เปลี่ยนไปแล้วจริงหรือ? ปฏิกิริยาแฟนเกาหลีเมื่อไอดอลประกาศสละโสด

43 10
เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมแฟนดอมของสามชาติมหาอำนาจแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงเชีย  จีน  ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้  ความคล้ายคลึงที่คนภายนอกอาจจะมองว่า hardcore  จนยากจะเข้าใจคือ  ความยึดมั่นที่จะสนับสนุนดาราศิลปินเฉพาะผู้ปรารถนาของบรรดาแฟนๆ      จากดราม่าครั้งแล้วครั้งเล่าได้กลายเป็นเครื่องผูกมัดตัวคนดังมิให้ออกนอกกรอบความคาดหวังไปแม้แต่น้อย    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก    ความสามารถ  การแสดงความคิดเห็นเรื่องใดก็ตามจะต้องผ่านข้อ approve จากผู้ชม  หากเผยด้านที่ทำให้คนในสังคมไม่ถูกใจ  ก็ต้องรับมือกับแรงกดดันอย่างหนัก  โดยที่ต้นสังกัดอาจจะไม่ยื่นมือเข้ามาปกป้องดูแล   และดูเป็นการยินยอมพร้อมใจจะปล่อยให้ความคิดเห็นของชาวเน็ทรวมถึงบรรดาพวกทีแสดงทัศนคติสุด toxic กลายมาเป็นบรรทัดฐานกำหนดเส้นทางการใช้ชีวิตของคนดัง

ไม่เพียงแต่คนดังจะต้องแสดงภาพอันสมบูรณ์แบบเท่านั้น  สถานะความโสดคือสิ่งสำคัญที่สามารถกำหนดอนาคตของอาชีพในวงการบันเทิงว่าจะรุ่งโรจน์ต่อไปหรือหมดหวังจะก้าวหน้าเพราะกระแสแอนตี้      จนบางคนตั้งข้อสังเกตว่า    หลังจากไอดอลต้องเปิดเผยกับสังคมว่ากำลังคบหากับใครบางคน   แรงกดดันจากแฟนๆที่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้นั้นหนักหนาสาหัสจนอาจจะนำไปสู่อาการเจ็บป่วยทางจิตใจ


ดราม่าที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความขัดแย้งในแฟนดอมเสมอมา เพราะยังมีแฟนๆอีกมากที่เปิดใจยอมรับสนับสนุนผลงานโดยให้ความเคารพต่อสิทธิที่มีชีวิตส่วนตัวของพวกศิลปิน และไม่ต้องการจะถูกสังคมภายนอกเหมารวมว่าแฟนคลับจะเป็นพวกหมกมุ่นจนล้ำเส้นชีวิตคนดังไปซะหมด

ล่าสุด รัฐบาลจีนที่มีการปกครองที่เฉียบขาดได้เล็งเห็นถึงผลเสียจากการให้อิสระในการแสดงออกของแฟนคลับเจ้าปัญหา และสร้างมาตรการเพื่อจัดระเบียบเพื่อกวาดล้าง user ที่อาจจะปล่อยข่าวลือ หรือข้อมูลต่างๆที่สุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งโจมตีด้วยคำพูดรุนแรง รวมถึงการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมีกฎเข้มงวดถึงสิบข้อที่ไม่อนุญาตแม้แต่จะให้มีการจัดอันดับคนดังในด้านต่างๆนอกจากเรื่องผลงาน และหากฝ่าฝืนก็จะถูกปิดบัญชีหรือห้ามแสดงความคิดเห็น







แต่เมื่อพูดถึงเกาหลีใต้ที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และมีผู้ยกแนวคิดเรื่องfree speech มาใช้สม่ำเสมอ ก็ทำให้เกิดข้อกังขาในความย้อนแย้ง ไม่ว่าจะเป็นคนดังนที่ถูกสื่อเปิดโปงเรื่องความสัมพันธ์ที่เก็บเป็นความลับหรือว่าเป็นผู้ที่ตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องสถานะไม่โสดด้วยตนเอง แทบทุกคนจะต้องกล่าวขอโทษสังคมด้วยการเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวังว่า "ขอโทษที่ไม่ได้บอกให้รับรู้ให้เร็วกว่านี้" หรือ "ขอโทษที่ทำให้ตกใจหรือเสียความรู้สึก"

การประกาศขอโทศเช่นนี้มักทำให้แฟนๆจากต่างประเทศที่ติดตามผ่านเว็บข่าวภาษาอังกฤษวิพากษ์วิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่เมื่อไรที่มนุษย์ที่มีสิทธิเท่าเทียมกันจะต้องขอโทษเพราะมีความรักหรือต้องการสร้างครอบครัวมั่นคง?  ทั้งยังมีความฉงนใจว่า เหตุใด คนดังที่เปิดเผยเรื่องสละโสดจึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน? บางคนอาจจะถูกด่าจนเสียผู้เสียคนด้วยความแค้นฝังหุ่นหลายปีไม่มีลืม แต่บางคนกลับได้รับเสียงอวยอย่างมีความสุขไปด้วย

นี่ทำให้ให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีแนวโน้มที่วัฒนธรรมแฟนดอมจากเกาหลีจะเริ่มก้าวไปสู่การเปิดใจยอมรับเรื่องชีวิตรักของคนดังได้มากขึ้น

จริงรึเปล่านะ?
....



เฉิน แห่ง Exo: ถูกแฟนจำนวนหนึ่งตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศสุดเห็นแก่ตัวเมื่อประกาศแต่งงานและมีลูกกับสาวนอกวงการ

แพทเทิร์นหนึ่งที่พวกเราได้เห็นจากวงการบันเทิงเกาหลีใต้ซ้ำไปมาคือ คนดังที่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์หลังจากที่ถูกสื่อกอสสิปติดตามเก็บภาพมาเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าไม่โสด    และกลุ่มที่เก็บเรื่องความสัมพันธ์ไว้อย่างแนบเนียนไม่ให้ใครระแคะระคายมาก่อน  แล้วประกาศสละโสดแบบช็อคไปทั่ว       นั่นก็อาจจะมีคำอธิบายได้อย่างเรียบง่ายว่า  การเดทอย่างเปิดเผยก็ยังเป็นสิ่งต้องห้ามในหมู่ดาราศิลปินอยู่ดี    ผู้ที่ตัดสินจะก้าวออกมาจากกรอบแห่งวิถีคนดังเกาหลี อย่างฮยอนอาและดอว์น คู่รักไอดอลก็ต้องฝ่าฟันกับแรงกดดันมาไม่น้อย     แล้วจะมีตัวเลือกใดที่เหลือให้กับพวกเค้ากัน?  หากไม่จนมุมด้วยหลักฐานจาก Dispatch   ก็ต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะแต่งงานจึงจะประกาศให้สังคมรับรู้  และรอลุ้นกับปฏิกิริยาของแฟนๆว่าจะออกมาเป็นเช่นไร

แต่ในกรณีของเฉิน หรือคิม จงแด แห่ง Exo  การประกาศแต่งงานกับสาวนอกวงการก็ทำให้แฟนๆกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนความปลาบปลื้มหลงไหลมาเป็นอาวุธโจมตีที่หนักหน่วงเลยทีเดียว




แฟนกลุ่มหนึ่งแค้นหนัก รวมตัวกันประท้วงไล่ออกจากวง

แม้จะมีแฟนๆที่ออกตัวปกป้องและเคารพการตัดสินใจของไอดอลหนุ่มที่ประกาศข่าวดีว่าจะแต่งงานและกำลังเป็นพ่อคนในวัย 27  ปี    แต่นั่นกลับทำให้แฟนวง EXO  จำนวนหนึ่งกล่าวหาว่า  การกระทำที่ไร้ความผิดชอบและเห็นแก่ตัวของเขาได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อวง


ผู้ที่ไม่ได้ติดตามวงการ K-Pop มากนัก อาจจะไม่เคยคาดคิดถึงภาพกลุ่มแฟนที่รวมตัวกันหน้าต้นสังกัดเพื่อประท้วงและยื่นคำขาดให้ปลดไอดอลหนุ่มที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตสามีและพ่อออกจากบอยแบนด์ชื่อดัง แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แฟนๆเหล่านี้โละเอาของสะสมที่เก็บรวบรวมมาด้วยความปลาบปลื้มในตัวเฉินมากองกันเป็นขยะและรวมเงินกันว่าจ้างรถบรรทุกขนจอ LED แสดงข้อความโจมตีเฉิน 

"เราต้องการให้เขาออกไปเพราะเราไม่ต้องการให้มีข่าวเสียหายเกาะติดไปกับ EXO การมีลูกโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานทำให้ภาพลักษณ์ของ EXO ย่ำแย่"  ผู้ประท้วงรายหนึ่งบอกกับ Korea Herald






แฟนเฉินโต้กลับ กลุ่มแอนตี้เป็นเพียงส่วนน้อย

ปฏิกิริยาจากแฟนๆในเกาหลีอาจจะแตกแยกเป็นสองฝ่าย แต่ก็มีเสียงยืนยันว่า แม้เรื่องท้องก่อนแต่งหรือซุ่มเงียบเตรียมแต่งงานโดยไม่ให้แฟนๆเตรียมใจไม่ใช่ภาพไอดอลในอุดมคติในความคิดชาวเกาหลี แต่โลกที่หมุนเวียนไป ทำให้แฟนๆยุคใหม่เริ่มหันมามองโลกในความเป็นจริงมากขึ้น แม้จะมีผู้ที่เสียความรู้สึกหลังจากรับรู้ความจริงที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ยึดติดเป็นเจ้าเข้าเจ้าของถึงขั้นแค้นเคือง และสามารถแสดงความยินดีได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

บางคนมองว่า ต้นสังกัดSM แสดงท่าทีปกป้องเฉิน และน่าจะปล่อยให้เวลาเยียวยา 'scandal' นี้ให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ในที่สุด เพราะไม่ว่าจะเช่นไร เขาก็ต้องเข้ากรมรับใช้ชาติ กว่าจะหวนคืนสู่วงการ กระแสต่อต้านก็น่าจะเบาบางลงไปแล้ว รวมไปถึงแฟนกลุ่มใหญ่ของ EXO ที่จีนและประเทศอื่นที่ยินดีกับการเริ่มต้นบทบาทชีวิตใหม่ของไอดอลหนุ่มในฐานะสามีและพ่อ และไม่เชื่อว่า มันคือภาพลักษณ์เลวร้ายที่ฉุดให้ EXO ต้องตกต่ำ




อีกด้านหนึ่ง การแสดงความยินดีจากแฟนๆที่เข้าใจว่าไอดอลก็เป็นมนุษย์มีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่วัตถุที่ถูกจับจองเป็นเจ้าของ

EXO Global  ชุมชนคนรัก EXO จากต่างประเทศได้แสดงจุดยืนหนักแน่นว่า เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเฉินจะไม่มีผลกระทบต่อสถานะศิลปินที่เขาได้ทุ่มเทจนประสบความสำเร็จ  และการก่อกระแสโจมตีไอดอลหนุ่มก็ไม่ได้มาจากกลุ่มแฟนข้างมาก   EXO Global ยังยืนยันอย่ามั่นใจว่า    รายได้ส่วนใหญ่ของ EXO  มาจากแฟนเบสต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายผลงานเพลง ทัวร์คอนเสิร์ต และรายได้จากแหล่งอื่นๆ จึงเรียกร้องให้ SM ได้ตระหนักถึงพลังสนับสนุนจากแฟนทั่วโลกที่ได้รวมตัวกันต่อต้านความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มที่พยายามขับไล่สมาชิกวง EXOออกไป

แฟนเบสกลุ่มนี้ได้ให้เหตุผลในการปกป้องศิลปินไว้ว่า

"EXO เป็นกลุ่มศิลปินระดับโลกที่ไม่ควรถูกผูกติดกับค่านิยมอันล้าหลังที่ทำให้คุณค่าและความสุขของพวกเค้าต้องถูกทำให้เสียหาย"



ซ็องมิน แห่ง  Super Junior : ไม่มีเรื่องท้องก่อนแต่ง  แต่ถูกเล่นงานหนักจนแฟนๆไม่ต้อนรับให้กลับมาทำงานร่วมกับวง



หากพิจารณาจากคำประท้วงของแฟนๆ ที่ต้องการให้ต้นสังกัดไล่เฉินออกจากEXO เพราะเขากลายเป็นพ่อคนก่อนจะแต่งงาน กระแสต่อต้านจากการสละโสดของซ็องมินแห่ง Super Junior เมื่อปี 2014น่าจะอธิบายอะไรได้ชัดเจนกว่า เพราะแฟนๆจำนวนมากยืนยันว่า ไม่สามารถให้อภัยไอดอลหนุ่มที่ปิดบังเรื่องแผนการแต่งงานกับนักแสดงสาว คิม ซาอึนไว้เป็นความลับ แล้วประกาศก่อนพิธีแต่งเพียงไม่กี่วัน



ข้อหา
  • หลงว่าที่ภรรยาจนเกินไปจนไม่แคร์ความรู้สึกแฟนๆ  อย่างการเปลี่ยนการเซ็นชื่อเป็นชื่อเล่นของเธอ
  • ทรยศต่อความเชื่อใจแฟนๆ ที่มีสิทธิ์จะรู้ความจริง  
  • ไม่ฟังข้อเรียกร้องให้เลื่อนงานแต่งเพราะอยู่ใกล้กับตารางทัวร์และการโพรโมทของ Super Junior 
  • เห็นแก่ความสุขของตัวเองแทนที่จะฟังความเห็นของเพื่อนสมาชิกในวงและต้นสังกัด
เหตุผลเหล่านี้ก็ทำให้แฟนๆแค้นเคืองมากพอที่จะรวมตัวกันประกาศคว่ำบาตร   และทำให้สถานะสมาชิกไอดอลชั้นนำของเขาคล้ายจะมีเพียงในนาม เพราะแม้จะออกจากกรมมาแล้ว ก็ไม่ปรากฏผลงานอีกหลายปี   เพียงแค่มีข่าวลือว่าจะหวนกลับมาร่วมงานกับเพื่อนๆเมื่อปี 2017  ก็ถูกต่อต้านยกใหญ่  มี flood ข้อความสาปส่งด้วยความโกรธเคืองเรื่องการการตัดสินใจสร้างครอบครัวกับภรรยา รวมถึงให้เขาไปหางานทำที่ต่างประเทศเพราะไม่ต้อนรับไอดอลที่ไม่ให้เกียรติแฟนๆที่ทุ่มเทสนับสนุนมาโดยตลอด


หลังจากแฟนๆร่วมใจกันต่อต้าน ซองมินต้องออกมาขอโทษและรับปากว่าจะไม่เข้าร่วมในผลงานใหม่ของ Super Junior   และยอมรับว่า ตอนที่ตัดสินใจประกาศแต่งงาน เขาไม่ได้คิดรอบคอบและแสดงความจริงใจอย่างเต็มที่ต่อแฟนๆที่สนับสนุนมายาวนาน จากนั้นก็พักงานไปอีกพักใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกับหมดทางไปในวงการบันเทิงเกาหลี ได้ฤกษ์ปล่อยผลงานในฐานะศิบปินเดี่ยวในปี 2019 ตามมาด้วย singleในปีถัดมา

ตัวเขาและภรรยาเริ่มได้รับเชิญให้เข้าร่วมรายการTV แบบแพคคู่  และก็ยังถูกตามจิกกัดจากชาวเน็ทที่ฝังใจจากเหตุการณ์เมื่อ 7 ปีก่อน   แต่การหวนคืนสู่สปอทไลท์ของซองมินก็ไม่ถูกต่อต้านรุนแรงมากเท่ากับในอดีต   ดูเหมือนว่า  พวกเค้าจะไม่กดดันกับที่ถูกจ้องจับผิดอีกต่อไป  พิสูจน์จากความมั่นใจโชว์จูบระหว่างการแสดงบนเวที  แม้ว่าจะตกรอบในการแข่งขัน และดึงดูดเสียงวิจารณ์ในแง่ลบ แต่มันก็เปรียบดังคำประกาศว่า พวกเค้าได้ move on ไปจากดราม่าครั้งนั้นไปแล้ว


เมื่อไอดอลสุดเท่ประกาศแต่งงานและเป็นพ่อคนแบบฟ้าผ่า


ปฏิกิริยาต่อต้านจากแฟนๆที่เกิดขึ้นกับเฉินถูกยกนำเปรียบเทียบกับข่าวคราวล่าสุดของBobby แห่ง Ikon เนื่องจากเรื่องราวของพวกเขาไม่ได้แตกต่างกันมาก ทั้งคู่เป็นไอดอล generation ที่3 ( Bobby อายุน้อยกว่าเพียง 3ปี) ประกาศการแต่งงานสายฟ้าแลบกับสาวนอกวงการ พร้อมกับยืนยันว่าภรรยาในอนาคตที่กำลังตั้งครรภ์

นั่นได้นำมาซึ่งความฉงนใจ เพราะทั้งเฉินและ Bobby ต่างก็เป็นไอดอลจากค่ายยักษ์ใหญ๋ แต่กลับได้รับการปฏิบัติจากแฟนๆแตกต่างกัน ฝ่ายไอดอลรุ่นพี่ถูกกล่าวหาแรงว่าสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงและไม่ควรค่าที่จะเป็นสมาชิก EXO อีกต่อไป แต่แฟนๆของ Ikon กลับไม่โจมตี Bobby หนักขนาดนั้น ยังไม่มีการนัดรวมตัวกันหน้าตึก YG เพื่อเรียกร้องให้ไล่เขาออกจากวง

แต่เสียงตอบรับก็ไม่ได้มีแต่ความรื่นรมย์ยินดีไปหมด

ชาวเน็ทบางคนกล่าวหาว่า Bobbyไม่ยอมปริปากบอกความจริงให้โลกได้รับรู้จนสาวคนรักท้องถึง 8 เดือนเพราะมีเจตนาที่จะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงเพื่อดึงดูดรายได้ที่แฟนๆทุ่มเทให้ได้นานที่สุด เพราะเกรงว่า หากประกาศเรื่องมีแฟนและกำลังเป็นพ่อคนก็จะสูญเสียความนิยม บ้างก็ทวงถามความเป็นธรรมให้กับสมาชิก Ikon คนอื่นที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องท้องก่อนแต่ง รวมถึงคำทำนายที่ว่า scandal นี้จะดับอนาคตของ Ikon และอีกไม่ช้าก็ต้องยุบวงเพราะใกล้ถึงช่วงหมดสัญญาแล้ว


แฟนรายหนึ่งระบายความรู้สึกกับ Korea JoongAng Daily ว่า เมื่อได้รู้ข่าวก็ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะความโศกเศร้า เพราะเด็กในท้องใกล้กำหนดคลอดมากแล้วจึงรู้สึกเจ็บปวดที่ Bobby ปิดบังความจริงมานานถึงขนาดนี้และไม่สามารถมองเขาในแบบเดิมได้อีกต่อไป




 แม้จะมีผู้ชี้ว่า  เสียงวิจารณ์จากแฟนดอมไม่รุนแรงกับ Bobby  แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเขาจะก้าวต่อไปบนเส้นทางที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ  ท่ามกลางการแสดงความยินดีในข่าวการแต่งงานและลูกในครรภ์ ก็ยังมีผู้พิพากษาเขาด้วยความเชื่อว่า ไอดอลจะต้องสละทุกอย่างเพื่อรักษาน้ำใจแฟนๆและทุ่มเทให้กับงานไม่ให้ 'บกพร่อง' จาก scandal เรื่องรักๆใคร่ๆ



รับเรื่องแต่งงานไม่ได้ แฟนเทขายสินค้า-ลายเซ็นต์ที่เคยสะสมด้วยความหวงแหน


คุณอาจจะเคยได้ยินคำเปรียบเทียบว่า แฟนเกาหลี รักแรง-เกลียดแรง  มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช้เหมารวมว่าแฟนส่วนใหญ่จะเป็นแบบเดียวกันไปหมด    แต่จากหลายกรณีก็จะพบว่า  สถานะไม่โสดของไอดอลเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แฟนกลุ่มเปลี่ยนใจจากความคลั่งไคล้หลงไหลเป็นเททิ้งแบบไม่ต้องลังเล   หรือหนักไปกว่านั้นก็อาจจะกลายเป็นแอนตี้แฟนคอยทิ่มแทง'คนทรยศ' เป็นการเอาคืน  

หลายคนที่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้เมื่อไอดอลประกาศสละโสด จะ listเหตุผลได้อย่างละเอียดว่า เพราะเหตุใด การตัดสินใจแต่งงานของไอดอลโดยไม่ผ่านการ approve ของแฟนๆจึงเป็นสิ่งไม่เหมาะสม แต่เมื่อนึกในทางกลับกัน ดราม่าพวกนี้มักจะหลงเหลือคำถามไว้เสมอว่า หากใครบางคนมีความสัมพันธ์ที่จริงจังถึงขั้นแต่งงานสร้างครอบครัว มันเลวร้ายถึงขั้นจะต้องบีบคั้นกีดกันพวกเขาให้ออกจากอาชีพเช่นนั้นหรือ?


นักวิชาการฟันธง การยึดติดกับความสัมพันธ์ในจินตนาการทำให้แฟนๆยึดติดกับไอดอลจนไม่มีเส้นแบ่ง



ผู้เชี่ยวชาญด้าน K-Pop ดร.ลี กยู-ทัก จากสาขาวิชามานุษยวิทยาสังคมและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย Mason ได้ชี้ว่า romance แที่สมมัติขึ้นมาจากจินตนาการองแฟน K-Popเกิดจากความต้องการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับศิลปินที่คลั่งไคล้ และเพื่อสร้างสะพานสู่ความโด่งดัง ไอดอลและต้นสังกัดพยายามเต็มที่เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของแฟนๆ และนำไปสู่ mindset ที่ยึดติดอย่างสุดโต่งว่า ไอดอลจะยอมทำทุกอย่างตามคำเรียกร้อง นอกจากromance แบบสมมุติแลว้ ก็ยังมีความรู้สึกผูกพันเหมือนกับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยความรักและหวังจะได้เห็นไอดอลเติบโตมีชื่อเสียงโด่งดัง และทำให้เชื่อว่า ไอดอลจะต้องตอบแทนด้วยความรู้คุณ ดังคำพูดกล่าวย้ำว่า หากไร้แรงสนับสนุนจากแฟนๆ ไอดอลก็ไม่สามารถก้าวมาประสบความสำเร็จได้

ตัวอย่างชัดเจนคือให้คำสัญญาว่าจะไม่เดทจนกว่าจะอายุเกิน35 หรือการเออออกับแฟนคลับทุกประการ อย่างการเปิดเผยเรื่องความรักที่ต้องควบคู่มากับคำขอโทษราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด เมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่าไอดอลมีคนรักเป็นตัวเป็นตน แฟนที่มีความสุขกับการความสัมพันธ์ในจินตนาการย่อมรู้สึกเหมือนถูกทรยศ จากความตื่นตระหนกที่ได้รับรู้ว่า ความใกล้ชิดเชื่อมโยงกับไอดอลที่ได้ยึดมั่นมาตลอดไม่ใช่เรื่องจริง


การวิเคราะห์ของนักวิชาการผู้นี้ สอดคล้องกับความเห็นของฮีชอล Super Junior ที่กล่าวในรายการ We Like Zinesในประเด็นความไม่พอใจของแฟนๆเมื่อไอดอลมีความรักว่า     สำหรับไอดอล แฟนๆก็เหมือนพ่อแม่ที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูคล้ายกับการประคบประหงมสัตว์เลี้ยง digital  ส่วนต้นสังกัดก็เป็นผู้ดูแล  เขาจึงพอเข้าใจว่าเหตุใดแฟนๆจึงรู้สึกแย่เมื่อรู้ว่าไอดอลปิดบังเรื่องความสัมพันธ์ไว้ เพราะถ้าเขาปิดแม่เรื่องแฟน ก็คงทำให้แม่เคืองเหมือนกัน
แม้ว่าช่วงความสัมพันธ์ของฮีชอลและโมโมะจะไม่ทำให้พวกเค้าถูกกดดันมากนัก แต่การได้รับกำลังใจจากแฟนๆที่ไม่แสดงอาการโกรธเคืองลับทำให้ฮีชอลรู้สึกผิด และถามตัวเองว่า ตัวเองมีคุณสมบัติพอจะเป็นคนดังที่ได้รับความรักมากขนาดนี้หรือไม่


จากความเห็นของเรา mindset เช่นนี้ เกิดขึ้นจากวิถีการสร้างไอดอลที่ปลูกฝังกันมายาวนาน หลายคนเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ที่งอกงามขึ้นมาจากจินตนาการคือสิ่งที่อุปถัมป์ค้ำชูให้ไอดอลประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ไอดอลควรแสดงท่าทีสำนึกในความรัก (บุญคุณ)ที่แฟนๆทุ่มเทให้ และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้แฟนๆขัดเคืองใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอาจจะทำให้แฟนๆกลุ่มหนึ่งถือความสำคัญว่า ไม่ว่าพวกเค้าจะแสดงออกเช่นใด ก็จะเป็นฝ่ายถูกเสมอ

เมื่อเปรียบกับ pop-star จากโลกตะวันตก   แม้วัฒนธรรมแฟนดอมจะแข็งแกร่งเช่นกัน แต่ตัวไอดอลจะกางขอบเขตไม่ให้ถูกล้ำเส้นได้ง่ายๆ   โดยยึดหลักสิทธิความเป็นส่วนตัว   หากแฟนแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของ หรือใช้  cyberbullying โจมตีคนดังที่กำลังมีความรัก    ก็จะถูกโต้กลับอย่างเด็ดขาดโดยไม่ต้องหวาดหวั่นว่าจะทำให้ความนิยมเสื่อถอย  เห็นได้ชัดกรณีอย่าง Ariana Grande, Justin  Bieber และ Shawn Mendes + Camilla Cabello ที่ไม่ยอมให้แฟนทำร้ายจิตใจคนรักของพวกเค้า




เพราะอะไรไอดอลบางคนจึงอยู่ในกรณียกเว้นจากดราม่าสถานะไม่โสด



เชื่อกันว่ามีอยู่หลายปัจจัยที่ทำให้ไอดอลรอดพ้นจากกระแสโจมตีเมื่อยอมรับว่ามีเจ้าของหัวใจในชีวิตจริงแล้ว     แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเจอกับสถานการณ์ฟ้าฝนคอยเป็นใจให้    
  •  เกาหลีหลายคนให้ความสำคัญกับการแสดงความจริงใจเป็นที่สุด   หากแอบมีคนรักแล้วไม่ยอมเปิดเผยและตัดสินใจบอกความจริงอนใกล้จะแต่งงานแล้ว อาจจะต้องรับมือกระแสต่อต้าน  เพราะแฟนๆคิดว่าถูกหักหลังด้วยการไม่แชร์เรื่องราวในชีวิตให้รับรู้  ตัวอย่างคือ คู่แทยังและมิน ฮโยรินที่ยอมรับว่าเดทกัน และใช้เวลาศึกษาดูใจพักใหญ่ก่อนจะประกาศสละโสด   ดึงดูดกระแสตอบรับทางด้านบวก  แม้จะมีผู้ที่ผิดหวังอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย
 
  • จะเสี่ยงกับดราม่าน้อยกว่าหากไอดอลไม่เดทไอดอลด้วยกัน  แต่เป็นคนที่ได้รับเสียงชมมีความเหมาะสมหลายประการ ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก  ชื่อเสียง การวางตัว และอายุ   อย่างล่าสุดที่Joy แห่ง Red Velvet ประกาศว่ากำลังคบหากับCrush นักร้องหนุ่มที่เคยร่วมงานกัน และมีคนสังเกตเคมีที่เข้ากันของพวกเค้าผ่าน social media     แม้การเปิดเผยสถานะไม่โสดอาจจะเสี่ยงต่อการสูญเสียแฟนไปบางกลุ่ม    แต่เมื่อเทียบกับไอดอลคนอื่นที่มีความรัก   Joy ก็ไม่ถูกกดดันรุนแรงนัก
  • ยิ่งถูกมองว่าเป็นคู่จิ้นมาก่อนก็ถือเป็นโบนัส  มีโอกาสรอดจาดดราม่าได้มากขึ้น  เหมือคู่ฮเยรี-รยู จุนยอลที่ทำให้แฟนๆจิกหมอนกับบทเพื่อนซี้แอบปิ๊งรักใน Reply1988  ในซีรีส์อาจจะมีตอนจบในแบบที่รู้กัน แต่ภาพที่พวกเค้ากำลังเดทกันนอกจอก็สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆที่อยู่'ทีมซอกตึก' จนเสียงเชียร์ดังเกรียวกราว

  • timing เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย  หากไอดอลตัดสินใจประกาศสละโสดในขณะที่วงตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน หรือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อบางอย่าง   ก็อาจจะถูกถล่มยับเยินว่าเห็นแก่ความสุขของตัวเอง ไม่แคร์เพื่อนๆที่ร่วมฝ่าฟันความลำบากด้วยกันมา   และเพิ่มความวิตกทุกข์ร้อนใจให้กับแฟนๆ

ตัวเลือกจำกัดที่จนไม่สามารถมีความรักได้อย่างเปิดเผยอาจจะเป็นอีกสาเหตุที่วงการเต็มไปด้วยดาราศิลปินที่ยังไม่ได้แต่งงาน  หลายคนครองตัวเป็นโสดจนเข้าใกล้หลัก4 จึงตัดสินใจเปิดเผยว่าวางแผนเข้าพิธีวิวาห์  เมื่อเปลี่ยนจากไอดอลหน้าใสมาเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์  แรงกดดันจากความคาดหวังของกลุ่มแฟนก็เหือดหายไปเป็นเรื่องธรรมดาโลก 


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE