Bella เผยหมดเปลือก: ทำจมูกตั้งแต่อายุ 14 เพราะปมฝังใจและปัญหา Mental Health

50 13
'สวยศัลย์'
'สวยด้วยมีดหมอ'
'ไม่ได้ทำ...หมอทำให้'


นี่เป็นวลีที่พวกเราได้ยินจนคุ้นเคย จากเดิมที่สังคมเคยตีกรอบความงามภายใต้แนวคิดว่า รูปร่างหน้าตาที่สวยงามตามธรรมชาติเท่านั้นที่สมควรได้รับคำชื่นชมและช่วยเชิดหน้าชูตาสร้างความภูมิใจเต็มร้อย แต่ความงามที่เกิดจากศัลยฺกรรมถูกยัดเยียด stigma ด้วยคำว่าจอมปลอม หรือการจับผิดให้คนที่สวยด้วยมีดหมอรู้สึกอับอายและต้องปกปิดไว้


แต่ทุกวันนี้ ผู้คนมากมายได้เปิดใจยอมรับในเรื่อง 'สิทธิทางร่างกาย' ของบุคคลที่บรรลุนิติภาวะสามารถตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตามความปรารถนา หากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดตามความสมัครใจและช่วยเติมเต็มความสุขที่พร่องหายไปจากความไม่มั่นใจในอดีต  คนอื่นก็ไม่ควรพิพากษารูปแบบความงามที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติอันเป็นต้นตอของพลังงานด้านลบ  หรือเพียงยึดหลักง่ายๆว่า 'หากไม่มีอะไรดีๆจะพูดถึง  ก็แค่ไม่ต้องพูดออกมา'   เพราะไม่ว่าจะเป็นความสวยแบบธรรมชาติหรือสวยศัลย์  นิยามความสวยของในมุมมองของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน

สำหรับวงการแฟชั่นและบันเทิง เราเคยได้ยินคำเปรียบเปรยว่า เรื่องของ'สวยด้วยแพทย์' ช่างเป็นขั้นตอนที่ปกติราวกับการเข้าคอร์สทำสปา แม้คนดังจำนวนไม่น้อยจะเลือกไม่พูดถึงเพราะยึดถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากป่าวประกาศออกไปให้โลกได้รับรู้ แต่ก็ยังมีศิลปินดาราและ influencer ที่ไม่เพียงแต่จะยอมรับว่าศัลยแพทย์ตกแต่งเป็นผู้เนรมิตความงามให้ แต่ยังยืนยันว่า นี่คือการตัดสินใจที่สร้างความสุขและสามารถก้าวข้าม stigma เรื่องสวยศัลย์ไปได้อย่างมั่นใจ ส่วนอคติจากคนในสังคมก็ลดลงไป เราจะได้ยินเสียงสนับสนุนจากแฟนๆที่เคารพใน choice ของคนดังที่จะปรับเปลี่ยนปมด้อยที่เคยฉุดรั้งให้วิตกกังวลให้มาเป็นความงามในแบบที่ชอบ หลายคนยังชื่นชมเรื่องการพูดความจริง นั่นเป็นเพราะว่า การปฏิเสธเรื่องสวยด้วยแพทย์ (ทั้งๆที่มีภาพความแตกต่างแจ่มแจ้ง) และยืนกรานว่า สวยตามธรรมชาติไม่เคยผ่านมีดหรือเข็มใดๆนั้น ถูกมองเป็นเรื่องของ'การตั้งความคาดหวังด้านความงามที่ยากจะเป็นไปได้'นั่นเอง






Bella  Hadid กับการเปิดใจหมดเปลือกกับ VOGUE ฉบับเมษา



ฺBella เจ้าของความงามสุด exotic ได้เลือกใช้พื้นที่ของไบเบิลแห่งวงการแฟชั่นเพื่อไขข้อข้องใจต่อข่าวลือที่เกิดต่อเนื่องในระยะเวลาหลายปี จากรูปทรงจมูกที่แตกต่างเป็นคนละแบบกับในสมัยยังเป็นวัยรุ่น สื่อก็ประโคมข่าวกันพร้อมอย่างพร้อมเพรียง ประเด็นสำคัญที่สร้างเสียงกล่าวขวัญนั้นไม่ใช่เรื่องการยอมรับว่าทำจมูกให้เรียว เพราะไม่ว่าใครที่เห็นภาพสมัยไฮสคูลที่จมูกห่างไกลจากในปัจจุบันอย่างแจ่มแจ้งก็คงฟันธงกันมาก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่เป็นการเผยถึงปัญหาความไม่มั่นใจที่ทำให้เธอเลือกรับการผ่าตัดในวัยเพียง 14!

ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังได้เผยถึงปมภายในใจและความวิตกกังวลจนทำให้ต้องทุกข์ทรมานจากปัญหา mental health
"ฉันมีอาการ  impostor syndrome  ที่เกิดขึ้นเมื่อคนอื่นทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่คู่ควรกับสิ่งดีงามทั้งหลายนี้"

"ใครๆก็มีเรื่องอยากพูดวิจารณ์ตลอด แต่ฉันอยากจะชี้แจงว่า  การอยู่ในวงการนี้ ฉันมักจะถูกเข้าใจผิดจากผู้คนที่อยู่รายรอบ"


impostor syndrome คือโรคที่ทำให้เชื่อว่าตัวเองไร้ค่า ไร้ความสามารถ และอาจจะเกิดอาการแย่ลงจนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้



Bella และแม่ของเธอยืนยันปฏิเสธเรื่องทำจมูกมาตลอด


ข่าวลือเรื่อง Bella ทำจมูกมาตั้งแต่วัยรุ่นถูกส่งต่อไปทั่วโลกออนไลน์มาตั้งแต่ที่เธอเริ่มโด่งดัง โดยเฉพาะข่าวว่า พ่อของเธอเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเพื่อเหลาจมูกให้เรียวสวยให้ แต่เธอและแม่ได้ยืนยันปฏิเสธเรื่องนี้มาก่อน รวมถึงการท้าพิสูจน์ด้วยการscan ใบหน้าจากการให้สัมภาษณ์กับ InStyleเมื่อปี 2018

"คนอื่นมองว่าฉันมีความมั่นในตัวเอง แต่กว่าจะมั่นใจได้ก็ต้องเรียนรู้มาเยอะ"

"มีคนคิดว่าฉันทำศัลยฺกรรมหรือทำนู่นนี่นั่นกับหน้าตา แต่รู้อะไรมั้ย เรามา scan หน้าฉันดูได้เลยที่รัก ฉันขี้กลัวเรื่องการใช้ฟิลเลอร์ฉีดปาก ฉันไม่เสี่ยงทำหน้าให้พังหรอก"




Yolanda ผู้เป็นแม่ของนางแบบสองพี่น้องสาวสวยได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะใช้ชีวิตโดยปราศจากซิลิโคนเสริมเต้านม, ฟิลเลอร์, โบท็อกซ์,การต่อผม และอีกหลายแหล่ จากเดิมที่เคยคิดว่าเธอจำเป็นต้องแต่งเสริมเติมสวยด้วยสิ่งเหล่านี้ เพราะสังคมตั้งความคาดหวังว่าผู้หญิงสวยเซ็กซี่จะต้องมีมีรูปโฉมเฉพาะตัว และเป็นตัวเธอที่ได้รับผลกระทบจากสารพิษที่มากับกระบวนการทางความงามจนเกือบตาย (Yolandaและ Bellaป่วยเป็น Lyme disease) แต่คำพูดนี้ทำให้ชาวเน็ทคนหนึงตั้งข้อกังขาว่า

"แล้วลูกสาวของเธอล่ะ? โดยเฉพาะ Bella เธอเป็นคนสวยแต่เธอจำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ด้วยเหรอ?"

นั่นทำให้ Yolanda รีบชี้แจงว่า ลูกๆของเธอไม่เคยฉีดฟิลเลอร์, โบท็อกซ์ และใช้สิ่งแปลกปลอมใดๆเข้าสู่ร่างกาย เพราะเห้นตัวอย่างชัดเจนจากแม่แล้วว่า จะต้องป่วยหนักมากแค่ไหน


แต่คำยืนยันนี้เองที่อาจจะย้อนกลับทำให้ Yolanda ดูเสียภาพพจน์ จากเดิมที่เธอมักจะถูกเปรียบเทียบกับ Kris Jenner ที่ทำหน้าที่ Momagerผลักดันลูกๆให้ประสบความสำเร็จในวงการ และล่าสุดเหล่าผู้ใช้ Twitter ก็พยายามคาดคั้นและกล่าวโทษเธอที่อนุญาตให้ลูกสาวที่เป็นผู้เยาว์ผ่าตัดจำจมูก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติเป้นลายลักษณณ์อักษณจากผู้ปกครอง





 


ยอมรับ  ทำจมูกเมื่ออายุ14 และทุกวันนี้ก็เสียดายจมูกเดิม


Bella ไม่ได้บรรยายรายละเอียดความเจ็บปวดที่ฝังลึกในวัยเยาว์ไว้อย่างชัดเจนว่าเธอเจออะไรมาบ้าง แต่มันก็มีกดดันหนักจนทำให้ทำจมูกในวัย 14ปี และยอมรับกับ VOGUE ว่า เธอนึกเสียดายการตัดสินใจครั้งนั้น

"ฉันควรจะรักษาจมูกที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษไว้    ฉันว่าตัวเองน่าจะค่อยๆชอบมันขึ้นมาเอง"




ยืนยัน ไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์ยกโครงหน้าและฉีดปากอิ่ม


"คนอื่นคิดว่าฉันทำหน้าจนเปลี่ยนไปหมดเพียงเพราะเอาภาพสมัยที่ฉันดูหน้าบวมพองตามประสาวัยทีนมาเปรียบเทียบ ฉันแน่ใจว่า ในตอนนี้พวกคุณคงไม่ได้ดูเหมือนกับตอนที่ยังอายุ 13 ปีใช่มั้ยล่ะ ฉันไม่เคยใช้ฟิลเลอร์ จบนะ ฉันไม่ได้ต่อต้านการฉีดฟิลเลอร์ แต่มันไม่เหมาะกับตัวฉันค่ะ ใครก็ตามที่กล่าวหาว่าฉันฉีดฟิลเลอร์ยกตาหรืออะไรก็ตาม นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าเทปแปะหน้า เคล็ดลับทีjเก่าแก่สุดๆในตำรา"

กล่าวคืดคือ นอกจากการศัลยฺกรรมจมูก Bella ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องยกตา เหลากรามและฉีดปากอิ่มอย่างหนักแน่น




ประเด็นสร้างความฮือฮาเมื่อสองปีก่อน    'หมอศัลย์ชี้ ใบหน้าของ Bellaมีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก'

Bella ได้รับการยกย่องเรื่องfeaturesที่โดดเด่นในกลุ่ม supermodel ยุคใหม่  ด้วยพื้นเพของลูกผสมเชื้อสายArab PalestinianและDutch     ทั้งดวงตาสีสวยและออร่าของสาวงามสุดลึกลับดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอ    แต่เมื่อเฉิดฉายอยู่ท่ามกลางความสนใจ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปได้เลย   จากก่อนหน้าที่จะให้สัมภาษณ์เปิดใจกับ VOGUE    เธอเคยปฏิเสธเรื่องศัลยฺกรรมแล้วได้กลายมาเป็นประเด็นที่ผู้คนคอมเมนท์กับนอย่างสนุกปาก    เมื่อ 2019  ก็มีการประกาศยกย่องให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีโครงหน้าสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก เมื่อคำนวณตามหลักการ  golden ratio ของGreekโบราณ   ซึ่งผู้ลงมือคำนวณหาค่าความเป๊ะคือDr. Julian De Silva,, แห่ง Centre For Advanced Facial Cosmetic And Plastic Surgeryที่เคยสร้างความฮือฮาจากการเรียงลำดับความงามของคนดังด้วยการใช้ program คำนวณสัดส่วนหน้าตาพวกเค้ามาแล้วหลายครั้ง  และแสดงผลการวิเคราะห์ว่า  สิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนใบหน้าของ Bella คือคาง เพราะขาดไปอีกเพียง 0.3% ก็จะเต็มร้อย  และคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 94.35% โดยมี Beyoncé ตามมาเป็นลำดับสอง (เธอเป็นผู้หญิงethinic ผู้เดียวที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม top10)



(แนะว่าอย่าซีเรียสกับการวัดคะแนนความสมบูรณ์แบบของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นจากแนวคิดใดก็ตาม เพราะพวกเราคือมนุษย์ที่อาศัยรวมกันอยู่หลายชาติพันธุ์ในโลก การใช้หลักการที่คนโบราณในดินแดนหนึ่งกำหนดมาวัดกันจึงไม่ใช่เรื่องสากล โดยเฉพาะโลกยุคใหม่ที่เราควรให้ความสำคัญกับการเปิดใจชื่นชมความงามที่แตกต่าง)






เผยปมที่ทำให้หมดความมั่นใจ  'คนอื่นคอยตอกย้ำว่าไม่สวยเหมือนพี่สาว'



เมื่อคุณท่องโลกออนไลน์เพื่อความเพลิดเพลิน อาจจะเคยพบกับการตั้ง topic ประเภท 'ชอบ Hadid คนพี่หรือคนน้องมากกว่า?' หรือ 'คิดว่าใครสวยกว่า?'

มันอาจจะฟังเหมือนเรื่องไม่แปลก  แม้แต่ฝาแฝดที่มีความคล้ายคลึงกันมากยังถูกจับมาเปรียบเทียบ   แต่การเปรียบเทียบโดยที่กดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรู้สึกย่ำแย่นั้นอาจจะสร้างผลกระทบรุนแรงในระยะยาว   Bella ก็คืออีกหนึ่งกรณีที่สูญเสียความมั่นใจไปเพราะถูกตอกย้ำมาตั้งแต่เด็กว่า เธอเป็นน้องสาวหน้าตาขี้ริ้วของ Gigi
 
"ฉันเป็นน้องสาวที่ไม่สวย ฉันเป็นสาวผมน้ำตาล ฉันไม่ดูเริ่ดเท่ากับGigi ไม่ได้เข้าสังคมเก่งเท่าเธอ"

"นี่เป็นสิ่งที่คนรอบตัวให้ความเห็นในตัวฉัน น่าเศร้าที่เมื่อได้ฟังเรื่องเหล่านี้บ่อยมากเข้า ก็ทำให้เชื่อว่าเราเป็นเช่นนั้นจริงๆ"



Bella เคยเปิดใจเรื่องความวิตกกังวลเรื่องรูปร่างหน้าตามาแล้วหลายครั้งหลายหน และเคยเปรียบเทียบตัวเองกับพี่มาก่อน ดังในสัมภาษณ์กับ InStyle

"ฉันมีเอวเล็กและสะโพกใหญ่ แล้วก็เคยอวบมาก่อน ตอนนี้ฉันหันมาปลื้มหุ่นแบบนี้แล้ว แต่เมื่อก่อนก็รู้สึกกังวลเรื่องสะโพกอยู่เสมอ ในขณะที่พี่สาวมีกล้ามsix-pack และรูปร่างแบบสาวนักกีฬา   ฉันยังคิดว่าตัวเองมีหน้าตาประหลาด   ฉันยังจดจำได้อย่างชัดเจนว่าเคยถูกบูลี่เพราะหน้าของฉันเป็นแบบนี้"




ความจริงมีผมบลอนด์ตามธรรมชาติ



ย้อนไปเมื่อยังเป็นสาว 18 Bella ได้เล่าบรรยายความรู้สึกเหมือนกับแกะดำผ่าน VOGUE Australiaไว้ว่า

"เราสองคนคล้ายกันนะคะ  เรามีเสียงเหมือนกันด้วย  แต่ทั้งชวิตที่ผ่านมา พี่สาวคือคนที่เรียนได้เกรดดีๆ เธอสวย ฉลาด และตลก ส่วนฉันออกจะพยศอยู่  ฉันอยากจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเราแตกต่างกัน ฉันจึงย้อมผมเป็นสีน้ำตาล"



เมื่อปีที่แล้วเธอยังเผยถึงประสบการณ์ที่คนที่เจออะไรแบบเดียวกันน่าจะเข้าใจ

"ใครก็ตามที่เป็นลูกคนกลางก็จะเข้าใจความรู้สึกของลูกคนกลางค่ะ  ทุกคนเกลียดฉัน ไม่มีชอบฉัน ฉันเป็นแกะดำของบ้าน"

"ฉันมีผมบลอนด์ตามธรรมชาติ ฉันอยากจะดูแตกต่างจากคนในครอบครัวอย่างคนละขั้ว นั่นก็คือน้องชายและพี่สาวของฉัน พวกเขาจับคู่ซี้กันเชียวล่ะ   ฉันจึงรู้สึกเหมือนกับถูกกีดกันออกมา   แต่ก็ไม่เป็นไร  เพราะฉันรู้ว่าพวกเค้ารักฉัน"




เมื่อไร้ความมั่นใจในเรื่องรูปลักษณ์ ก็ส่งผลกระทบจนเกิดอาการซึมเศร้า, โรควิตกกังวล และโรคปฏิเสธอาหาร



ฉันถามตัวเองเสมอว่า  เด็กสาวไร้ซึ่งความมั่นใจ, วิตกกังวล, ซึมเศร้า, มีปัญหาเรื่องรูปลักษณ์, มีปัญหาเรื่องการกินอาหารจะเข้ามาทำงานในวงการนี้ได้อย่างไร?    ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันกลายมาทำการแสดง ฉันปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม หรือไม่ก็โชว์สีหน้าที่ดูมาดมั่น  ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้   ถึงใครๆจะวิจารณ์เรื่องรูปร่างหน้าตาของฉัน วิธีการพูดของฉัน และกิริยาท่าทางของฉัน   แต่ตลอดเวลา 7 ปีในการทำงาน ฉันไม่เคยพลาดงานใดหรือยกเลิกงานหรือมาสาย  จะไม่มีใครเลยที่พูดได้ว่าฉันไม่ทุ่มเทให้กับการงานอย่างเต็มที่"




อดอาหารในวัยมัธยม  กินเพียงผักผลไม้เพียงเล็กน้อย


อาการ Lyme disease ดับความฝันของ Bellaที่จะเข้าร่วมคัดเลือกเป็นนักขี่ม้าทีมชาติเพื่อแข่งขัน Olympic เธอใช้ชีวิตสาวมัธยมด้วยอาการเจ็บป่วยรุมเร้า ทั้งสมองล้า วิตกกังวล อ่อนเพลีย ตาเบลอ ปวดกระดูก เมื่อพบจิตแพทย์ก็ได้รับการวินิจฉัยว่า มีอาการสมาธิสั้น (ADHD) ที่ทำให้ไม่สามารถจดจ่อได้และจัดยา Adderallเพื่อควบคุมอาการ แต่ผลข้างเคียงยาที่ทำให้ลดความอยากอาหารก็ทำให้ Bellaปฏิเสธอาหาร

"ฉันใช้แอพคำนวณแคลอรี่อาหาร มันเปรียบเหมือนกับปีศาจร้ายเลยล่ะ ฉันจะเตรียมอาหารเล็กน้อยไปโรงเรียน มีแรสเบอร์รีสามผลและเซเลรี่หั่นเป็นแท่ง"

ทุกวันนี้Bellaปรับความคิดเกี่ยวกัยการกินอาหาร แต่มันก็เป็นเรื่องยากเย็นที่จะมองตัวเองในกระจก เพราะยังฝังใจกับความรู้สึกในช่วงที่อดอาหารในวัยรุ่น ทำให้เธอรำลึกถึงความรู้สึกที่ไม่ชอบร่างกายตัวเอง



ชาวเน็ทพุ่งเป้าโจมตีทางพ่อแม่ที่ยินยอมให้ลูกสาววัยเพียง 14 ทำจมูก


ที่ผ่านมานั้น พวกเรามักพบเห็น haters ที่จิกกัด Bella เรื่องจมูกที่เปลี่ยนไปของเธอ รวมถึงกล่าวหาเธอว่าโมหน้าไม่เหลือเค้าเดิม  แต่ปฏิกิริยาล่าสุดของชาวเน็ทนั้นดูจะเต็มไปด้วยการแสดงความเห็นใจกับหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันเรื่อง body image  มาตั้งแต่ยังเป็นสาวใส  แต่ในเวลาเดียวกัน หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตและทักท้วงกับวิธีการเลี้ยงดูลูกสาวบ้านนี้  โดยเฉพาะ Yolanda ที่เคยแสดงให้เห็นทัศนคติต่อเรื่องความงามอันเข้มงวด  ไม่ว่าจะเป็นการกีดกัน Gigi จากอาหารที่เธอโปรดปราน หรือวิจารณ์รูปร่างแบบสาวนักกีฬาว่าดูใหญ่บึ้ก  เมื่อเห็นลูกสาวใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ก็คิดว่าลูกคงเป็นเลสเบี้ยน!     เมื่อ Bella เล่าความจริงว่า เธอทำจมูกตั้งแต่อายุ 14   เสียงตอบรับจากชาว Twitter นั้นไม่เป็นมิตรเอาซะเลย   แม้การผ่าตัดน่าจะต้องได้รับคำยินยอมจากทั้งพ่อและแม่  แต่ดูหมือนว่าหลายคนมุ่งโจมตีYolanda ฝ่ายเดียวว่าเป็นผู้อนุญาตให้ลูกสาวที่ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มวัยทำศัลฺยกรรม   มีทั้งคนที่ตำหนิว่าเธอเป็นแม่ยอดแย่ แรงไปถึงแช่งชักหักกระดูก  รวมถึงมีคนจืนตนาการเรื่องราวไปเองว่า ผู้เป็นแม่คือต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวจิตตกกับจมูกตัวเอง

ยังมชาวเน็ทความจำดีที่หวนรำลึกถึงคำพูดของ Yolanda เมื่อหลายปีก่อนในรายการ The Real Housewives of Beverly Hills ที่เธอแนะนำลูกสาววัยทีนว่า วงการแฟชั่นมีการแข่งขันสูงมาก แม้แต่พี่น้องก็ต้องมาแข่งกันเอง เปรียบดังหงส์ขาวและหงส์ดำ หากแบรนด์ต้องการนางแบบที่มีภาพลักษณ์แบบ all American girl ฺ Bella ก็จะไม่ได้รับการว่าจ้าง หรือการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารว่าลูกสาวทั้งสองแตกต่างกันมากมาย ในขณะที่ Gigi เป็น all American girl (เธอเป็นลูกครึ่งที่ถูกเรียกว่า passing for white หรือดูเป็นคนขาวชัดเจน) และ Bella มีความเข้มคมกว่าและ exotic    รวมไปถึงแฟน reality show ดัง ที่เคยจับผิดว่า Yolanda ดูใส่ใจกับ Gigi มากกว่าและอาจจะทำให้ Bella รู้สึกแปลกแยก






หลายคนเคยผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นที่แสนเปราะบางต่อการเกิดความเจ็บปวดฝังลึกในจิตใจ พวกเราต่างรู้ดีว่า การรับมือกับความวิตกกังวลเรื่อง body image นั้นไม่ได้แก้ไขทัศนคติกันง่ายๆด้วยคำวำ 'อย่าคิดมาก' ผู้คนมักใช้คำวิจารณ์ทิ่มแทงกันอย่างไม่ปราณีและอาจกระชากเอาความมั่นใจในตัวเองของใครบางคนไปหมดสิ้น แย่กว่านั้นก็อาจสร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิตไปอีกเนิ่นนาน ครอบครัวและคนใกล้ชิดจึงควรช่วยโน้มน้าวให้เด็กได้รับถึงคุณค่ารู้และสร้างความภาคภูมิใจในตัวตนของพวกเค้า การศัลฺยกรรมเป็นทางเลือกที่ทำให้เอื้อมถึงความงามที่คาดหวัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นการปลดล็อคให้ก้าวข้ามความเจ็บปวดไปได้ทุกกรณี สำหรับ Bella แม้เธอจะได้รับการยกย่องเรื่องความงดงามและขึ้นแท่นอิทเกิร์ลผู้นำเทรนด์ แต่ปัจจัยต่างๆที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยทางกายและทางจิตใจ ทำให้เธอต้องพยายามเยียวยาตัวเอง

หวังว่า  Bella จะได้รับรู้ว่า มีผู้คนอีกมากมายที่ส่งกำลังใจให้เธอพบกับความสุขที่แท้จริง


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE