รวม moment น่าประทับใจจาก Tokyo 2020 Olympics

47 12

มหกรรมกีฬาที่ชาวโลกเฝ้ารอติดตามเพิ่งจะปิดตัวลงไปได้ไม่นาน า แม้ว่าอุปสรรค์ตัวฉกาจอย่างไวรัส COVID จะทำให้ต้องใจหายกับบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และหลายคนอาจจะคิดถึงเสียงเชียร์ที่กระหึ่มก้องสนามกีฬา แต่เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันนี้ถือว่านี่เป็นการจัดOlympics ที่สุดแสนประทับใจครั้งหนึ่งเลยนทีเดียว

ในอดีตที่เรายังไม่มี social media เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต การติดตาม Olympicsของเรานั้นมีแต่เรื่องของผลการแข่งขันและจำนวนเหรียญ อาจจะได้รับข้อมูลของนักกีฬาเพิ่มเติมขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับยุคปัจจุบันที่มีการส่งต่อข้อมูลที่น่านใจหลายอย่างแบบทันท่วงที moment เด็ดๆ ในการแข่งขันสามารถกลายเป็น viral ให้คนทั่วโลกได้กล่าวขวัญ รวมถึงเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจตรึงตราในความทรงจำ

เรามาติดตามกันเลยค่ะ


นักฟันดาบ USA ใส่หน้ากากสีชมพูประท้วงเพื่อนร่วมทีมที่ถูกกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ

โลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปนั้น ทำให้ Olympic Game ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกีฬาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป  แต่ยังเป็น platform ที่ผู้คนใช้ถ่ายทอดอุดมการณ์ที่ยึดมั่น  ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ นักกีฬาฟันดาบ Team USA สามคนก็ได้แสดงจุดยืนอย่างไ่หวาดหวั่นเพื่อต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ   

เรื่องราวครั้งนี่เกิดขึ้นต่อเนื่องติดพันมาตั้งแต่สมาฟันดาบ  USA ได้ประกาศว่า  Alen Hadzic  ติดทีมชาติเพื่อเข้าร่วมชิงชัยกีฬาฟันดาบ    หลังจากนั้นจึงมีผู้ post ข้อความทาง social media ว่า  นักกีฬาผู้นี้มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่ศึกษาใน Columbia University    โดยที่มีนักกีฬาฟันดาบหญิงได้ร้องเรียนไปถึง SafeSport ว่าถูกชายผู้นี้ล่วงละเมิดในช่วงปี 2013-2015 ระหว่างที่ศึกษาที่ Columbia  ส่งผลให้เขาถูกห้ามไม่ให้ลงแข่งขันกีฬาฟันดาบอยู่ระยะหนึ่ง  จนถึงช่วงก่อนหน้า Olympic Game เพียงไม่นานก็มีการตัดสินว่า  เขาสามารถกลับมาเป็นตัวแทน USA เพื่อลงแข่งที่ Tokyo  โดยให้เหตุผลว่า  ไม่ปรากฏว่ามีผู้ร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมของเขาเพิ่มเติมในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา และจะกำหนดให้มีการสอดส่องดูแลความประพฤติ  ไม่อนุญาตให้เขาเข้าพักในหมู่บ้านนักกีฬาร่วมกับนักกีฬาคนอื่น และต้องพักที่โรงแรมแทน



แต่การตัดสินใจดึง Alen Hadzic คืนสู่ทีมนั้นทำให้สื่ออย่าง BuzzFeed News เจาะลึกหาข้อมูลจากนักฟันดาบและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรวม 30 คนพบว่า แหล่งข่าวหลายคนได้พูดตรงกันถึงพฤติกรรมฉวยโอกาสเข้าหาหญิงสาวที่กำลังมึนเมาในparty รวมถึงแฟนเก่าที่เคยถูกกดดันให้มี sex เธอยืนยันว่า ผู้หญิงใน Tokyo Game จะไม่ปลอดภัย หากปล่อยให้เขาวนเวียนใกล้ๆ รวมถึงผู้ที่เคยรู้จักกันใน Columbia ที่เล่าถึงชื่อเสียงเสียหายในเรื่องความรุนแรง

แม้ว่านักฟันดาบผู้ถูกกล่าวหาจะปฏิเสธและอุทธรณ์จนกลับมาติดทีมชาติ แต่เพื่อนร่วมทีมหลายคนรู้สึกรับเรื่องนี้ได้ยาก พวกเค้าเขียนจดหมายถึงคณะกรรมการ Olympic เพื่อแสดงความกังวลใจว่า Alen Hadzic จะสร้างบรรยากาศที่แย่จนส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน และมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะปล่อยให้คนที่ถูกกล่าวหาจากผู้หญิงอย่างน้อยสามคนได้เป็นตัวแทนประเทศในระหว่างที่ยังตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ความไม่พอใจนี้ได้ก่อตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้นักกีฬาฟันดาบสามคนเลือกใส่หน้ากากสีชมพู ปล่อยให้ Alen Hadzic ใส่หน้ากากสีดำอยู่เดียวโดยไม่บอกเขาไว้ก่อน นักฟันดาบรายหนึ่งได้อธิบายกับ BuzzFeed News ว่า

" พวกเค้าตัดสินใจทำให้ทุกคนรู้ว่าไม่ได้สนับสนุนนักกีฬาผู้นี้ได้เข้าร่วมทีม พวกเค้าต้องการโชว์ความแตกต่างว่าไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง นักกีฬากลุ่มนี้ต้องการแสดงจุดยืนที่สมาคมฟันดาบและSafeSportได้ละเลยไป"


นัก Gymnastics สาวอเมริกันเชื้อสายม้งคนแรกที่คว้าเหรียญทอง all around


ชาวอเมริกันเชื้อสายม้งถคือชนชาติจากสืบเชื้อสายจากผู้อพยพจากเอเชียที่ถูกจัดว่ามีรายได้น้อยที่สุดและยังมีผู้จบการศึกษาในระดับมัธยมและมหาวิทยาลัยน้อยที่สุดอีกด้วย      แม้แต่นักเคลื่อนไหวเพื่อชาวม้งในอเมริกาเองก็ยังยอมรับว่า  หากถามถึงชาวม้งที่ประสบความสำเร็จเป็นที่จดจำ  เธอก็ไม่สามารถระบุออกมาได้เลยสักชื่อ  ชัยชนะของ Sunisa Lee  จึงมีความหมายต่อชุมชนชาวม้งอย่างล้นเหลือ     

John พ่อ*ของ Suni ที่อพยพหนีสงครามเวียดนามมาตั้งรกรากที่อเมริกาตั้งแต่เด็กนั้นเคยทำคานทรงตัวให้ลูกสาวฝึกหัด gymnastics เองเพราะไม่มีเงินมากพอ เขาและภรรยาต้องทำงานหนักเพื่อสนับสนุนให้ความฝันของเธอเป็นจริง แม้จะไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่ก็สายใยครอบครัวที่ผูกพันนั้นเป็นแรงสนับสนุนให้ Suni ก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อยท้อแท้จนกลายมาเป็นนักกีฬาชื่อดังที่ใครๆต่างสนใจ


* John เป็นพ่อเลี้ยงที่ใช้ชีวิตกับYeev Thoj คุณแม่ของน้องSuni มานาน ผูกพันกันมากจนน้องถือว่าเป็นพ่อจริงๆและเปลี่ยนนามสกุลมาเป็น Lee ตามพ่อค่ะ


"เธอสร้างประวัติศาสตร์" พ่อของSuni ประกาศอย่างภาคภูมิใจ ครอบครัวของพวกเค้าต้องผ่านวิกฤติเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุตกจากที่สูงจนมีภาวะเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงล่างลงไป และนั่นทำให้ Suni เกือบถอดใจในการแข่งขัน แต่เขาได้ยืนยันให้เธอก้าวต่อไปเพื่อสร้างฝันให้เป็นจริง ที่จริงแล้ว ครอบครัวไม่ได้กดดันด้วยความคาดหวังว่าเธอจะต้องคว้าเหรียญกลับมา แต่เป็นความเชื่อมั่นเมื่อได้ประจักษ์มาโดยตลอดว่า Suni ต้องเสียสละมากมายเพียงใด นักกีฬาที่ต้องเทรนหนักมาตั้งแต้เด็กนั้นจะไร้สังคม ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับเด็กคนอื่น ต้องเดินทางห่างไกลจากครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง และไหนยังต้องพบกับความหวาดระแวงต่ออาการบาดเจ็บที่อาจจะทำให้สิ่งที่ทุ่มเทมาหลายปีพังทลายลงไป Suni เคยบาดเจ็บมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะปีที่แล้วที่กระดูกเท้าหักรวมถึงบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายจนต้องพักเต็มๆสองเดือน แตก็กลับมาติดทีมชาติและคว้าเหรียญทอง Olympic ที่เธอใฝ่ฝันได้สำเร็จ

หลายคนอาจจะเรียกว่านี่คือ American Dream เพราะไม่ว่าจะมี background เช่นใด ความมุ่งมั่นก็จะพาไปสู่เป้าหมายที่ไม่เพียงจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้ตัวเองและครอบครัว แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น ชัยชนะของเธอมีความหมายมากจนผู้ว่าการรัฐ Minnesota (รัฐที่มีชาวม้งอพยพไปตั้งรกรากเป็นชุมชนขนาดใหญ่) ได้ประกาศให้วันที่ 30 กรกฎาคมเป็นวัน Sunisa Lee




นอกจากการสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนชาวม้งอเมริกันแล้ว Suni ต้องการพิสูจน์ความสามารถ จากกระแสกดดันและความเกลียดชังต่อชาวม้งที่ประทุขึ้นมา หลังจากคดีฆาตกรรม George Floyd มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื้อสายม้งตกเป็นผู้ตกหาจากการใช้กำลังจับกุมจนผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต นั่นทำให้เกิดกระแส Anti- Asian ที่ทำให้ชุมชนชาวม้งตกเป็นเป้าหมายความรุนแรง ร้านค้าและบ้านของชาวม้งหลายหลังถูกบุกรุกทำลาย รวมถึงบ้านใกล้เรือยเคียงกับครอบครัวของเธอ

Suni ได้ระบายความในใจกับสื่อว่า

 " ผู้คนเกลียดชังเราโดยไม่มีเหตุผล   มันคงจะดีมากหากได้ทำให้พวกเค้าเห็นว่าเรามีดีกว่าที่พวกเค้าพูดถึง"

"ฉันพยายามทำให้ชุมชนชาวม้งได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น   หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้น  ฉันคิดว่าเหมือนกับการก้าวถอยหลังลงคลอง"


ตอนนี้เธอได้กลายเป็นฮีโร่ที่ผู้คนมากมายให้ความสำคัญ และน่าจะจุดประกายให้คนในสังคมหันมาเรียนรู้เพื่อลดอคติกับชาวเอเชียนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ต้องคอยหวาดระแวงกับอาชญากรรมจากความเกลียดชัง





แชมป์เหรียญทองจักรยาน BMX ที่เกือบจะไม่ได้เข้ามาถึง Olympic เพราะขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานกีฬา 


เมื่อพูดถึงวงการกีฬาOlympic คุณคงนึกถึงเหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่ได้รับการคัดเลือกมาเป็นตัวแทนประเทศ พวกเค้าได้รับค่าตอบแทนทั้งจาก sponsor และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อม แต่สำหรับม้ามืดเหรียญทองจักรยาน BMX หญิงจาก Team GB เส้นทางความเป็นแชมป์ของสาววัย 22 ขรุขระจนอาจจะทำให้คุณต้องประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะว่า แม้เธอจะเป็นผู้ชนะจากรายการ world junior champion ในปี 2017 แต่กลับไม่สามารถหาผู้สนับสนุนได้ จนต้องหางานพิเศษเป็นผู้ช่วยครูในโรงเรียนประถมและแบ่งเวลามาฝึกซ้อม นั่นเป็นหน่วยงาน UK Sportไม่ได้สนใจในความสามารถของนักกีฬาจักรยาน BMX หญิงมากเพียงพอและตัดสินใจจะสนับสนุนเฉพาะนักกีฬาชายเพื่อร่วมแข่งขันที่Tokyo แม้ว่าจะพยายามเก็บเงิน แต่ก็ยังขาดเงินทุนในการเก็บตัวเพื่อฝึกซ้อมและจ้างโค้ชที่ต่างประเทศถึง £50,000 พ่อแม่จึงต้องทุ่มเทเงินเก็บเพื่อช่วยเหลือ Beth แต่นั่นก็ยังสร้างความกังวลต่อค่าใช้จ่ายในการเทรนให้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่ Olympic ที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

Bethได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC เมื่อสองปีก่อนว่า

"คู่แข่งของฉันจากทั่วโลกเป็นนักกีฬา full timeและได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่าย ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับความช่วยเหลอมากนัก มันน่ากังวลใจค่ะ และฉันไม่อยากให้ความฝันของตัวเองหลุดลอยไปเพราะปัญหาเรื่องเงิน"





เรื่องราวได้ปลี่ยนผันไปในทางที่ดี เมื่อผู้อำนวยการ British Cyclingไ เกิดความประทับใจในความสามารถของเธอ จึงเกลี้ยกล่อมให้ UK Sport ยอมสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายและรับเธอกลับเข้าทีมเพื่อเข้าโปรแกรมฝึกฝน

"ดูสิว่าฉันมาได้ไกลขนาดไหน"   Beth กล่าวอย่างภูมิใจหลังจากเบียดเอาชนะ Mariana Pajon Colombia ผู้ที่คว้าสองเหรียญทองจากOlympicครั้งก่อน   ชัยชนะเหนือแชมป์ที่เก่งกาจจนมีฉายาว่า'ราชินีแห่ง BMX'  และกลายมาเป็นนักกีฬาจักรยานBMX หญิงคนแรกของ UK   น่าจะพลิกผันให้หน่วยงานกีฬาของประเทศนี้หันมาให้ความสำคัญและสนับสนุนนักกีฬานี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

เรื่องแบบเดียวกันได้เกิดขึ้นกับ Emily Campbell นักกีฬายกน้ำหนักรุ่น 87kg ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาหญิงUK ที่คว้าเหรียญOlympic หลังจากที่เธอสร้างผลงานดีเด่นจนได้รับเหรียญเงินใน Tokyo แต่ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬายกน้ำหนักถูก UK sport ตัดงบ จนตัวนักกฬาจะต้องใช้เงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงมาเป็นค่าใช้จ่าย และรับความช่วยเหลือจากคนในชุมชนที่ช่วยระดมทุนสนับสนุน ฟังแล้วอาจจะขัดกับภาพลักษณ์มหาอำนาจ Olympic แต่ชัยชนะของนักกีฬาก็ได้สร้างความหวังว่า นี่อาจจะจุดเปลี่ยนให้UK Sportได้ตระหนักถึงความสำคัญของกีฬาที่อยู่นอกสายตาขึ้นมาบ้าง


ภาพของคู่ซี้แชมป์เหรียญทอง-เหรียญเงินกีฬาจักรยาน BMX 



ภาพที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเกิดขึ้นเมื่อ Beth ที่แม้จะรู้สึกดีใจกับชัยชนะแต่ความรู้สึกที่พร่างพรูบวกอาการตะคริวทำให้ลุกขึ้นมาเองไม่ไหว    Kye Whyte เพื่อนซี้ของเธอที่เพิ่งคว้าเหรียญเงินในประเภทชายไปได้วิ่งเข้ามาแสดงความดีใจ  จึงรีบอุ้มเธอขึ้นมาด้วยความสุขล้นเหลือ  เขาบอกว่ารู้สึกดีใจกับเธอมากกว่าความสำเร็จของตัวเองซะอีก   


ตอนที่ Beth กำลังปั่นสุดชีวิต Kye เป็นยืนตะโกนเชียร์โหวกเหวกติดขอบสนาม "สู้เค้า Beth เอาเลย Beth" ตอนที่เธอเข้าเส้นชัยนั้น เขาดูสะใจยิ่งกว่าตอนที่ตัวเองได้เหรียญจริงๆ
"เราเข้าแคมป์ฝึกที่อเมริกาและเธอฝึกหนักจนไหล่เคลื่อน ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัด  นั่นได้แสดงให้เห็นว่าเธอมุ่งมั่นมากขนาดไหน"
"เธอรวดเร็วมากและพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้ ผมรู้ว่าเธอจะชนะ ดูจากการปั่นบนลู่แข่งก็เห็นชัด ไม่มีใครตามเธอทัน"
"เธอเป็นคนที่ยอดเยี่ยม และเธอควรค่าต่อเหรียญทองเพราะเธอมีความสามารถที่เหลือเชื่อจริงๆ"




LGBT sport icon และ Prince Of Knitting


การตกอยู่ในความสนใจจากสังคมไม่ใช่เรื่องใหม่ของ Tom Daley เลย   นับตั้งแต่เข้าร่วมใน Olympic ตั้งแต่อายุ 14   เขาก็ถูกมองไม่ต่างจาก celebrity ที่สร้างเสียงฮือฮาเสมอ     ตลอดระยะเวลา 13 ปี  Tom ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคมามากมายจนก้าวมารับเหรียญทองคล้องคอ ทำให้แฟนๆอดตื้นตันใจตื้นตันใจไปด้วยไม่ได้   โมเมนท์หยดน้ำตาที่ไหลรินของหนุ่มนักกระโดดน้ำสุดน่ารักคนนี้กลายมาเป็นไฮไลท์ของการแข่งขันที่หลายสื่อนำมาดึงดูดผู้ติดตาม    รวมถึงคำประกาศว่า ภาคภูมิใจที่เป็นเกย์ และแชมเปี้ยน Olympic ที่ได้ทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ว่า  ความสำเร็จของของนักกีฬาผู้มุ่งมั่นกล้าแกร่งนั้นไม่ได้มีเรื่องรสนิยมทางเพศมาเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆต้องอมยิ้ม คือการใช้เวลาในการถักนิตติ้งอย่างจริงจังที่ระหว่างชมการแข่งขัน  ปฏิกิริยาของคนทั่วไปนั้นเต็มไปด้วยเสียงชื่นชม   สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการถักนิตติ้งยังได้ยืนยันว่า นี่คือกิจกรรมที่ช่วยทำให้มีสมาธิดีขึ้น  สอดคล้องกับคำบอกเล่าของ Tom  ที่เคยอธิบายว่า การถักนิตติ้งทำให้ทั้งผ่อนคลายและช่วยให้จิตใจจดจ่อซึ่งสำคัญกับกีฬากระโดดน้ำที่นักกีฬาจำเป็นต้องใช้สมาธิสูงเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด    ( Tom ยังรักการถักโครเชต์ด้วยค่ะ)  




เหล่านักกีฬาเยาวชนที่ประกาศศักดาใน Olympics


กีฬา skateboard ที่ถูกบรรจุในการแข่งขันที่ Tokyo ครั้งนี้ทั้งสร้างประวัติศาสตร์และกลายเป็น viral ให้ผู้คนต้องตกตะลึง หากไม่ได้ติดตามวงการนี้มาก่อน อาจจะไขว้เขวไปได้ว่านี่คือการแข่งขันระกับ junior ไม่ใช่ Olympic ที่เป็นการชิงชัยระดับนานาชาติ เพราะผู้ชนะที่คว้าเหรียญมาประดับคอนั้นยังเป็นเด็กที่ใสสุดๆ

ก็ลองมารายชื่อกันเลยค่ะ

street skateboarding

ญี่ปุ่น: Momiji Nishiya 13 ปี เหรียญทอง (แชมป์เปี้ยนอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น น้องเพิ่งจบจากโรงเรียนประถมไปไม่นานมานี้)

บราซิล: Rayssa Leal13 ปี เหรียญเงิน (เธอเป็นเจ้าของฉายนางฟ้าน้อยแห่งวงการSkateboarding)




เด็กๆน่ารักกันมากๆ  ถึงจะเป็นคู่แข่ง แต่ไม่ได้แผ่ออร่าข่มขวัญกัน  ทั้งยังแสดงความยินดีต่อชัยชนะของอีกฝ่ายอย่างจริงใจ

park skateboarding

ญี่ปุ่น: Kokona Hirakiraki  13 ปี เหรียญเงิน  (นักกีฬาที่อายุน้อยที่สุดของญี่ปุ่นที่เข้าร่วมแข่ง Olympic)


UK:  Sky Brown  13  ปี  เหรียญเงิน (สร้างความฮือฮาสุดๆในอังกฤษ ไม่แตกต่างจาก Tom Daley สมัยที่แข่งขันOlympic เมื่ออายุ 14)
นัก skateboard รุ่นเยาว์เหล่านี้ต่างมี sponsor สนับสนุนเข้าแข่งขันในรายการต่างๆ และเคยผจญกับอาการบาดเจ็บที่ดูน่ากลัวมาแล้ว     แม้จะอายุยังน้อย แต่กว่าจะผ่านการตัดเลือกมาชิงชัย  Olympic ได้ก็ต้องทุ่มเทไม่ต่างจากนักกีฬาผู้ใหญ่

เด็กหญิงมหัศจรรย์  อาวุธเด็ดจากจีนที่น่าจะเขย่าขวัญคู่แข่งไปได้อีกหลายปี

Quan Hongchan คืออีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จในการปั้นนักกีฬาของแดนมังกร เธอเกิดในครอบครัวเกษตรกรในชนบทและพบกับเหตุการณ์พลิกชีวิต เมื่อโค้ชชื่อดังที่เดินทางไปตามเมืองต่างๆเพื่อเฟ้นหาเพชรในตมเพื่อนำไปเจียระไนที่โรงเรียนกีฬา Quan Hongchan ในวัย 7 ขวบที่ฉายแววโดดเด่นได้รับเลือกให้ไปฝึกฝนในโรงเรียนกีฬา  สี่ปีต่อมาก็เริ่มชนะรายการแข่งขันต่างๆ เปล่งประกายอัจฉริยะจนติดทีมชาติด้วยวัยเพียง 14เท่านั้น

เธอแสดงความสามารถเกินวัยให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ เมื่อได้รับคะแนนเต็มสิบจากการกระโดด สองครั้งจากการกระโดดทั้งหมดห้าครั้งนอกจากจะคว้าเหรียญทอง เธอยังทุบสถิติ Olympicของ Chen Ruolin นักกีฬาจีนเจ้าของ 5 เหรียญทองที่สร้างเมื่อสถิติไว้เมื่อปี2008

การสัมภาษณ์ของQuan Hongchanที่ถูกสื่อเผนแพร่ไปทั่วโลก คือ คำพูดซื่อๆว่า ต้องการหาเงินไปช่วยเหลือแม่ที่กำลังเจ็บป่วย ซึ่งได้สะท้อนถึงชีวิตของนักกีฬาจีนที่มาจากโรงเรียนกีฬาจำนวนมากที่มีฐานะยากจน และวาดหวังว่าจะก้าวมาประสบความสำเร็จในOlympic เพื่อช่วยเหลือให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้






ส่วนคำถามว่าถึงที่มาแห่งความสำเร็จ เธอได้ตอบอย่างเรียบง่ายว่า ตั้งใจเชื่อฟังโค้ชและทำตามคำสอนของโค้ชอย่างเคร่งครัดเท่านั้น มีรายงานว่า เธอใช้ชีวิตไปกับการฝึกฝนกระโดดน้ำ ไม่เคยมีโอกาสจะได้ไปสวนสัตว์หรือสวนสนุกสักครั้ง ทำให้สวนสัตวืและสวนสนุกในกวางโจวเสนอบัตรผ่านฟรีให้กับเธอ


หลังจากที่สร้างปรากฏการณ์จนชาวจีนปลาบปลื้มกันถ้วนหน้า ก็เริ่มมีคนตามส่องครอบครัวของเธอถึงชนบทโดยเฉพาะ influencer ที่อยากได้ยอดผู้ติดตามจนบุกบ้านของนักกีฬาสาว14เพื่อขอถ่ายselfie กับสมาชิกครอบครัวของเธอ หรือพยายามสร้างกระแสด้วยวิธีต่างๆ จนหมู่บ้านประกาศปิดไม่ให้คนนอกเข้า เนื่องจากยังอยู่ภายใต้กฎระเบียบเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ COVID


ส่วนนักกระโดดน้ำหญิงคู่จีนที่คว้าเหรียญทองก็ดูใสไม่แพ้กัน    Chen Yuxi   (ขวา)  อายุเพียง 15 เท่านั้น ส่วนพาร์ทเนอร์ Zhang Jiaqi อายุ 17 ปี   ก่อนที่จะเข้าแข่งขัน Olympic  Chen Yuxi เคยให้สัมภาษณ์ว่า หากได้เหรียญทอง จะส่งเงินทั้งหมดไปให้พ่อแม่



Romanceร้อนแรงที่ mask ไม่สามารถกางกั้นไว้ได้



เมื่อนักว่ายน้ำหนุ่มฝรั่งเศส Florent Manaudou ที่ได้รับเหรียญเงินจากการแข่งว่ายน้ำ freestyle 50 m เห็นหน้าคู่หมั้นสาวจากเดนมาร์ก   Pernille Blume  ที่เพิ่งขึ้นมาจากสระหลังจากแตะขอบสระเป็นลำดับที่ 3 ในการแข่งfreestyle 50 เช่นเดียวกัน   ความรักที่เร่าร้อนของหนุ่มสาวที่เพิ่งประสบความสำเร็จในการคว้าเหรียญ Olympic  ก็ปะทุขึ้นมา  การแลกจูบอาจจะไม่ตรงกับคำแนะนำของผู้จัด Olympic ที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID  จนทำให้สื่อบางเจ้าเรียกมันว่า 'จูบต้องห้าม' 

แต่บางคนมองว่า จูบของพวกเค้าได้จุดประกายความหวังของมนุษยชาติที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติในอนาคตข้างหน้า เมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายลง การจูบเพื่อแสดงความรักในที่สาธารณะจะไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอีกต่อไป


แชมป์เปี้ยนที่ช็อคกับเหรียญทองของตัวเอง


ม้ามืดมักทำให้ผู้ชมตกตะลึงเสมอ  ในการแข่งขันนี้ก็มีชัยชนะของนักกีฬาม้ามืดให้ฮือฮากันหลายคนเลยทีเดียว  แต่สำหรับนักวัยน้ำวัย 18  ตัวแทนจากตูนีเซีย  Ahmed Hafnaoui    นอกจากเขาจะแตะขอบสนะคนแรกในการแข่งว่ายน้ำ 400  เมตรจนทำให้กองเชียร์แตกตื่น  เจ้าตัวเองก็ได้รู้ผลการแข่งขันก็ตกอกตกใจเป็นที่สุด  เขาทำเวลาได้แย่ที่สุดจากรอบคัดเลือก  และไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นแชมป์เหรียญทองคนใหม่

แม้ตอนจ้วงแขนว่ายน้ำจะสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังนำ แต่เขาก็ไม่แน่ใจในชัยชนะของตัวเอง จนหันมาเช็คผลจากบอร์ดด้านหลังก็ต้องช็อค   เขาพูดกับสื่อซ้ำไปซ้ำมาว่าแทบไม่น่าเชื่อเลย    จากนักว่ายน้ำนอกสายตาที่ทำเวลาไม่ดีจนได้ว่ายในเลนนอก  เขาเอาชนะนักว่ายน้ำมากประสบการณ์จากออสเตรเลียและอเมริกากลายมาเป็นฮีโร่ Olympic ของตูนีเซีย
นักกีฬาที่ถูกจัดว่าเป็น underdog  และสร้างความช็อคไปทถ้วนหน้าอีกคนคือ Lamont Marcell Jacobs     แชมป์เหรียญทอง 100 m ที่วงการกรีฑาจับตามอง นั่นเป็นเพราะว่านี่คิอการสืบทอดตำแหน่งจาก Usain Bolt  ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักวิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด     แต่ Lamont Marcell Jacobs  ได้กลายมาเป็นนักวิ่งสัญชาติอิตาเลยนคนแรกที่คว้าชัยชนะจากรายการนี้มาได้    ทั้งๆที่เขาเคยเป็นนักกีฬากระโดดไกลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  และเพิ่งจะมาเปลี่ยนเป็นวิ่งเร็วเมื่อปี 2019 

แน่นอนว่า กระแสความปลาบปลื้มของชาวอิตาเลียนนั้นต้องล้นหลาม   และเมื่อพบว่า สื่ออเมริกันบางเจ้าได้วิจารณ์ความสำเร็จของเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจรวมถึงแสดงความสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง dope   ทั้งยังย้ำเรื่องสัญชาติอเมริกัน    เพราะมีพ่อเป็นชาวอเมริกันและเกิดที่อเมริกา แต่เขาย้ายกลับมาที่อิตาลีกับแม่ตั้งแต่เด็ก ทั้งในปัจจุบันนี้ก็อาศัยที่โรม   สื่อและชาวเน็ทอิตาเลียนจึงออกโรงปกป้องแชมป์วิ่ง 100 m คนใหม่อย่างเต็มที่  


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE