesda รัฐMarylandเมื่อปี1979 และจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยNorthwestern ในเมืองEvanston รัฐillinois ต่อมาเจ้าตัวได้เรียนการแสดงที่Mee-Ow Show แต่ก็ต้องดรอปเรียนเพื่อเข้าร่วมรายการSaturday Night Live
Saturday Night Live ปั้นให้เป็นดาว
รายการSaturday Night Live ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี1975(ตอนนี้ยังมีอยู่) ซึ่งรายการนี้ได้แจ้งเกิดให้กับเหล่านักแสดงสายตลกมากมาย
ป้าLouis-Dreyfus เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรายการนี้เมื่อปี1982 ด้วยวัยเพียง21ปี ซึ่งตอนนั้นมีลุงEddie Murphy,ลุงBilly Crystal,ลุงJim Belushi และลุงMartin Short เป็นผู้ร่วมรายการหลัก
ป้าLouis-Dreyfus ทำหน้าที่ในรายการนี้ทั้งหมด3ซีซั่นก่อนที่จะเกษียนจากรายการนี้เมื่อปี1985
แต่ป้าLouis-Dreyfus ก็หวนกลับมารายการนี้ในฐานะ"พิธีกร" ทั้งหมด3ครั้ง คือเทปปี2006,2007 และ2016
รายการSaturday Night Live ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี1975(ตอนนี้ยังมีอยู่) ซึ่งรายการนี้ได้แจ้งเกิดให้กับเหล่านักแสดงสายตลกมากมาย
ป้าLouis-Dreyfus เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรายการนี้เมื่อปี1982 ด้วยวัยเพียง21ปี ซึ่งตอนนั้นมีลุงEddie Murphy,ลุงBilly Crystal,ลุงJim Belushi และลุงMartin Short เป็นผู้ร่วมรายการหลัก
ป้าLouis-Dreyfus ทำหน้าที่ในรายการนี้ทั้งหมด3ซีซั่นก่อนที่จะเกษียนจากรายการนี้เมื่อปี1985
แต่ป้าLouis-Dreyfus ก็หวนกลับมารายการนี้ในฐานะ"พิธีกร" ทั้งหมด3ครั้ง คือเทปปี2006,2007 และ2016
ปังปุริเย่ กับซิทคอมขวัญใจชาวอเมริกัน
หลังจากหมดหน้าที่จากรายการSaturday Night Liveแล้ว ป้าLouis-Dreyfus ก็ได้ร่วมแสดงซิทคอมเรื่องDay by Day(1988-1989) ในบทEileen Swift โดยซิทคอมเรื่องนี้มีทั้งหมด2ซีซั่น
หลังจากนั้น ป้าLouis-Dreyfus ก็ได้ร่วมแสดงให้กับซิทคอมเรื่องSeinfeld(1989-1998) ในบทElaine Benes จนทำให้ซิทคอมเรื่องนี้กลายเป็นขวัญใจชาวอเมริกัน
ซิทคอมเรื่องนี้ ลุงJerry Seinfeld เป็นหนึ่งในผู้สร้างและรับบทเป็นตัวเอง โดยออกอากาศทั้งหมด9ซีซั่น ซึ่งซีซั่นสุดท้ายทำยอดผู้ชมมากกว่า38ล้านครัวเรือน
หลังจากหมดหน้าที่จากรายการSaturday Night Liveแล้ว ป้าLouis-Dreyfus ก็ได้ร่วมแสดงซิทคอมเรื่องDay by Day(1988-1989) ในบทEileen Swift โดยซิทคอมเรื่องนี้มีทั้งหมด2ซีซั่น
หลังจากนั้น ป้าLouis-Dreyfus ก็ได้ร่วมแสดงให้กับซิทคอมเรื่องSeinfeld(1989-1998) ในบทElaine Benes จนทำให้ซิทคอมเรื่องนี้กลายเป็นขวัญใจชาวอเมริกัน
ซิทคอมเรื่องนี้ ลุงJerry Seinfeld เป็นหนึ่งในผู้สร้างและรับบทเป็นตัวเอง โดยออกอากาศทั้งหมด9ซีซั่น ซึ่งซีซั่นสุดท้ายทำยอดผู้ชมมากกว่า38ล้านครัวเรือน
แต่ป้าLouis-Dreyfus ยังไม่หยุดแค่นี้ เพราะได้แสดงนำให้กับซิทคอมเรื่องThe New Adventures of Old Christine(2006-2010) ในบทChristine Campbell
ซิทคอมเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่ถือเรื่องความรัก แต่เรื่องราวชวนปวดหัวได้เริ่มต้น เมื่ออดีตสามีได้พาแฟนใหม่ที่มีชื่อเหมือนกันกับเธอมาทำความรู้จัก
ซิทคอมเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่ถือเรื่องความรัก แต่เรื่องราวชวนปวดหัวได้เริ่มต้น เมื่ออดีตสามีได้พาแฟนใหม่ที่มีชื่อเหมือนกันกับเธอมาทำความรู้จัก
ซึ่งซิทคอมเรื่องนี้มีทั้งหมด5ซีซั่น และป้าLouis-Dreyfus ก็ได้รับรางวัลEmmy Awards สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่นประเภทซีรีส์ตลกจากการแสดงซิทคอมเรื่องนี้
Veep ซีรีส์ที่ทำให้ป้าLouis-Dreyfus คว้ารางวัลจากงานEmmy Awards ไปถึง6ครั้ง
Veep(2012-2019) เป็นซีรีส์การเมืองที่เน้นความตลกขบขัน แต่ไม่ลืมใส่ความรู้ด้านการเมืองลงไปด้วย โดยเป็นเรื่องราวการทำงานของรองประธานาธิปดีหญิงที่เต็มไปด้วยความหรรษา
Veep(2012-2019) เป็นซีรีส์การเมืองที่เน้นความตลกขบขัน แต่ไม่ลืมใส่ความรู้ด้านการเมืองลงไปด้วย โดยเป็นเรื่องราวการทำงานของรองประธานาธิปดีหญิงที่เต็มไปด้วยความหรรษา
ซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด7ซีซั่น และได้รับคำชมทุกซีซั่น และได้รับรางวัลEmmy Awardsทั้งหมด 17รางวัล,Critics' Choice Awards 2รางวัล และSAG Awards 4รางวัล โดยป้าLouis-Dreyfus ได้รับรางวัลEmmy Awardsจากซีรีส์เรื่องนี้ทั้งหมด 6รางวัล ในสาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น ประเภทซีรีส์ตลก
งานให้เสียง
ผลงานส่วนใหญ่ของป้าLouis-Dreyfus เป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์ ดังนั้นผลงานภาพยนตร์ของเจ้าตัวจนถึงตอนนี้ไม่เกิน20เรื่อง แต่เจ้าตัวได้ให้เสียงในผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นทั้งหมด3เรื่อง ได้แก่
ผลงานส่วนใหญ่ของป้าLouis-Dreyfus เป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์ ดังนั้นผลงานภาพยนตร์ของเจ้าตัวจนถึงตอนนี้ไม่เกิน20เรื่อง แต่เจ้าตัวได้ให้เสียงในผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นทั้งหมด3เรื่อง ได้แก่
- A Bug's Life(1998) ให้เสียงเป็นเจ้าหญิงAtta
- Planes(2013) ให้เสียงเป็นRochelle
- Onward(2020) ให้เสียงเป็นLaurel Lightfoot
เข้าสู่จักรวาลMarvel กับบทบาทที่ยากจะคาดเดา
ป้าLouis-Dreyfus ก็เข้าสู่จักรวาลMarvel กับบทContessa/Valentina Allegra de Fontaine หญิงลึกลับซึ่งอยู่ในกลุ่มHydraรุ่นใหม่
โดยบทContessa ปรากฎตัวในภาพยนตร์เรื่องBlack Widow(เดาว่าน่าจะอยู่ในซีนหลังEnd Credit) และซีรีส์เรื่องFalcon and the Winter Soldier ในตอนที่5 และ6 และเร็วๆนี้กับซีรีส์เรื่องHawkeye
ป้าLouis-Dreyfus ก็เข้าสู่จักรวาลMarvel กับบทContessa/Valentina Allegra de Fontaine หญิงลึกลับซึ่งอยู่ในกลุ่มHydraรุ่นใหม่
โดยบทContessa ปรากฎตัวในภาพยนตร์เรื่องBlack Widow(เดาว่าน่าจะอยู่ในซีนหลังEnd Credit) และซีรีส์เรื่องFalcon and the Winter Soldier ในตอนที่5 และ6 และเร็วๆนี้กับซีรีส์เรื่องHawkeye
ชีวิตครอบครัว
ป้าLouis-Dreyfus ได้แต่งงานกับลุงBrad Hall ซึ่งเป็นนักแสดงศิษย์เก่ารายการSaturday Night Live เมื่อปี1987 มีลูกชาย2คน ได้แก่
ป้าLouis-Dreyfus ได้แต่งงานกับลุงBrad Hall ซึ่งเป็นนักแสดงศิษย์เก่ารายการSaturday Night Live เมื่อปี1987 มีลูกชาย2คน ได้แก่
- พี่Henry(เกิดเมื่อปี1992)
- น้องCharles(เกิดเมื่อปี1997)
ขอขอบคุณข้อมูลจากWikipedia