เจาะเบื้องลึกนางร้ายสุดแซบละเอียดยิบ: กว่าจะเป็น Cruella

53 12
ขอยอมรับว่า เราไม่ได้ตั้งความหวังกับหนัง Cruella อย่างสูงลิบลิ่ว แม้จะเคยชมภาพตัวอย่างหนังและอ่านบทวิจารณ์ทั้งแง่ดีและแง่ลบมาก่อน รวมถึงข้อมูลที่ว่า นี่คืออีกหนึ่งผลงานที่ต้องเผชิญกับความซบเซาของอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากวิกฤติโรค COVID ด้วยตัวเลขรายได้รวมเพียงสองร้อยล้านดอลลาร์เศษๆ จากการฉายเกือบ 4,000โรงในอเมริกา,แคนาดา และอีกเพียงไม่กี่ประเทศที่อนุญาตให้ประชาชนกลับมาหาความสำราญใจจากตีตั๋วชมภาพยนตร์ในโรง แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่รายได้ที่ใกล้เคียงกับหนัง Live Action เรื่องอื่นๆที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Disney


แต่เมื่อได้ยินมาว่า หนังเรื่องนี้นำเสนอต้นกำเนิดของCruellaในวัยสาวที่พวกเราไม่รับรู้มาก่อน จากภาพลักษณ์ของนางร้ายใจยักษ์มารที่หวังจะถลกหนังสุนัขลายจุดมาทำเสื้อผ้าในหนังยุค 90s อาจจะทำให้หลายคนสงสัยว่า เธอมีชีวิตมาแบบใดจึงมีใจคอโหดเหี้ยมได้เพียงนี้

เราจึงไม่ลังเล คลิกเข้าชม streaming service เพียงไม่กี่วันที่เริ่มเข้าฉายที่เมืองไทย



ความรู้สึกแรกที่พลุ่งพล่านขึ้นมาหลังตั้งแต่ยังชมหนังยังไม่จบ คือความเสียดายที่ไม่ได้นั่งในโรงหนังเพื่อซึมซับความเผ็ดแซ่บของนางร้ายในตำนานที่ถูกตีความขึ้นมาใหม่   และไม่แปลกใจถึงการประกาศแผนการสร้าง Cruella ภาคต่อ  แม้ว่าจะทำเงินจากการเข้าฉายในโรงได้ไม่สูงมาก   แต่กระแสตอบรับจาก streaming ทั่วโลกนั้นน่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักสร้างหนังหวังจะให้นางร้ายคนนี้กลับมาทวงบัลลังก์ราชินีแห่งความร้ายกาจอย่างเต็มภาคภูมิ(เมื่อสถานการณ์โรคระบาดผ่อนคลาย)


กว่าจะมาเป็น Cruella สุดเผ็ดแซ่บ จะมีเบื้องหลังน่าสนใจมากเพียงใด ลองมาติดตามกับเราได้เลยค่ะ






Born brilliant...born  bad  and a little bit mad! 


หนังได้เล่าเรื่องราวของ Estella  ดีไซน์เนอร์สาวกำพร้าที่ร่วมมือกับเพื่อนร่วมแกงค์หาเลี้ยงชีพด้วยการลักขโมย   แม้เธอจะพบว่าไม่ได้มีชีวิตที่อับจนหนทางแต่ก็รู้สึกว่ายังค้นหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ  เธอพบจุดหักเหเมื่อได้รับโอกาสเข้าไปเป็นหนึ่งในทีมดีไซน์เนอร์ผู้ช่วยของ Baroness von Hellman ผู้ก่อตั้งห้องเสื้อชั้นสูงใจกลาง London    ดูเหมือนว่าEstella จะเติมเต็มความปรารถนาขึ้นมาได้บ้าง แต่เธอก็ต้องพบกับความลับสุดช็อคที่จะดึงด้านมืดของเธอให้ออกมาอาละวาด เป้าหมายคือการฟาดฟันศัตรูให้พินาศย่อยยับ  แต่ตัวตนที่ร้ายกาจนี้จะทำลายทุกอย่างรวมถึงตัวเธอเองหรือไม่ ?
Emma ได้อธิบายความรู้สึกที่ได้ฉีกบทบาทมาเป็นนางร้ายว่า


"รู้สึกสุดยอดเลยค่ะที่ได้โยนเรื่องความดีงามตามบรรทัดฐานสังคมและความเห็นอกเห็นใจทิ้งไปซะ  พอได้แสดงภาพที่ไร้ความเมตตาปราณีก็เหมือนกับการระบายความอัดอั้นตันใจออกไป  เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก    มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะเป็นในชีวิตจริงเพราะฉันชอบที่จะทำตัวสุภาพกับคนอื่นและมีปฎิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน  แต่สำหรับการแสดงแล้วมันสนุกมากค่ะ"



"Estella เป็นคนน่ารักนะคะ แต่เธอยังไม่ค้นพบตัวตนอย่างเต็มที่ ฉันบอกได้ว่า Cruella มีความพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดใจเพราะตัวตนที่ชัดเจน เธอสามารถยอมรับตัวเองและทำอะไรอย่างมีอิสระ ฉันจึงสนใจในโลกของCruella อย่างไรก็ตาม การกระทำบางอย่างของเธอก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะกล้าบอกผ่าน แต่จะพูดจริงๆ ฉันออกจะชอบ Cruella มากกว่าค่ะ"


Cruella ที่ถูกแบนการสูบบุหรี่


Cruella อาจจะสร้างดู dark แตกต่างจากหนังที่สร้างขึ้นจากตัวละครการ์ตูนของ Disney เรื่องอื่นๆ   แต่นักแสดงนำก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่ห้ามนำเสนอการสูบบุหรี่ในฉากหนังอย่างเคร่งครัด  แม้ว่ามันจะถูกยกให้เป็นภาพ iconic ของตัวละครนี้ก็ตาม

"เราไม่ได้รับอนุญาตให้สูบบุหรี่ในหนัง Disneyค่ะ" Emma Stone ชี้แจง

"พอไม่ได้ถือไปป์ที่ต่อบุหรี่แล้ว มันก็เป็นเรื่องยากที่ก็แสดงออกมาได้ ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พ่นควันออกฉาก แต่ไม่สามารถ"




ต้นแบบที่ว่ากันว่าแซ่บเกินกว่าบทละคร

ครั้งหนึ่ง Marlene Dietrich นางเอกชื่อดังแห่ง Hollywood ยุคทองได้ขนานนาม Tallulah Bankhead ว่า เป็นสตรีที่ไร้ศีลธรรมมากที่สุดเท่าที่เคยมีผู้มีชีวิตอยู่


และนี่คือต้นแบบของตัวละคร Cruella ที่ลือลั่นมาจนยุคปัจจุบันนั่นเอง  ว่ากันว่า นางเอกดิว่าผู้เป็นเจ้าของประโยคทักทาย Hello Dahling  เหมือนกับCruellaนี้ มีชีวิตที่ dark มากกว่าบทละครมากมายนัก
สาวสังคมอเมริกันที่ได้ชื่อว่าเป็นแกะดำของชนชั้นสูงผู้นี้มีความแตกต่างจาก Cruella ตรงที่เธอได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวนักการเมือง   แต่เรื่องที่เคยถูกไล่ออกจากคอนแวนต์สองครั้งก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกคุ้นๆขึ้นมาบ้าง

หากให้บรรยายว่าเธอ'แรง'สักแค่ไหน ก็คงต้องจินตนาการถึงยุคสมัยที่เรื่องรักร่วมเพศยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่เธอได้สร้างเสียงโจษจันจากประโยคเด็ดเมื่อพ่อได้เตือนให้หลีกเลี่ยงจากผู้ชายและการดื่มสุรา

"พ่อไม่ได้บอกให้อยู่ห่างจากพวกผู้หญิงกับโคเคนนี่นา"


ใช่แล้วค่ะ เธอคือ celebrity ที่มีรสนิยมทางเพศแบบ bisexual และยังไม่หวั่นเกรงที่พูดถึงการเสพยาอย่างเปิดเผย หลังจากที่ความพยายามในการสร้างชื่อในฐานะดารา Hollywoodไม่ประสบความสำเร็จ เธอตัดสินใจเดินทางสู่อังกฤษเพื่อรับงานแสดงละครเวทีในปี1923และโด่งดังจากภาพของนางเอกbad girl สุดไฮโซเป็นเวลาถึง8ปี เมื่อกลับไปยังบ้านเกิดก็ก้าวสู่ความสำเร็จจากผลงานจอเงินและบรอดเวย์ แต่เจ้าตัวไม่ได้แสดงท่าทีหลงรัก Hollywood มากมายนัก ครั้งหนึ่ง เธอเคยประกาศว่า รับงานหนัง Devil and the Deepเพราะ "อยากจะ(บี๊บ) พระเอกสุดหล่อGary Cooper เท่านั้น"

ข่าวความฉาวโฉ่เรื่องโลกีย์ทั้งกับชายและหญิงทำให้เธอถูกวิจารณ์ว่า ขาดจริยธรรมอันเหมาะสมต่อการเป็นคนของประชาชน แต่เธอกลับประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงติดต่อกันหลายสิบปีด้วยผลงานหลายร้อยเรื่อง แม้จะกลายเป็นนางเอกวัยกลางคนก็ยังได้รับค่าตัวสูงลิบลิ่ว

อย่างไรก็ตาม Tallulah จบชีวิตด้วยวัย 66 ปีจากสาเหตุโรคทางเดินหายใจ เนื่องสูบบุหรี่หนักมายาวนาน บวกกับอาการติดยาอย่างรุนแรง ชีวิตที่โลดโผนของเธอนั้นกลับนำไปสู่ความเหงาหงอยจนแสดงอาการโรคซึมเศร้า เมื่ออายุได้ 54 ปี ก็เคยยอมรับว่าสิ่งเดียวที่ปรารถนามาตลอดคือความตาย


ฟังแล้วอาจจะเหมือนกับจุดจบของนางร้ายในนิยายที่ต้องตายด้วยความหดหู่     แต่เส้นทางชีวิตของ Tallulah กลับมีความย้อนแย้ง  ในขณะที่ผู้คนมองเธอด้วยความอคติ ทั้งชิงชังและพรั่งพรึงในความบ้าบิ่นและแตกต่าง  เธอได้รับความชื่นชมในด้วยเหตุผลเดียวกันและกลายมาเป็นขวัญใจชาวเกย์ที่ถูกมองว่าเป็นพวกนอกคอกที่สังคมไม่ยอมรับ     ยกตัวอย่าง ในช่วงเวลาที่เธอพุ่งแรงสุดๆใน London    สำนักงานสอบสวน MI5 ของอังกฤษได้ยื่นมือเข้ามาตรวจสอบหาหลักฐานจากข้อกล่าวหาว่าเธอยั่วยวนคุณชายจากโรงเรียน Eton ให้มีความสัมพันธ์ทางเพศกัน แต่อาจารย์ใหญ่ปฏิเสธที่จะร่วมมือในการให้ข้อมูล    แต่ในปี1927  เธอได้รับการโหวตให้เป็น หนึ่งในสิบสตรีผู้น่าทึ่งที่สุดใน London  


และนี่อาจจะคล้ายคลึงกับความรู้สึกของผู้คนที่สัมผัสถึงความร้ายกาจของCruella คุณอาจจะโกรธเคืองในวิธีปฏิบัติที่ไร้ความความนับถือ จากเธอ หรือพรั่นพรึงในพฤติกรรมที่บ้าเข้าขั้นอันตราย แต่ก็หยุดสนใจเธอไม่ได้เลย








การตัดสินเลือกใช้สำเนียงที่ไม่อังกฤษจ๋า


คุณอาจจะสังเกตได้ว่า สำเนียงของ Cruella แตกต่างไปจากเพื่อนร่วมแกงค์ (Horace มีสำเนียง Cockney) และไม่ได้คล้ายกับสำเนียงหรูของ Baroness

เริ่มตั้งแต่ที่มีการปล่อย trailer ออกมา ชาวเน็ทหลายคนรุมวิจารณ์ว่า Emma Stone แสดงบทนำที่ต้องพูดสำเนียงอังกฤษได้แย่มาก ฟังดูแล้ว fake และยังโจมตีว่า นี่คือความล้มเหลวที่ cast นางเอกอเมริกันมารับบทสัญชาติอังกฤษ

แต่แท้จริงแล้ว เรื่องนี้มีคำอธิบาย และมันเป็นตัวเลือกของตัวนางเอกA List ผู้นี้เองค่ะ

เป็นเพราะอะไร  Emma  จึงเลือกไม่พูดสำเนียงแบบ pure British ?

Emma ได้รับคำชมเรื่องสำเนียงอังกฤษจากการแสดงเป็นสมาชิกชนชั้นสูงจากศตวรรษที่ 18ในหนัง The Favourite เธอฝึกฝนและศึกษาอย่างเข้มข้นเพื่อพิสูจน์ให้ผู้กำกับได้ยอมรับว่าเธอทำได้ แม้ Emma จะเป็นนักแสดงรางวัล Oscar แต่เธอต้อง audition เพื่อบทนี้ เพราะผู้กำกับไม่มั่นใจว่านักแสดงอเมริกันจะพูดสำเนียงอังกฤษชั้นสูงได้เนียนพอ

นั่นหมายความว่า Emma เป็นนางเอกที่มีความสามารถทางการแสดงด้วยการใช้สำเนียงแตกต่าง แต่สำหรับ Cruella เธอเลือกใช้สำเนียงที่เรียกว่า Mid-Atlantic นั่นคือ hybrid ระหว่างสำเนียงอเมริกันและอังกฤษ ซึ่งเป็นสิ่งปกติของนักแสดง Hollywood ยุคทองอย่าง Katharine Hepburn, Bette Davis และ Cary Grant หนึ่งในดาราที่มีสำเนียง Mid-Atlantic ก็คือ Tallulah Bankhead ผู้เป็นต้นแบบของ Cruella นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ Emma เลือกใช้สำเนียงนี้ถ่ายทอด Cruella ในแบบฉบับของเธอ

"สาเหตุในเรื่องสำเนียงของCruella ที่มีความซับซ้อนขึ้นมา ไม่ได้เป็นสำเนียงอังกฤษล้วนๆ นั่นเป็นเพราะแรงบันดาลใจของฉันคือ Tallulah Bankhead ที่พูดด้วยสำเนียงmid-Atlantic แบบดารายุค1940s คุณก็รู้ใช่มั้ยคะ พวกนักแสดงชาวอเมริกันที่ผสมผสานความเป็นอังกฤษเข้าไป มันจึงไม่ใช่สำเนียงอังกฤษเต็มร้อย แต่เป็นแนวตัวละครจากยุค1940s  เป็นสำเนียงที่ซับซ้อนพอดูค่ะ"




Emma ปะทะ Emma


สำหรับบท Baroness คู่แข่งตัวฉกาจของ Cruella   มีการพิจารณารายชื่อนางเอกชั้นนำอย่าง  Nicole Kidman, Charlize Theron, Julianne Moore, และ Demi Moore    เกือบทุกคนที่ว่าเป็นเจ้าของรางวัล Oscar ที่การันตีฝีมือการแสดง      และผู้ที่คว้าบทสตรีชั้นสูงทรงอำนาจแห่งวงการแฟชั่นไปได้คือ Emma Thompson    นางเอกอาวุโสแห่งอังกฤษที่มีชื่อเสียงด้านการแสดงอันเลื่องลือ   แต่จากผลงานที่ผ่านมาของเธอนั้น  แฟนๆไม่ได้เห็นเธอมาในลุคเสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็มบ่อยเท่าใดนัก  ความแรงของ Baroness นั้นทำให้เราอดจะเปรียบเทียบกับ Miranda Priestly แห่งThe Devil Wears Prada ไม่ได้   แม้สองตัวละครนี้จะมีบุคลิกแตกต่างกันหลายจุด  แต่ออร่านางพญาที่ไม่แยแสตัวตนของคนทั่วไปนั้นเรียกว่าเปล่งประกายเจิดจ้าไม่แพ้กันเลย


Fashion แบบ Glam Punk สะกดสายตา

ฉากหลังของเรื่องที่ set ไว้ที่ยุค 70s ใน London  จากความสำเร็จของBlondie, David Bowie, The Sex Pistols และศิลปิน punk อีกหลายคน  ดนตรีจึง punk  ได้ก้าวมาสร้างอิทธิพลอย่างทรงพลังในหมู่คนหนุ่มสาว    แล้วจะมีสไตล์อื่นใดที่เข้ากับความขบถของ Cruella หากไม่ใช่ punk?


สำหรับเรา ลุคของ Cruella นั้นตระการตาซะยิ่งกว่าเหล่าคนดังที่เฉิดฉายที่ Met Gala ใน punk themeซะอีก ! พวกเราอาจจะชมกันเพลินจนไม่ได้รับว่า Emma Stoneเปลี่ยนคอสตูมไปถึง47 ครั้ง ส่วนEmma Thompsonก็สวยจิกใน 33ชุดไม่ซ้ำแบบ
Jenny Beavan  ดีไซน์เนอร์คอสตูมที่โชว์ผลงานจากหนังดังมาแล้วมากมายได้นำประสบการณ์จากเส้นทางการสร้างสรรค์อาภรณ์จากโรงละครในสมัยสาวๆมาใช้อย่างแม่นยำ  เธอจดจำบรรยากาศของLondon ในยุค  punk revolution ได้เป็นอย่างดีและมีวิธีการถ่ายทอดจิตวิญญาณของตัวละครนำด้วยวิธีที่ไม่ซับซ้อนด้วยการเลือกใช้สี  Cruella จะชื่นชอบเสื้อผ้าสีขาว ดำ และแดง โดยเฉพาะสีแดงที่โดดเด่นดึงดูดความสนใจจากทุกสายตา

ดีไซน์เนอร์ดีไซน์เนอร์คอสตูมประกอบภาพยนตร์เจ้าของรางวัล Oscarได้เล่ารายละเอียดว่า

"จะให้ Cruella ใส่ชุดสีเหลืองหรือน้ำเงินเหรอคะ ฉันว่าคงไม่เหมาะ แต่สำหรับ Baroness เธอมาด้วยแนวคิดอนรักษ์นิยมที่แสดงความมั่งคั่งด้วยสีน้ำตาลและทอง เป็นอะไรที่ดูเย่อหยิ่งแบบคนหัวสูง"





แน่นอนว่า ชุดของนางเอกที่ทำให้พวกเราต้องร้อง wow นั้นทำให้หลายคนนึกถึงดีไซน์เนอร์ชั้นนำแห่งอังกฤษที่นำวัฒนธรรม punk มารังสรรค์ผลงานจนโด่งดัง ทั้ง Vivien Westwood ที่ถูกยกให้เป็นราชินีแห่ง Punk , John Galliano  และ Alexander McQueen     โดยเฉพาะชุดแดงแรงฤทธิ์เปิดตัวอย่างตระการตาใน black and white party (ชม trailer ได้ที่ด้านล่าง) Jenny Beavan ระบุว่ามีต้นแบบมาจากผลงาน tree dress ของ Charles James ที่แสดงถึงความ classic แบบ old Hollywood  แต่ได้เพิ่มความสร้างสรรค์แบบนักปฏิวัติเข้าไปด้วยมหัศจรรย์ในเปลวเพลิงอันแสนตรึงตราใจ

Jenny Beavanได้อธิบายเรื่องไอเดียเสื้อผ้าที่ตรึงตราใจของ Cruella ว่า

"สำหรับหลายชุดของCruella และ Estella ได้รับอิทธิพลมาจากลุคสุดเริ่ดของVivienne Westwood และ John Galliano   สมัยนั้นสร้างสรรค์กันได้น่าสนใจจริงๆ  ฉันยังจดจำตอนที่ไปหาซื้อเสื้อผ้าจากตลาดวินเทจ Portobello แล้วนำมาประกอบเป็นรูปเป็นร่างได้  ในยุคนั้นเสื้อผ้าสไตล์ทหารได้รับความนิยมอย่างสูง คุณจะจับมันมาใส่คู่กับjeansหรือไม่ก็กระโปรงระบาย เน้นวิธีจับเสื้อผ้ามาเข้าคู่กันให้น่าสนใจ เราเริ่มจากสไตล์จากยุค 50s ที่เน้นลูกไม้เป็นหลัก แล้วก็มาที่ยุค 60s ที่เปิดความคิดอย่างเสรีไร้ข้อจำกัด พอก้าวมาสู่ยุค 70s ก็เป็นช่วงเวลาที่ได้นำเอาอิสระเสรีนั้นมาแสดงออกถึงความมุ่งมั่น  ซึ่งเป็นจุดที่ฉันนำมาใช้สร้างสรรค์เสื้อผ้าแบบ Cruella"





ไม่ว่าจะเป็นนางเอกหรือทีมงานเบื้องหลังก็มักจะได้รับคำถามเปรียบเทียบกับ Cruella ในเวอร์ชั่น Glenn Close ที่ขึ้นหิ้งไปแล้ว    แต่มันไม่น่าจะใช่เรื่องยากเย็นในการทำความเข้าใจว่า  แม้พวกเค้าได้ให้ความเคารพต่อบทบาทอันเป็นที่จดจำในอดีต   แต่ย่อมหลีกเลี่ยงการ 'โคลน' รูปแบบเดิมที่ ขึ้นหิ้งไปแล้ว  และร่วมมือกันเนรมิต Cruella ที่ถูกตีความขึ้นมาใหม่ให้โดนใจผู้ชม  แม้จะมี hint บางอย่างที่ทำให้นึกถึง Cruella แห่งยุค 90s อยู่บ้าง     แต่การเล่าเรื่องราวที่มาผ่านพัฒนาการของสาวแสบที่ยังไม่ค้นหาตัวเองไม่พบจนกลายมาเป็นนางร้ายผู้มีจิตวิญญาณที่เสรีไร้ขอบเขตนั้นทำให้พวกเราได้เข้าใจตัวละครนี้มากยิ่งขึ้น   และไม่ได้ตัดสิน Cruella ในแง่มุมอันร้ายกาจเพียงอย่างเดียว


ก่อนหน้าที่ Disney จะปล่อยผลงานเรื่องนี้เข้าสู่โรงหนังและ streaming service เราได้ยินเสียงเรียกร้องจากแฟนๆที่ไม่ต้องการให้ Cruella ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบฮีโร่หญิงที่ปกปิดความอ่อนโยนดีงามไว้ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวไร้หัวใจเหมือนกับ Maleficent แต่ขอเป็นนางร้ายแบบเต็มขั้น หากถามความคิดเห็นของเรา นี่คือจุดเริ่มต้นที่ไปได้สวยเลยทีเดียว

หากใครยังไม่แน่ใจว่าการปูเรื่องกำเนิด Cruella จะโชว์ร้ายได้ตามความคาดหวังหรือไม่ อาจจะต้องรอพิสูจน์กันให้แจ่มแจ้งในภาคต่อกันแล้วค่ะ




คำวิจารณ์หนังเรื่องนี้มีแตกออกไปหลายเสียง ทั้งชื่นชมว่านี่คือหนังที่ลงตัวด้วย themeปลุกใจพลังหญิงและความบ้าหลุดโลก หรือผู้ที่เปรียบเทียบCruella ว่าเป็นJokerในร่างผู้หญิงที่แสดงความร้ายสุดสะใจ แต่ไม่รุนแรงจนทำใจให้อภัยไม่ลงเหมือนกับเวอร์ชั่นเดิม แต่ก็ยังมีอีกหลายเสียงที่ส่ายหน้าไม่ชอบใจจากหลากหลายเหตุผล เราอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ปลาบปลื้มกับผลงานเรื่องนี้จนตั้งใจจะติดตามพัฒนาการความร้ายในภาคต่อ แต่ถ้าCruella เวอร์ชั่นนี้ไม่ถูกจริตของอีกหลายคน มันก็มิใช่ปัญหาจขัดแย้ง คำว่านานาจิตตังนำมาใช้กับการเสพความบันเทิงผ่านจอได้เสมอ



candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE