เปิดหมดเปลือก Skincare Routine รับมือกับปัญหาผิวเมื่ออายุเข้าเลขสาม!!
Wanviset 52 10
เมื่ออายุเราผ่านเลข 3 มาเราเริ่มสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของผิวได้ชัดเจนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ อย่างการเป็นสิวแบบไม่มีที่มาที่ไป การทิ้งรอยแดง-รอยดำของสิวไว้นานกว่าปกติ ไหนจะปัญหาฝ้า-กระจุดด่างดำ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในสเกลใหญ่ๆ อย่างสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เราเป็นมษุนย์ผิวผสม กลับกลายเป็นผิวธรรมดาไปโดยปริยาย ทำให้เราต้องปรับสกินแคร์และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับผิวเรามากที่สุด จนลงตัวและได้เป็นสกินแคร์เซทนี้เราเลยถือโอกาสนี้หยิบมาแชร์ให้ฟังทั้งวิธีคิดและเล่าถึงสกินแคร์แต่ละไอเทมไปในตัวเลยแล้วกันฮะ
Skin and Age
ก่อนจะไปพูดถึง Skincare Routine ของเราในตอนนี้ เราอยากให้เพื่อนๆ เข้าใจก่อนว่าในแต่ละช่วงอายุของมนุษย์เรานั้นล้วนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว ความสามารถในการผลิตน้ำมันบนใบหน้า การผลิตคอลลาเจน-อิลาสติน รวมไปถึงปัญหาผิวต่างๆ ที่มาพร้อมกับช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัย
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เมื่ออายุเราเข้าเลข 3 ผิวเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งในเรื่องของการผลิตน้ำมันที่น้อยลง ทำให้จากเดิมที่เราผิวผสม-มัน กลายเป็นผิวธรรมดา รวมถึงกระบวนการต่างๆ ของผิวก็ช้าลงไม่เว้นแม้แต่กระบวนการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดความหมองคล้ำ หรือแม้กระทั้งปัญหาสิว และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาเราก็ย่อมต้องมีปัญหาเรื่องริ้วรอยเข้ามาอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมดาขอรับ
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เมื่ออายุเราเข้าเลข 3 ผิวเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งในเรื่องของการผลิตน้ำมันที่น้อยลง ทำให้จากเดิมที่เราผิวผสม-มัน กลายเป็นผิวธรรมดา รวมถึงกระบวนการต่างๆ ของผิวก็ช้าลงไม่เว้นแม้แต่กระบวนการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดความหมองคล้ำ หรือแม้กระทั้งปัญหาสิว และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาเราก็ย่อมต้องมีปัญหาเรื่องริ้วรอยเข้ามาอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมดาขอรับ
Skincare Category
เราได้จัดหมวดหมู่ Skincare ที่เราใช้ในตอนนี้ โดยแยกตามจุดประสงค์ของการทำงาน ภายใต้ความเข้าใจของเรา ซึ่งเราแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มดังนี้ :
- Exfoliate : กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ใช้เพื่อเร่งกระบวนการในการผลัดเซลล์ผิว ให้ทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้เราจะใช้แค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองมากจนเกินไป
- Anti-Inflammatory/Depigmentation : กลุ่มนี้เราเอามาช่วยลดการอักเสบของผิวที่เกิดจากผลกระทบจากแสงแดด และมลภาวะต่างๆ รวมถึงสิวอักเสบ รวมถึงการฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอและชะลอการเกิดริ้วรอย
- Moisturizer : การมอบความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหน อายุเท่าไหร่ มอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมปราการผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- Sun Protection : กลุ่มสุดท้ายที่ขาดไม่ได้นั่นคือผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด รังสี UV และในปัจจุบันยังต้องปกป้องผิวจาก HEV เพื่อชะลอความเสื่อมของเซลล์รวมถึงลดการเกิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอนั่นเองฮะ
Texture
ในแง่เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวที่เราหยิบมาใช้ใน Routine ก็จะมีตั้งแต่กลุ่มที่เป็น
- Water-Based ไม่ว่าจะเป็น JYUNKA A3 Concentrate และ Eri Eden The Vital Serum
- Gel-Based อย่าง Heliocare 360 Water Gel กันแดดที่ครบเครื่องตัวโปรดของเรา
- Cream-Based ที่เนื้อไม่หนักมากแต่มอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีอย่าง Zeroid Intensive Cream MD รวมถึง Spot Treatment อย่าง tHermoCEUTICAL Tyroderm Cream ที่เข้ามาช่วยจัดการปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอเฉพาะจุด
Active Ingredients
มาต่อกันที่ Active Ingredients ของแต่ละไอเทมกันบ้าง ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละไอเทมนั้นใส่มาเหมือนการเปิดศึก Avenger End Game อย่างไงอย่างนั้นเลยหละ แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถอธิบายทุกส่วนผสมได้หมดเพราะมันเยอะมากเลยทีเดียวเอาเป็นว่าเราจะอธิบายคร่าวๆ ถึงส่วนผสมที่เรามองว่าน่าสนใจในแต่ละไอเทมก็แล้วกันนะครับขอรับ
เริ่มกันที่กลุ่มผลัดเซลล์ผิวอย่าง Peter Thomas Roth AMINO ACID EXFOLIATING PEEL PADS ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ Salicylic Acid หรือที่เรารู้จักกันดีอย่าง BHA เข้ามาใช้ในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ แล้วเสริมความชุ่มชื้นและปราการผิวด้วย NMF อย่าง Amino Acid ที่ใส่เข้ามาแบบไม่เว้นวรรคให้หายใจกันเลยทีเดียว
หลังจากที่เราผลัดเซลล์ผิวกันไปแล้วเราก็จะใช้เซรั่ม 2 ตัวนั่นคือ JYUNKA A3 Concentrate ที่มีจุดเด่นเรื่องเนื้อสัมผัสบางเบาและอุดมไปด้วย Marrubium Vulgare Extract ที่ช่วยลดผลกระทบการมลภาวะ แสงแดด และการอักเสบได้เป็นอย่างดี / ควบคู่ไปกับ Eri Eden The Vital Serum ที่มีส่วนผสมที่เราเลิฟอีกหนึ่งตัวอย่าง Bakuchiol 1% เพื่อช่วยชะลอวัย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และมี Licorice ช่วยลดการอักเสบและเป็น Brightening Agent ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย
มาถึงคิวของ Moisturizer กันบ้างในขั้นตอนนี้เพื่อนๆ น่าจะเห็นแล้วว่าเรามีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ถึงสองตัว โดยเราจะใช้ Zeroid Intensive Cream MD ที่มีส่วนผสมอย่าง MLE และ Defensamide ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันให้ผิวให้แข็งแรง / ส่วน tHermoCEUTICAL Tyroderm Cream ที่มีส่วนผสมอย่าง Tranexamic Acid, Nicacindmide และ Vitamin Peptide เน้นในบริเวณที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นรอยแดง-ดำจากผิว รวมถึงฝ้า-กระ จุดด่างดำต่างๆ เป็นหลัก
แล้วตามด้วย Heliocare 360 Water Gel ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่ทางแบรนด์อัดสารกัดแดดมาแบบไม่มีกั๊ก กันได้ครบทั้ง UVA UVB HEV และ IR แถมความเสถียรก็ค่อนข้างสูงทีเดียวหละ ที่สำคัญคือเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว ไม่หนักผิว ไม่ทำให้ผิวขาวลอย
ปิดท้ายด้วย tHermoCEUTICAL Tyroderm Patch ซึ่งส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างว้าวกับไอเทมนี้มากๆ ด้วยนวัตกรรมของ Polymer Matrix Patch ที่ดีไซน์มาในรูปแบบ Patch ได้อย่างเรียบเนียน แนบสนิทไปกับผิว ติดผิวได้ดี ไม่หลุดง่ายทำให้สามารถติดระหว่างวันหรือในตอนนอนได้อย่างสบายใจว่าจะไม่หลุด แถมยังได้รับการฟื้นฟูผิวจาก Tranexamic Acid, COS-VCE, Alpha-melight และ MakeWhiteTM อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าเมื่อใช่รวมกับ Tyroderm Cream แล้วสามารถลดความเข้มของฝ้าให้จางลงได้จริง
เอาหละเราเชื่อว่าเล่ามาขนาดนี้เพื่อนๆ น่าจะอยากเห็นกันแล้วว่าผลลัพธ์ที่เราได้จาก Skincare Routine เซทนี้เป็นอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าไปชมพร้อมๆ กันเลยฮะ...
เริ่มกันที่กลุ่มผลัดเซลล์ผิวอย่าง Peter Thomas Roth AMINO ACID EXFOLIATING PEEL PADS ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ Salicylic Acid หรือที่เรารู้จักกันดีอย่าง BHA เข้ามาใช้ในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ แล้วเสริมความชุ่มชื้นและปราการผิวด้วย NMF อย่าง Amino Acid ที่ใส่เข้ามาแบบไม่เว้นวรรคให้หายใจกันเลยทีเดียว
หลังจากที่เราผลัดเซลล์ผิวกันไปแล้วเราก็จะใช้เซรั่ม 2 ตัวนั่นคือ JYUNKA A3 Concentrate ที่มีจุดเด่นเรื่องเนื้อสัมผัสบางเบาและอุดมไปด้วย Marrubium Vulgare Extract ที่ช่วยลดผลกระทบการมลภาวะ แสงแดด และการอักเสบได้เป็นอย่างดี / ควบคู่ไปกับ Eri Eden The Vital Serum ที่มีส่วนผสมที่เราเลิฟอีกหนึ่งตัวอย่าง Bakuchiol 1% เพื่อช่วยชะลอวัย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และมี Licorice ช่วยลดการอักเสบและเป็น Brightening Agent ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย
มาถึงคิวของ Moisturizer กันบ้างในขั้นตอนนี้เพื่อนๆ น่าจะเห็นแล้วว่าเรามีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ถึงสองตัว โดยเราจะใช้ Zeroid Intensive Cream MD ที่มีส่วนผสมอย่าง MLE และ Defensamide ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันให้ผิวให้แข็งแรง / ส่วน tHermoCEUTICAL Tyroderm Cream ที่มีส่วนผสมอย่าง Tranexamic Acid, Nicacindmide และ Vitamin Peptide เน้นในบริเวณที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นรอยแดง-ดำจากผิว รวมถึงฝ้า-กระ จุดด่างดำต่างๆ เป็นหลัก
แล้วตามด้วย Heliocare 360 Water Gel ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่ทางแบรนด์อัดสารกัดแดดมาแบบไม่มีกั๊ก กันได้ครบทั้ง UVA UVB HEV และ IR แถมความเสถียรก็ค่อนข้างสูงทีเดียวหละ ที่สำคัญคือเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว ไม่หนักผิว ไม่ทำให้ผิวขาวลอย
ปิดท้ายด้วย tHermoCEUTICAL Tyroderm Patch ซึ่งส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างว้าวกับไอเทมนี้มากๆ ด้วยนวัตกรรมของ Polymer Matrix Patch ที่ดีไซน์มาในรูปแบบ Patch ได้อย่างเรียบเนียน แนบสนิทไปกับผิว ติดผิวได้ดี ไม่หลุดง่ายทำให้สามารถติดระหว่างวันหรือในตอนนอนได้อย่างสบายใจว่าจะไม่หลุด แถมยังได้รับการฟื้นฟูผิวจาก Tranexamic Acid, COS-VCE, Alpha-melight และ MakeWhiteTM อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าเมื่อใช่รวมกับ Tyroderm Cream แล้วสามารถลดความเข้มของฝ้าให้จางลงได้จริง
Result...
เอาหละเราเชื่อว่าเล่ามาขนาดนี้เพื่อนๆ น่าจะอยากเห็นกันแล้วว่าผลลัพธ์ที่เราได้จาก Skincare Routine เซทนี้เป็นอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าไปชมพร้อมๆ กันเลยฮะ...
เราเริ่มใช้สกินแคร์เซทนี้ประมาณ 1 เดือนก่อนซึ่งเป็นช่วงที่เรามีปัญหาสิวอักเสบอย่างต่อเนื่อง นี่ยังไม่นับถึงรอยแดง-รอยดำจากสิว รวมถึงผิวเสียที่สมดุลจากการรักษาสิว ความแห้งกร้านและหมองคล้ำให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงปัญหาฝ้าที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ บนผิว
แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือนปรากฏว่าผิวโดยรวมเรียบเนียนขึ้น ความชุ่มชื้นบนผิวกลับสู่สภาพปกติอย่างน่าประหลาดใจ สิวอักเสบแทบจะไม่เหลือบนผิวแล้ว จะมีก็แต่รอยสิวบ้างประปราย ในแง่ของรอยแดงจากการอักเสบของสิวก็ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีทีเดียวหละฮะ แถมเรายังแอบรู้สึกว่าผิวเราอิ่มฟูและดูกระชับขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับในช่วงเดือนที่แล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ดังกล่าวนั้น Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง ไลฟ์สไตล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช่ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขอรับ / ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม สิวจะขึ้นหรือไม่ ? เราไม่สามารถตอบให้ได้เนื่องจากอาการแพ้ ระคายเคืองนั่นมีปัจจัยที่แตกต่างกันไปในแต่คน ทางที่ดีที่สุดในการจะลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เราแนะนำให้เทสต์อาการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือลำคอ ก่อนใช้จริงบนใบหน้าขอรับ
แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือนปรากฏว่าผิวโดยรวมเรียบเนียนขึ้น ความชุ่มชื้นบนผิวกลับสู่สภาพปกติอย่างน่าประหลาดใจ สิวอักเสบแทบจะไม่เหลือบนผิวแล้ว จะมีก็แต่รอยสิวบ้างประปราย ในแง่ของรอยแดงจากการอักเสบของสิวก็ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีทีเดียวหละฮะ แถมเรายังแอบรู้สึกว่าผิวเราอิ่มฟูและดูกระชับขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับในช่วงเดือนที่แล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ดังกล่าวนั้น Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง ไลฟ์สไตล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช่ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขอรับ / ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม สิวจะขึ้นหรือไม่ ? เราไม่สามารถตอบให้ได้เนื่องจากอาการแพ้ ระคายเคืองนั่นมีปัจจัยที่แตกต่างกันไปในแต่คน ทางที่ดีที่สุดในการจะลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เราแนะนำให้เทสต์อาการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือลำคอ ก่อนใช้จริงบนใบหน้าขอรับ