คนดังHollywoodกับประสบการณ์ Toxic Work Place
candy 53 15เพราะมนุษย์เราใช้เวลาค่อนชีวิตกับการทำงาน สำหรับหลายคน แม้ว่าจะกลับมาบ้านเพื่อพักผ่อนก็ยังยากจะปิดสวิทช์ความคิดจากงานไปได้ แน่นอนเหลือเกินว่า หากใครได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ทำงานงานในฝัน คนๆนั้นย่อมถูกมองว่าเป็นผู้มีโชคที่ได้ยากราวกับถูกรางวัลใหญ่
คุณเคยมองสิ่งใดจากการทำงานบ้าง?
- สภาพแวดล้อมที่สร้างความรู้สึกปลอดภัย สนับสนุนศักยภาพของพนักงาน
- ระบบภายในมั่นคง ให้ความเป็นธรรมต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม
- เพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่พร้อมสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญในการให้เกียรติ การสร้างความเข้าใจ ไม่ล่วงละเมิดสิทธิ์หรือบีบคั้นจนเกิดความตึงเครียดที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต
สังคมในสถานที่ทำงานเป็นพิษไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เงินเดือนที่เข้าออกตรงตามเวลาเท่านั้น ไม่ว่าจะแวดวงใด คนทำงานก็หลบหนีปัญหานี้ไม่พ้น นั่นยังรวมไปถึงดาราศิลปินที่ถูกยกย่องว่าประสบความสำเร็จระดับแนวหน้าของวงการบันเทิง ก็มีข่าวคราวของPower Harassment และพฤติกรรมสุด toxic ของผู้ร่วมงานสร้างเสียงโจษจันเรื่อยมา
มาติดตามเรื่องราวเหล่านี้กับเราได้เลยค่ะ
ความขัดแย้งรุนแรงระหว่าง Charlize Theron และ Tom Hardy ในกองถ่าย Mad Max Fury Road
เรื่องราวความบาดหมางของนักแสดงนำแห่ง Mad Max: Fury Road ไม่ใช่ความลับที่เพิ่งจะหลุดมาถึงสื่อแต่อย่างใด แม้พวกเค้าจะพยายามรักษาสีหน้าท่าทางให้ดูเป็นมิตรระหว่างการโพรโมทหนังเพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพ แต่ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง Charlize และ Tom ก็เคยยอมรับกับสื่อตรงๆว่า เกิดปัญหาความขัดแย้งจากหลายปัจจัย รวมไปถึงผู้ร่วมงานอย่างนักแสดง stunt ที่เคยเผยรายละเอียดว่า ทั้งคู่ทะเลาะเบาะแว้งกันตั้งแต่เริ่มต้นถ่ายทำ และต้องแยกกันอยู่ห่างๆกันเพื่อรักษาบรรยากาศการทำงานไม่ให้ตึงเครียดหนักไปกว่าเดิม ทำให้เหล่าสต๊าฟต้องปรับวิธีการทำงานที่ต้องอาศับความเป็นทีม จากต้องรวมกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ก็ต้องแยกย้ายกันทำงานได้สร้างอุปสรรคหนักหน่วง นักแสดงstuntจำเป็นต้องร่วมงานกับพระเอกและนางเอก แต่ทั้งคู่ปฏิเสธจะอยู่ใกล้กัน ไม่ว่าจะเป็นการซ้อม หรือการเข้าฉากจริง ทำให้ต้องใช้นักแสดง stunt แทนอยู่ตลอด
เรียกได้ว่าเป็นการแตกหักอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทนมองหน้ากันได้ แต่คำถามที่ตามมาคือ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้กองถ่าย Mad Max คุกรุ่นไปด้วยความตึงเครียด ส่งผลให้การทำงานท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุยิ่งร้อนด้วยไฟแห่งความบาดหมางขึ้นไปอีก
พยานเผย Charlize ระเบิดอารมณ์เมื่อ Tom ปรากฏตัวที่กองถ่ายสายไปถึง 3 ชั่วโมง
Kyle Buchananผู้ประพันธ์หนังสือ Blood, Sweat & Chrome: The Wild and True Story of Mad Max: Fury Road ได้เผยข้อมูลจากสต๊าฟผู้คุมกล้องว่า ความตึงเครียดก่อตัวขึ้นมาเมื่อ Tomจะเข้ากองถ่ายสาย จนอีกฝ่ายถึงจุดระเบิดเมื่อเขามาสายไปถึง 3 ชั่วโมง Charlize ตัดสินใจเฝ้ารออยู่บนรถออกศึก War Rig โดยไม่ขยับไปไหนเลย และทันทีที่ได้เห็น Tomโผล่มาที่กองถ่าย เธอจึงปรี๊ดใส่ว่า
'ช่างไม่ให้เกียรติกันสักนิด'
และบอกโพรดิวเซอร์ให้ 'ปรับเงินไอ้ทุเรศนี่คิดตามนาทีที่ถ่วงเวลาทีมงานไปให้เยอะๆเลย'
ตากล้องบรรยายว่า Tom พุ่งเข้าไปหาแล้วถามเธอว่า 'นี่คุณพูดกับผมว่าไงนะ?'
ด้วยท่าทางดุดัน จนทำให้ Charlizeรู้สึกถูกคุกคามจนต้องร้องขอการปกป้อง
นางเอกดังรู้สึกไม่ปลอดภัยจนต้องร้องขอให้มี producer หญิงอยู่ข้างกาย
Charlize ได้กล่าวถึงความรู็สึกในขณะนั้นว่า
"มันก้าวไปถึงจุดที่ขัดแย้งกันจนบานปลายคุมไม่อยู่ จนทำให้เกิดความคิดว่าจะต้องส่งตัวโพรดิวเซอร์หญิงมาอยู่ด้วย เพราะฉันไม่รู้สึกกึงความปลอดภัย"
"ฉันไม่อยากจะหาข้อแก้ตัวให้กับพฤติกรรมย่ำแย่ แต่มันเป็นการถ่ายทำที่ยากลำบาก ในตอนนี้ฉันเห็นภาพชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่คิดว่าตัวเองมองเห็นอะไรได้อย่างแจ่มแจ้งในระหว่างถ่ายหนัง ในตอนนั้นฉันอยู่ในmode เอาตัวรอด ฉันหวาดกลัวมากจริงๆค่ะ"
"มันก้าวไปถึงจุดที่ขัดแย้งกันจนบานปลายคุมไม่อยู่ จนทำให้เกิดความคิดว่าจะต้องส่งตัวโพรดิวเซอร์หญิงมาอยู่ด้วย เพราะฉันไม่รู้สึกกึงความปลอดภัย"
"ฉันไม่อยากจะหาข้อแก้ตัวให้กับพฤติกรรมย่ำแย่ แต่มันเป็นการถ่ายทำที่ยากลำบาก ในตอนนี้ฉันเห็นภาพชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่คิดว่าตัวเองมองเห็นอะไรได้อย่างแจ่มแจ้งในระหว่างถ่ายหนัง ในตอนนั้นฉันอยู่ในmode เอาตัวรอด ฉันหวาดกลัวมากจริงๆค่ะ"
คำชี้แจงจาก Tom Hardy
พระเอกหนุ่มอังกฤษได้ยอมรับว่า ในขณะถ่ายทำนั้น เขาต้องรับมือกับปัญหาหลายด้านจนแก้ไม่ตก ในตอนนั้นพวกเค้าทั้งสองต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ถาโถมเกินต้าน Charlize สมควรจะมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ใหญ่มีประสบการณ์กว่านี้ ซึ่งหากเป็นปัจจุบัน เขาก็น่าจะวุฒิภาวะพอเพียงที่จะเป็นคนๆนั้นได้
บางคนมองว่า นี่อาจจะไม่ใช่ความขัดแย้งที่มาในรูปแบบของ Power Harassment เพราะศักดิ์ศรีของเป็นนักแสดงชั้นนำของทั้งคู่นั้นกินกันไม่ลง แต่เป็นความขัดแย้งที่ยิ่งเพิ่มอุปสรรคในการถ่ายทำจนผู้ร่วมงานต้องได้รับผลกระทบ แต่ยังมีอีกหลายเสียงที่ไถ่ถามหาความเป็นมืออาชีพจาก Tom Hardy ที่ไม่ตรงต่อเวลา และแสดงท่าทีก้าวร้าวเมื่อถูกตำหนิ หลายคนวิจารณ์ว่า หากเพื่อร่วมงานมาสายบ่อยๆจนต้องเสียการงานก็คงจะปรี๊ดจัดไม่ต่างจาก Charlize เขาควรจะเป็นฝ่ายอธิบายและขอโทษอย่างจริงใจ มิใช่เข้าประชิดตัวเธอให้เกิดความหวาดหวั่นจนไม่อาจจะอยู่ใกล้กันได้ แม้ว่า Mad Max: Fury Road จะได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์หลายคนว่าเป็นหนัง action ระดับ masterpiece และนักแสดงทั้งสองก็ยังสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ทำใหชาวเน็ทกังขาว่า นี่คือการฉวยโอกาสจากอิทธิพลความโด่งดังเพื่อเอาเปรียบคนอื่นหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า แม้กระทั่งผู้กำกับและโพรดิวเซอร์ก็ไม่สามารถตักเตือนให้ปรับปรุงหรือชักจูงให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจเพื่อลดทอนบรรยากาศตึงเครียดที่สร้างความลำบากใจและกายให้กับทีมงาน
ช่องโทรทัศน์ทรงอิทธิพลต้องจ่ายค่าเสียหาย $9.5 ล้านให้กับนางเอกซีรีส์ที่ร้องเรียนว่าถูกคุกคามทางเพศ แต่กลับถูกปลด
Eliza Dushkuสร้างชื่อเสียงในแวดวง TV showมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นยุค 90s จากนักแสดงสมทบจาก Buffy the Vampire Slayer และ Angel เธอได้ก้าวมาเป็นนางเอกนำแห่ง Tru Calling เธอเคยประชันบทบาทกับนักแสดงชั้นนำจากหนังและซีรีส์มาแล้วมากมาย แต่หลังจากโลดแล่นในวงการบันเทิงมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอก็ต้องเผชิญกับการคุกคามทางเพศในที่ทำงานจนต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง
ข่าวดีก็คือ เธอเอาชนะเหล่าผู้ทรงอิทธิพลที่บีบให้เธอจนมุมและได้รับค่าชดเชยหลายล้านเหรียญ กลายเป็นกรณีตัวอย่างที่สร้างเสียงวิจารณ์ดังกระหึ่ม
Eliza ชี้หลักฐานที่ถูกคุกคามทางเพศด้วยวาจาจากเทป และยังมีผู้ชายในกองถ่ายผสมโรงอย่างสนุกสนาน ส่วนproducerก็ซ้ำเติมด้วยคำพูดเหยียดเพศ
ในปี 2017 Eliza ได้ร่วมประชันบทบาทใน Bull ซีรีส์กฎหมายเรตติ้งสูงทางช่อง CBS โดยมีการเจรจาวางตัวให้เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มนักแสดงนำไปอีกหลายซีซัน แต่แสดงไปเพียง 3 ตอน ชื่อของ Eliza ก็หายไปจากซีรีส์เรื่องนี้
ต่อสู้กับผู้ทรงอิทธิพลในวงการTVด้วยการใช้พลังสื่อโต้
หลังจากถูกปลดจากซีรีส์ Eliza พยายามเจรจากับโพรดิวเซอร์เพื่อหาคำอธิบาย แต่เมื่อผลลัพธ์ที่ออกมายิ่งทำให้รู้สึกแย่ เธอจึงตัดสินใจเผยประสบการณ์ที่ต้องเผชิญจากการคุมคามทางเพศจาก Michael Weatherly ด้วยบทความยาวเหยียดใน Boston Globe และถูกซ้ำเติมเมื่อโพรดิวเซอร์/ผู้เขียนบทของซีรีส์ปกป้องผู้กระทำผิด และกลายเป็นตัวเธอที่ถูกเด้งออกจากโพรเจคท์
- ตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ถ่ายทำหนังด้วยกัน Michael พูดจาแทะโลมเธอด้วย 'มุกตลก' หยาบโลน จนทำให้เธอต้องไปเผชิญหน้าเจรจาถึงในเทรลเลอร์ของเขาเพื่อแสดงความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกคุกคามทางเพศ
- เมื่อเธอปรากฏตัวที่กองถ่าย เขาจะพูดให้ได้ยินว่า "ขาสวยมาแล้ว" หรือไม่ก็เปิดเพลงที่มีเนื้อหาบ่งบอกทางเพศให้เธอรู้ตัว
- เขาใช้มุกเรื่องมี sex หมู่สามคนต่อหน้าทีมงาน, กระเซ้าว่าจะจับมานอนพาดตักตีก้น รวมถึงการชักชวนให้เธอเข้าไป'รถแวนที่ใช้ข่มขืน' ที่เต็มไปด้วยเจลหล่อลื่นและองชาติปลอม
- เขาพูดถึงความสวยของเธอด้วยการครางอู้วอ้าในคอ ครั้งหนึ่งเขาเคยก้มหาตัวเธอเพื่อสูดดมด้วยท่าทางรัญจวญใจ
- เมื่อเธอเผชิญหน้ากับเขาตรงๆเพื่อเปิดเผยความไม่พอใจที่ถูกคุกคามทางเพศ เขาไม่เคยขอโทษเธอ และก็แทบจะไม่พูดกับเธอจนปิดซีซัน แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการกีดกันเธอออกไป ไม่นานจากนั้นเธอก็ถูกปลด
- เธอมาค้นพบข้อมูลระหว่างกระบวนการเจรจากับ CBS ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นว่า Michael ส่งข้อความไปถึงประธานช่อง CBS ขอให้ยุติบทบาทของเธอในซีรีส์ และร้องเรียนว่า เธอเป็นคนประเภทขาดอารมณ์ขัน
"Weatherlyทั้งคุกคามทางเพศและบูลีฉันอย่างต่อเนื่อง และเขาอาจจะรอดไปได้หากไม่มีหลักฐานมัดตัวเป็นเทป "
"เมื่อได้นึกถึงการพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่ผ่านมา มันทำให้ฉันคิดเรื่องความโศกเศร้าของเหยื่อส่วนใหญ่ที่สูญเสียประโยชน์เพราะขาดหลักฐานเหมือนกับเทปที่ฉันใช้"
"ฉันเติบโตที่ Bostonกับพี่ชายสามคนและถูกมองว่าเป็นทอมบอย ฉันสร้างชื่อจากบทนักล่าแวมไพร์ผู้ตัวแสบและกลายมาเป็นเชียร์ลีดเดอร์คนกล้า ฉันเคยร่วมงานกับพระเอกดังอย่าง Robert De Niro, Leonardo DiCaprio , หรือแม้กระทั่งพระเอกดังแห่ง CBS อย่าง David Boreanaz ฉันสามารถรับมือกับสถานการณ์ในห้องล็อกเกอร์ เคยร่วมรายการของHoward Stern และได้รับการว่าจ้างจาก Kevin Smith ให้แสดงบทหัวขโมยสาวแห่งแกงค์โจรกรรมเพชรระดับโลกที่ใส่ชุดหนังสีดำเต็มตัว ฉันไม่อยากจะได้ยินว่าฉันไร้อารมณ์ขันหรือไม่สามารถรับการเล่นมุกได้ ฉันไม่ได้ตื่นตูมไปเอง ฉันมาทำงาน แต่เพราะไม่ต้องการถูกคุกคาม ฉันกลับถูกไล่ออก"
ถูกไล่ออกกลางกองถ่าย
Elizaได้ไล่เรียงเหตุการณ์ถูกปลดจากซีรีส์อย่างไม่คาดฝันไว้อย่างชัดเจนว่า
- เธอถูกไล่ออกทั้งๆที่กำลังถ่ยทำในช่วงบ่ายซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปเลย
- เมื่อตัวแทนของเธอติดต่อผู้บริการ CBS พวกเขาก็สับสนและแสดงความไม่เชื่อว่า Glenn Gordon Caron (โพรดิวเซอร์ผู้สร้างและเขียนบท Bull) จะมีอำนาจปลดเธอออกกะทันหัน เพราะพวกเขาได้รับอีเมลและข้อความชื่นชมว่าการแสดงของเธอในซีรีส์ดูยอดเยี่ยม และพสกเค้าก็ปลาบปลื้มความมีชีวิตชีวาอันนี้
- เมื่อตัวแทนของเธอติดต่อเจรจากับCaron เขาก็ปกป้อง Michael ว่าทำตัวประสาชายเทานั้น และถามกลับว่าเธอจะคาดหวังอะไรอีก เพราะเธอเคยถ่ายแบบให้กับ Maxim (นิตยสารผู้ชายที่ดึงดูดความสนใจด้วยนางแบบเซ็กซี่) เขาขู่ผู้จัดการของเธอว่า ถ้าอยากจะถูกตัดขาดจกโลกธุรกิจด้วยการฟ้อง CBS ก็ทำไปเลย
- ในการเจรจาเรียกร้องค่าเสียหายจาก CBS ฝ่ายกฎหมายฝ่ายตรงข้ามได้ใช้ภาพชุดว่ยน้ำของเธอที่โพสต์บน Instagram มาใช้เป็นเครื่องมือบ่งชี้ว่า ไม่แปลกที่จะถูกใช้คำพูดล่วงเกิน หรือในเมื่อโชว์เรือนร่างเช่นนี้แล้วเธอก็ไม่ควรจะรู้สึกแย่ที่ถูกคุกคามทางเพศ (victim blaming นั่นเอง)
"CBS ชดใช้ให้ฉัน $9.5ล้าน เงินจำนวนนี้เทียบได้กับตัวเลขรายได้ที่ฉันควรจะได้รับจากการทำงานด้วยสัญญาหกปี แต่นี่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทองเท่านั้น ฉันอยากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม เงื่อนไขสำคัญในการตกลงยอมความคือ CBSจะต้องจัดหาเจ้าหน้าที่ผู้ที่ผ่านการเทรนการรับคำร้องเรียนเรื่องการถูกคุกคามทางเพศเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของMichael Weatherly และในการถ่ายทำซีรีส์ CBS ไม่ต้องการจะปฏิบัติตาม แต่ฉันยืนยันจะไม่ตกลงหากไม่ทำตามเงื่อนไขนี้"
หากถามว่าเปิดผลกระทบใดต่อตัวการหรือไม่?
นอกจากจะแถลงการณ์ว่าเคยเล่นมุกตลกจากการล้อเลียนบทพูดในการแสดงซีรีส์ และขอโทษEliza ทันทีที่เธอแจ้งว่า รู้สึกอัดอัดใจกับการวิธีใช้คำพูดและความพยายามที่จะสร้างความตลกเฮฮา (ซึ่งEliza ยืนยันว่าไม่เคยได้รับคำขอโทษ) Kelly Kahl ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน CBS entertainment ได้เผยถึงการตัดสินใจเดินหน้าถ่ายทำ Bull ต่อไปว่า Michael ยอมรับในความผิดพลาดที่ทำลงไปและแสดงความรู้สึกผิดอย่างจริงใจ และเสนอความตั้งใจในการเรียนรู้และการเทรนที่มีความจำเป็นในกรสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี
Bull เป็นซีรีส์กฎหมายที่เรตติ้งเปรี้ยงมากๆหลายซีซัน (Eliza ถูกปลดในปลายซีซัน2) แม้เรตติ้งก็เริ่มลงลงมาในแต่ล่ะปี แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่สวยงามอันเป็นเรื่องปกติของTV show ที่ดำเนินต่อกันหลายปีก็จะเริ่มอิ่มตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว , Glenn Gordon Caron showrunner ที่ถูกนางเอกสาวสวยกล่าวหาว่าเป็นผู้ปลดเธอกลางอากาศก็ยุติการทำงานกับซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งไม่มีการอธิบายเหตุผลอย่างชัดเจนจาก CBS แต่อย่างใด มีการตีข่าวลือจากคนวงในกระซิบบอกสื่อว่า มาจากการตรวจสอบเรื่องสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานที่เป็นพิษนั่นเอง
เพื่อนนักแสดงหญิงออกตัวปกป้องผู้ถูกกล่าวหา
ยังจำการจุดประกายความเคลื่อนไหวMeToo กันได้รึเปล่าคะ? ในช่วงแรกๆ ก็เคยคนดังที่ออกตัวแรงปกป้อง Harvey Weinstein ว่าช่างเป็นชายผู้น่านับถือสร้างประโยชน์มาแบ้วมากมาย แต่เมื่อเหยื่อออกมาเผยประสบการณ์เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงนางเอกระดับ A List อย่าง Lupita Nyong'o, Lea Seydoux, Eva Green, Salma Hayek และอีกมากมาย ผู้ที่มองข้อกล่าวหาอย่างไม่แน่ใจก็เริ่มเชื่อถือคำพูดของเหยื่อขึ้นมา
แม้พฤติกรรมของMiachel Weatherlyจะยังดูห่างจากอาชญากรแบบ Harvey Weinstein แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า หลังจากที่นางเอกเพื่อนร่วมงานแสดงความอึดอัดคับข้องใจที่ถูกใช้วาจาจาบจ้วงในเรื่องเพศ เธอกลับถูกปลดออกจากซีรีส์ แต่เขายังได้ไปต่ออีกหลายซีซัน ชี้ให้เห้นชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ปัญหา sexual harassment เท่านั้น แต่ยังมาในรูปแบบ power harassment อย่างที่ไม่น่าแก้ตัวขึ้น หากคนใกล้ชิดถูกกล่าวหาพร้อมกับหลักฐานเป็นเทปชี้ชัด คุณอาจจะเลือกเก็บปากเก็บคำ วางตัวเป็นกลาง ไม่ปกป้องหรือโจมตีใครออกสื่อเพราะอาจจะถูกมองว่าเข้าข้างคนผิด
แต่สองนางเอกผู้เป็นอดีตเพื่อนนักแสดงจาก NCIS คือ Pauley Perrette และ Sasha Alexander ได้ใช้พื้นที่ social media ให้กำลังใจและยกย่อง Michael ว่าเป็นเพื่อนแท้ที่แสนดีและจะได้รับความนับถือจากพวกเธอเสมอ แน่นอนว่า ชื่อของพวกเธอจะปรากฏพรึบตามหน้าสื่อ พร้อมกับเสียงวิจารณ์ว่า เป็นการให้กำลังใจที่ผิดที่ผิดเวลา เพราะพวกเธออาจจะมีประสบการณ์ดีๆและรู้สึกสนุกสนานกับมุกตลกของเขา แต่ยังมีผู้หญิงที่เสียงานไปอย่างไม่เป็นธรรม และหากไร้หลักฐานเป็นรูปธรรมพิสูจน์ข้อกล่าวหา คำพูดของเธอก็คงดูไร้ความหมายสำหรับผู้บริหารช่องและอีกหลายคนในสังคม
Gal Gadot เผย ถูกผู้กำกับ Justice League ขู่จะทำลายอาชีพการแสดง
นับตั้งแต่ Gal Gadot แจ้งเกิดอย่างดงามจากบท Wonder Woman ชื่อของเธอก็วนเวียนติดTop 10 นางเอกรายได้สูงที่สุดใน Hollywood แต่เธอก็เคยเผชิญแรงกดดันจากความขัดแยังกับ Joss Whedon ผู้กำกับ Justice League และตัดสินใจเปิดเผยประสบการณ์กับสาธารณชน และประกาศว่า ไม่มีทางจะกลับมาร่วมงานกับเขาอีก
Joss Whedon สร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ยุค 90s ด้วยผลงานกำกับและเขียนบทหนังและทีวีซีรีส์ดัง เขาอยู่ในทีมเขียนบทToy Story สร้าง Buffy the Vampire Slayer จนฮิตติดลมบนถึง7ซีซัน และยังมีผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จอย่างล้นหลามจาก The Avengers ชื่อของเขาก็ยิ่งดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจสตูดิโอสร้างหนังยักษ์ใหญ่มากขึ้นไปอีก จากผลงานหนังsuperhero ฝั่งMarvel เขาก็ถูกดึงตัวมาสานความสำเร็จกับ DC จากการก้าวเข้ามากุมบังเหียน Justice League แทน Zack Snyder ที่ถอนตัวออกไปก่อนจะถ่ายทำเสร็จสิ้น จากเดิมที่มีบทบาทเป็นผู้เขียนบท ตามมาด้วยเสียงเล่าลือว่า สไตล์การทำงานและวิสัยทัศน์ต่อทิศทางของหนังที่แตกต่างจากZack Snyder ก็สร้างรอยร้าวระหว่างผู้กำกับดังและนางเอกชาวIsraeli
Joss Whedon สร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ยุค 90s ด้วยผลงานกำกับและเขียนบทหนังและทีวีซีรีส์ดัง เขาอยู่ในทีมเขียนบทToy Story สร้าง Buffy the Vampire Slayer จนฮิตติดลมบนถึง7ซีซัน และยังมีผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จอย่างล้นหลามจาก The Avengers ชื่อของเขาก็ยิ่งดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจสตูดิโอสร้างหนังยักษ์ใหญ่มากขึ้นไปอีก จากผลงานหนังsuperhero ฝั่งMarvel เขาก็ถูกดึงตัวมาสานความสำเร็จกับ DC จากการก้าวเข้ามากุมบังเหียน Justice League แทน Zack Snyder ที่ถอนตัวออกไปก่อนจะถ่ายทำเสร็จสิ้น จากเดิมที่มีบทบาทเป็นผู้เขียนบท ตามมาด้วยเสียงเล่าลือว่า สไตล์การทำงานและวิสัยทัศน์ต่อทิศทางของหนังที่แตกต่างจากZack Snyder ก็สร้างรอยร้าวระหว่างผู้กำกับดังและนางเอกชาวIsraeli
"เขาพูดทำนองขู่เข็ญ บอกว่าถ้าฉันทำอะไรลงไป เขาจะสร้างความเดือดร้อนต่ออาชีพนักแสดงของฉัน"
"ฉันต้องนำสิ่งที่เกิดขึ้นไปแจ้งกับผู้บริหาร Warner Bros พวกเขาจึงจัดการเรื่องนี้"
" หากฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็ยังจะเลือกทำแบบเดิม หากถามว่าเขาจะพูดจากับฉันแบบเดียวกันหรือไม่ถ้าฉันเป็นผู้ชาย อันนี้ฉันไม่รู้ค่ะ เราไม่มีวันรู้หรอก แต่จิตสำนึกเรื่องความเป็นธรรมของฉันนั้นเข้มข้นมาก วิธีที่เขาใช้พูดกับฉันทำให้ฉันช็อคไปเลยค่ะ"
Joss Whedon ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่นพร้อมอ้างว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนเพราะ 'ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเธอ' ทำให้ Gal โต้กลับว่า เธอเข้าใจทุกคำที่เขาพูดออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอตั้งใจว่า จะไม่มีทางร่วมงานกับเขาอีกและจะไม่แนะนำให้เพื่อนฝูงคนรู้จักร่วมงานกับเขาเช่นกัน
The Hollywood Reporter ได้รายงานจากข้อมูลวงในว่า ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อผู้กำกับบีบให้ Gal ยอมรับบทพูดที่เธอไม่ชอบใจ ขู่เรื่องอาชีของเธอและดูถูก Patty Jenkins ผู้กำกับ Wonder Womanทั้งสองภาค พยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า Jossสั่งให้ Gal หุบปากเพราะเขาเป็นผู้เขียนบท และเขาสามารถทำให้เธอมีบทที่ดูงี่เง่าในหนังเรื่องนี้ยังไงก็ได้
ไม่ได้มีเพียง Gal เท่านั้นที่เปิดศึกกับผู้กำกับ แต่ยังมี Ray Fisher ที่รับบทเป็น Cyborg ที่ได้บรรยายพฤติกรรมของผู้กำกับที่ปฏิบัติต่อนักแสดงและทีมงานไว้ว่า
'น่ารังเกียจ ร้ายกาจ ไม่เป็นมืออาชีพ และไม่สามารถทำใจยอมรับได้'
รวมไปถึง Jason Momoa หรือ Aquaman ที่ร่วมเรียกร้องให้สตูดิโอตรวจสอบปัญหานี้อย่างเป็นทางการ และยืนยันว่าพวกเค้าได้รับการปฏิบัติย่ำแย่ในการถ่ายซ่อมจริงๆ และแสดงจุดยืนสนับสนุน Ray Fisher ในการเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างเต็มที่
หลังจาก WarnerMedia ได้สอบถามข้อมูลจากทีมงานในเบื้องต้น ก็ตัดสินใจเรียกตัวoutsource มาช่วยตรวจสอบหาความจริงในปี2020 แต่ข่าวก็ค่อยๆซาไป จน Ray Fisher ต้องออกมาเรียกร้องให้ผู้บริหารเปิดเผยข้อมูลที่พบจากการตรวจสอบ มิใช่เงียบหายไป
ไม่ต่างจากความเคลื่อนไหวMeToo เมื่อมีคนกล้าพูด คนที่เคยเจอมาเหมือนกันก็เริ่มกล้าจะเปิดเผยให้สังคมรับรู้ เหล่านักแสดงและสต๊าฟที่เคยร่วมงานกับ Joss ทั้ง Buffy Vampire Slayerและ Angel อีกหลายคนก็ร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ถูกผู้กำกับดังใช้อำนาจคุกคาม
ไฮไลท์ที่ Michelle Trachtenberg ที่เผยว่า เขาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อเธอซึ่งยังเป็นนางเอกวัยทีน จนทำให้มีการตั้งกฎเพื่อความปลอดภัยด้วยการห้ามไม่ให้เขาอยู่ตามลำพังกับเธอ
หรือจะเป็น James Marstersผู้โด่งดังจากบท Spike ที่เล่าว่า ผู้กำกับดันเขาไปติดกำแพงแล้วขู่ว่า 'ฉันไม่สนว่าแกจะดังแค่ไหน แกตายแน่' ซึ่งอาจจะเกิดจากความไม่พอใจในกระแสความจิ้นตัวละคร Spike(กับ Buffy) ที่ไม่ได้วางแผนให้เป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก หรือแม้แต่สต๊าฟฝ่ายคอสตูมที่ยืนยันว่า ผู้กำกับเคยจิกเล็บที่แขนของเธอ จากการถกเถียงเรื่องชุดของนางเอก
กรณีที่ทำให้นึกถึง Gal Gadot คือคู่รักนักแสดง stunt ที่รับมือกับพฤติกรรมbullyของผู้กำกับไม่ไหว ฝ่ายชายจึงขอถอนตัวจากซีรีส์ ส่วนฝ่ายหญิงยังอยากจะทำงานนี้ต่อไป แต่Joss Whedon กลับยื่นเงื่อนไขว่า เธอจะรักษาบท stuntไว้ได้ก็ต่อเมื่อแยกทางกับคนรักเท่านั้น เมื่อตอบปฏิเสธก็ขู่ว่า จะไม่ใครในวงการจ้างงานพวกเค้าอีกต่อไป
Joss Whedonปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ความรุนแรงกับทีมงานและนักแสดงในกองถ่าย แต่ยอมรับว่า ในสมัยหนุ่มๆก็เกิดอารมณ์ร้อนจนต้องตะคอกใส่กันบ้าง เพราะต้องรับมือกับนักแสดงวัยรุ่นที่ยังติดกับการรักสนุก