เมื่อคนดังขอร้องไม่ให้คอมเมนท์เรื่องรูปลักษณ์

32 13

ถึงฤดูเทศกาลเมื่อใด  หลายคนก็อาจจะต้องเตรียมใจพบกับคำทักทายชวนเพลียจากวงศาคณาญาติและเพื่อนฝูงที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน 
 
"อ้วนขึ้นเยอะนะเนี่ย จำไม่ได้เลย"
"ผอมไปรึเปล่า หัดกินเยอะๆบ้างนะ ดูไม่มีเรี่ยวมีแรง"
"ทำไมปล่อยให้เป็นสิวขนาดนี้"

ฯลฯ

ถึงอาจจะมีคนเตรียมคำพูดเอาไว้สู้กลับแบบเจ็บๆ แต่ส่วนใหญ่คงเลือกหลีกเลี่ยงการปะทะคารม  ได้แต่ทำหน้าจืดเจื่อนหรือพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป     แต่เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำซาก ก็ต้องยอมรับว่า คอมเมนท์ด้านลบเรื่องรูปลักษณ์ทำให้เสียอารมณ์จนไม่อยากพบปะคนช่างติ หรือมีอาการ 'รวมญาติ phobia'  ไปเลย 









ในยุคสมัยที่ผู้คนหันมาร่วมรณรงค์เรื่อง body positivity และชี้ว่า   พวกเราสามารถใช้คำพูดเพื่อส่งพลังทางด้านบวกให้กันได้อย่างหลากหลาย โดยที่ไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปร่าง   แม้จะอ้างว่า พูดออกมาเพื่อแสดงเจตนาดีหรือแสดงความเป็นห่วงเป็นใย   แต่ body- shaming นั้นช่างล้าสมัย  และคำพูดที่สร้างบรรยากาศดีๆอย่าง "ไม่เจอกันนาน   ดีใจจังที่ได้เจอกัน" หรือ "เธอยังสวยไม่เปลี่ยน"   ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง ทุกฝ่ายต่างก็ happy      

แต่ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าทั้งเสียมารยาทและอาจจะส่งผลร้ายจนถึงขั้นต้องหมางเมินกันไป แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่เลือกใช้คำพูดทิ่มแทงคนอื่นให้เจ็บปวด    ยิ่งเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามหลายล้าน  ก็ยิ่งต้องถูกบีบคั้นจนต้องออกมาขอร้องว่า อย่าได้คอมเมนท์เรื่องรูปลักษณ์อันอีกเลย

พวกเค้ามีเหตุผลใดที่ call out ชาวเน็ทในประเด็นนี้   มาติดตามกันเลยค่ะ





ชาวเน็ทแสดงความเป็นห่วง Ariana Grande  ที่ดูผอมลง


ช่วงไม่นานมานี้ ภาพของ  Aria Grande  ได้จุดกระแส debate ในโลกออนไลน์   จากเสียงถามไถ่ว่า เหตุใดเธอจึงดูผอมลงอย่างผิดหูผิดตา?  ทั้งคนที่แสดงความเป็นห่วงว่า เธอดูเหมือนกำลังเจ็บไข้ได้ป่วย  และยังมีอีกคอมเมนท์อีกมากมายที่เผยความไม่ชอบใจเรื่อง makeup และใบหน้าของเธอที่ดูเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

Ariana: ความงามมีหลายมุมมอง


Ari ตัดสินใจแชร์วีดีโอเพื่อแสดงความรู้สึกต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ของเธอ โดยชูประเด็นที่น่าสนใจด้วยการชี้ว่า รูปลักษณ์ในอดีตที่ชาวเน็ทนำมาเปรียบเทียบกับตัวเธอในปัจจุบันนั้น ไม่ได้เป็นรูปร่างจากสุขภาพแข็งแรงอย่างที่คิดกัน



"ฉันจะบอกให้ว่า ความงามนั้นมีอยู่หลากหลาย  มุมมองต่อรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีสุขภาพที่ดีก็มีอยู่หลายรูปแบบ   ในกรณีของฉัน รูปร่างหน้าตาที่พวกคุณยกมาเปรียบเทียบกับตัวฉันในช่วงล่าสุดเป็นเวอร์ชั่นที่สุขภาพร่างกายย่ำแย่ที่สุดแล้ว"


"ในตอนนั้นฉันใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าและกินอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์เลย   รูปลักษณ์ของฉันที่พวกคุณมองว่ามันดูสุขภาพดีน่ะ มันเกิดขึ้นในช่วงที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของฉันแล้วล่ะ   ความจริงตอนนั้นฉันไม่ได้สุขภาพดีแต่อย่างใด   ฉันรู้นะว่าฉันไม่ควรต้องมาชี้แจงเรื่องนี้ แต่ฉันมองว่าจะต้องเปิดใจให้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เปราะบาง   และอาจจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นหลังจากการพูดประเด็นนี้ก็เป็นได้"












แม้ว่าจะทักกันด้วยเจตนาดี แต่อาจทำให้คนฟังรู้สึกแย่ 


"ฉันคิดว่าเราควรจะถนอมจิตใจกันมากกว่านี้และลดการวิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ของคนอื่นกันตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดด้วยวัตถุประสงค์แบบใดก็ไม่ควร คุณอาจจะคิดว่ากำลังพูดชื่นชมหรือพูดด้วยเจตนาดี อย่างการบอกว่าคนอื่นดูสุขภาพดีหรือดูป่วย รูปร่างใหญ่หรือผอม เซ็กซี่หรือไม่เซ็กซี่อะไรแบบนั้น เราควรมาร่วมใจลดละพฤติกรรมแบบนั้นจะดีกว่า"




คุณอาจจะเคยได้ยินคนที่ใช้คำพูดทำร้ายจิตใจคนอื่นแล้วอ้างว่าหวังดี แต่ๆจริงๆแล้วอาจจะกำลังซ้ำเติมให้อีกฝ่ายรู้สึกย่ำแย่ไปกว่าเดิม คุณอาจจะไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่า คำพูดสั้นๆอาจจะส่งผลเสียหนักต่อชีวิตใครบางคน


Ari ได้แนะนำว่า

"เรามีวิธีอื่นๆเพื่อกล่าวคำชื่นชมกัน หรือปล่อยวางไม่หยิบเอาสิ่งที่คุณมองเห็นแล้วไม่ตรงใจมาพูดถึง  ซึ่งเราควรร่วมด้วยช่วยกันเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเองและคนอื่น"

" คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนอื่นกำลังเผชิญกับเรื่องราวใดอยู่  ดังนั้น ถึงคุณจะพูดจาออกมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย    แต่ที่จริงคนๆนั้นก็อาจจะพยายามรับมือกับปัญหาของตัวเองอยู่ หรือว่าเค้ากำลังได้รับความช่วยเหลือเพื่อจะก้าวผ่านเรื่องนั้นไปให้ได้   คุณไม่สามารถเดาออกหรอกว่าเค้าเจออะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้น ช่วยพูดถนอมจิตใจคนอื่นบ้างและอ่อนโยนกับตัวเองด้วยเถอะ"



ลองจินตนาการว่า คุณไปเจอใครสักคนที่ไม่ได้พูดคุยกันมานาน แล้วพบว่า เค้าคนนั้นน้ำหนักลดลงไปจากเดิมมาก แล้วทักออกไปโดยเชื่อว่า  นี่คือคำชมที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี หรือพยายามแสดงความห่วงใย  แต่หากเค้าคนนั้นมีปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงหรือกำลังตรอมใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ   แทนที่คอมเมนท์เรื่องรูปร่างผอมบางจะทำให้รู้สึกปลาบปลื้ม  แต่มันอาจจะซ้ำเติมให้ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นไปอีก









ผู้เชี่ยวชาญเตือน การแสดงความเห็นเรื่องรูปลักษณ์จะยิ่งสร้างความเสียหายต่อผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจ


Elizabet Altunkara ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาแห่ง the National Eating Disorders Association ได้ชี้ว่า การวิจารณ์ผู้อื่นเรื่องรูปร่างหน้าตาถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม และหลายคนก็ยากจะทำความเข้าใจว่า เหตุใดมันจึงเป็นพฤติกรรมที่สร้างปัญหาและควรหลีกเลี่ยง

"เพียงแค่มองจากภายนอกไม่ทำให้เรารู้ได้แน่นอนว่าใครคนนั้นกำลังเผชิญกับกับปัญหาทางร่างกายหรือจิตใจเช่นไร คำพูดเหล่านั้นจะทำให้ปัญหาคงอยู่เรื้อรัง อย่างผู้มีแนวคิดด้านลบต่อ body image ขาดความภาคภูมิใจในตนเอง ไม่พอใจในรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่แล้วก็ยิ่งถูกซ้ำเติม"

และแม้ว่า Ariana จะไม่ออกมาตอบโต้ หรือใส่ใจกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ของเธอ แต่มีผู้คนอีกจำนวนมากที่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ เพราะมันเป็นการตอกย้ำว่า การพูดเรื่องรูปลักษณ์ของคนอื่นและคาดเดากันไปตามใจชอบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิด แนวคิดเชิดชูคุณค่าของรูปลักษณ์ภายนอกจนเกินควรจะก่อความเสียหายโดยเฉพาะต่อผู้ที่ประสบปัญหาเรื่อง body image หรือมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ  และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปฏิเสธอาหาร








Nicola Coughlan:  ขอร้องแฟนๆหยุดส่งความเห็นเรื่องรูปร่างหน้าตา



สำหรับดาราศิลปินที่ไม่ได้มีรูปร่างตรงตาม beauty standard โดยเฉพาะ 'สาวอวบ'มักตกเป็นเป้าหมายจากโลกออนไลน์และสื่อให้ชี้แจงความรู้สึกเรื่องรูปร่างของตัวเอง หลายคนถูกเหมารวมว่า จะต้องออกโรงเป็นตัวแทนเชิดชูแนวคิด body positivity

แต่ไม่ใช่ว่า ทุกๆคนจะสามารถพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเองอย่างสบายใจ...

นางเอกสาวมากความสามารถจาก Bridgerton ได้เผยว่า มีคนจำนวนมากคอยส่งข้อความมาย้ำเตือนเธอในประเด็นรูปลักษณ์จนเกินจะรับไหว

"หากคุณมีความเห็นเกี่ยวกับรูปร่างของฉัน โปรดอย่าบอกให้ฉันได้รับรู้    คนส่วนใหญ่นั้นพูดจาน่ารักและพยายามจะไม่ทำร้ายจิตใจกัน   แต่ฉันก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจ และการที่ต้องมาแบกรับความเห็นเรื่องรูปลักษณ์เป็นพันๆส่งตรงมาถึงทุกวันมันเป็นเรื่องที่ลำบากใจมาก"


"หากคุณมีความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับตัวฉัน มันก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจดีค่ะว่าฉันแสดงละคร TV และมันทำให้คนคิดเห็นและพูดจาไปต่างๆนานา แต่ฉันขอร้องเถอะค่ะ อย่าบอกกล่าวมาถึงฉันโดยตรงเลย"




ปรารถนาจะพิสูจน์ความสามารถ  ไม่อยากให้คนโฟกัสที่รูปร่าง


"นักวิจารณ์จะตัดสินฉันจากผลงานการแสดงในซีรีส์ Derry Girls และการแสดงละครเวที ไม่ได้พิจารณาจากรูปร่างของฉัน    ฉันหวังว่าในอนาคตข้างหน้า  แทนที่จะวิจารร์กักนเรื่องรูปลักษณ์ ผู้คนจะหันมาพูดถึงผลงาน การสร้างแรงบันดาลใจ และแรงผลักดันของเรากันมากขึ้น   ตอนนี้เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว ฉันอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงนี้"

"ทุกครั้งที่ฉันได้รับคำถามเรื่องรูปร่างในการให้สัมภาษณ์ มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากและยังรู้สึกเศร้าใจที่ฉันไม่ได้รับโอกาสให้พูดถึงผลงานที่ตัวเองรัก   รูปร่างหน้าตาคือเครื่องมือที่ฉันนำมาถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นไปต่างๆ  มันไม่ใช่สิ่งที่นิยามตัวตนของฉันค่ะ"




Jona Hill:  รู้ว่าหวังดี  แต่กรุณาอย่าพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์


รูปร่างของพระเอก comedy ชื่อดังมักสร้างเสียงกล่าวขวัญจากความเปลี่ยนแปลงอย่างสุดโต่ง ในอดีต ผู้ชมอาจจะติดภาพเขาจากบทบาทหนุ่มเจ้าเนื้อ แต่เพื่อบทบาทการแสดง พวกเราต่างได้เห็น Jonah Hills ในหลายเวอร์ชั่น เมื่อใดก็ตามที่เขาลดน้ำหนักลงไปมาก หลายคนต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาดูเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ และรูปร่างที่ดู fit ก็มีเสน่ห์น่ามองขึ้นมามาก แต่เมื่อเขาเริ่มตัวใหญ่ขึ้น ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยน้ำเสียงผิดหวัง บ้างก็เยาะเย้ยว่าเขากลับไปเป็นตัวตลกหุ่นเผละ   ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา Jonah ก็มาถึงจุดที่ต้องขีดเส้นแบ่งเรื่องนี้สักที


"ผมรู้ว่าคุณมีเจตนาดีนะ  แต่ผมขอร้องว่ากรุณาอย่าแสดงความคิดเห็นเรื่องรูปร่างของผมเลย  ไม่ว่าจะเป็นในแง่ดีหรือแง่ลบก็ตาม   ผมขอให้ทราบทั่วกันว่า  นี่มันไไม่ช่วยให้เกิดอะไรขึ้นมาและมันไม่ได้ทำให้รู้สึกดี  ด้วยความเคารพครับ"




เบื้องหลังของนักแสดงที่สร้างเสียงหหัวเราะให้กับผู้คน   เขามีปัญหาเรื่อง self-esteem และส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจ

"ผมน้ำหนักเกินมาตั้งแต่เด็ก มันฟังดูไม่เหมือนเรื่องใหญ่อะไร หรือไม่ใช่เรื่องที่เรียกความสงสารขนาดนั้น แต่มันเป็นเรื่องที่บั่นทอนจิตใจผมอย่างหนัก"

เขายอมรับว่า อาจจะประสบความสำเร็จมากทำให้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่ความเจ็บปวดตั้งแต่วัยเด็กก็ทำให้จำเป็นต้องเยียวยารักษาตัวเองด้วยการบำบัด เสียงวิจารณ์เรื่อง body image จึงยิ่งฉุดรั้งให้เขาจมกับความคิดดูถูกตัวเอง

"ผมสร้างชื่อเสียงในช่วงวัยทีนตอนปลาย และใช้เวลาในช่วงวัยที่ก้าวเป็นผู้ใหญ่ไปพร้อมกับการฟังใครๆบอกว่าผมทั้งอ้วนและดูน่าขยะแขยงและอัปลักษณ์    ผมเพิ่งจะมาเข้าใจว่าเรื่องนี้มันทำร้ายผมและมีอิทธิพลต่อความคิดของผมได้ถึงขนาดไหนก็ตอนที่กำกับและเขียนบทหนังเรื่อง Mid90s"


"ผมเชื่อว่า ทุกๆคนต่างมีภาพน่าเกลียดๆที่น่าขายหน้าของตัวเองสมัยยังเด็กฝังอยู่ในความทรงจำ สำหรับผม มันเป็นตอนอายุ 14 เป็นเด็กอ้วนและขี้เหร่ ชอบฟังเพลง hip hop และอยากจะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มนักเล่นสเก็ต"


"ถึงแม้ว่าวันหนึ่งเราอาจจะประสบความสำเร็จเมื่อโตขึ้นมาและเปลี่ยนเป็นคนที่ดูดี  แม้จะคิดว่ามันจะสามารถช่วยแก้ไขความไม่มั่นใจในตัวเองได้   แต่ความเจ็บปวดนี้ฝังใจก็ยังอยู่กับเราเสมอ"






Bebe Rexha:  clap back หนักๆ

 
สำหรับคนบางกลุ่ม คำพูดขอร้องกันดีๆอาจจะไม่สะดุ้งสะเทือน คนถูก body shame จึงใช้วิธี clap back เอาคืนให้เจ็บแสบ เหมือน Bebe Rexha

"นี่สำหรับพวกที่พูดว่าร้านเรื่องน้ำหนักตัวของฉันนะ ถึงคุณจะอยากเห็นปฏิกิริยาตอบกลับของฉันก็อย่าหวังเลย ถ้าคุณไม่ใช่พวกที่งามสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง คุณไม่มีสิทธิ์จะวิจารณ์เรื่องร่างกายของคนอื่น ความเกลียดชังที่แพร่กระจายจากตัวคุณน่ะไม่ได้ทำให้คุณดูสวยงามน่ามองหรอกนะ ฉันไม่สนสักนิดว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับน้ำหนักตัวของฉัน ฉันสนแต่ความคิดตัวเอง"

 แต่แม้ว่า Bebe จะออกมาส่งสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเปิดใจยอมรับความงามที่หลากหลายจนได้รับคำชื่นชมว่าเป็นราชินีแห่ง  Body positivity   แต่สถานะคนดังที่ทำให้ถูกสายตานับล้านจ้องมองและรับแรงกดดันจากการจับผิดและพิพากษาว่าไม่ดีพอ  เธอก็ยอมรับว่า เมื่อพบว่าน้ำหนักตัวดีดขึ้นมากที่สุดเท่าที่เคยเป็น ก็ทำให้เธอจิตตกและน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่สามารถภาคภูมิใจตัวตนที่เป็นอยู่  ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายที่มาของปัญหานี้ว่า  แม้จะเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในเรื่อง  body positivity อย่างลึกล้ำ แต่พวกเราได้ใช้ชีวิตที่ถูกแวดล้อมด้วยวัฒนธรรมต่อต้านและหวาดกลัวความอ้วนมานาน  ความคิดที่ถูกปลูกฝังรากลึกก็ส่งผลให้ยากจะลบเลือนอคติต่อความอ้วนได้  แม้แต่ผู้ที่รณรงค์ให้สังคมยอมรับรูปร่างที่ไม่ผอม ก็อาจจะเกิดความรู้สึกเกลียดตัวเองเมื่อไม่ได้ผอมเพรียวตามความงามในอุดมคติของคนในสังคม
 ขอยกประสบการณ์ตรงยามผู้เขียนตั้งครรภ์เมื่อเนิ่นนานมาแล้วมาเล่าสู่กันฟัง  นั่นคือบทสนทนาไถ่ถามเรื่องเพศของลูกในท้อง  แต่ผู้ตั้งคำถามกลับไม่รอฟังคำตอบแล้วสรุปเองว่า "หน้าแม่ขี้เหร่แบบนี้ ต้องได้ลูกผู้ชายแน่นอน!"  แม้จะเข้าใจว่าความเชื่อเรื่องการทำนายเพศเด็กนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล   แต่ก็อึ้งจนไม่อยากอธิบายให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า  ตรวจโครโมโซมลูกเรียบร้อย เป็นเด็กผู้หญิง 100%   คำพูดที่ไม่ใช่การจงใจจิกกัดจริงจังกลับฝังใจเรามาถึงปัจจุบัน  เพราะในตอนนั้นมีเรื่องวิตกกังวลใจหลายอย่างและค่อนข้างเปราะบางกว่าปกติ  จนรู้สึกหมดความมั่นใจ เพราะถึงแม้จะดูแลตัวเองเต็มที่แต่ก็ยังถูกทักว่าเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ดูน่าเกลียดอยู่ดี      แต่อีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อพบเพื่อนๆชาวต่างชาติในงาน baby shower   ก็ได้รับคำชมว่ามีเป็นคุณแม่ที่ดูดีด้วย pregnancy glow  มีท่าทางคล่องแคล่วเหมือนคนสุขภาพดี  บางคนก็บอกว่า เลือกชุดคลุมท้องสวยสะดุดตา  คำพูดชวนฟังเหล่านี้ได้สร้างกำลังใจก็เพิ่มพูนขึ้นมาและทำให้มองข้าม body shaming ที่บั่นทอนจิตใจ  รวมถึงเหตุการณ์อื่นๆที่เเคยพานพบ อย่าง "ทำไมปล่อยให้อ้วนขึ้นขนาดนี้" หรือ "ตอนลูกสาวพี่ท้องเค้าผิวดีมาก ไม่ดูหมองคล้ำเหมือนน้องเลยนะ"  และทำให้เราหันมาเลือกรับแต่พลังงานด้านบวกแทน

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถปล่อยวางกับคำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ไปได้ มิเช่นนั้นในโลกนี้คงไม่มีผู้ที่เจ็บป่วยทางจิตใจด้วยอาการไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง (Body Dysmorphic Disorder หรือBDD) ....

  แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถห้ามผู้คนให้แสดงความคิดเห็น แต่สิ่งสำคัญคือการแบ่งเส้นไม่ให้ล่วงล้ำทำลายความมั่นใจของคนอื่น   หลักการพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นแม้แต่น้อย  หากไม่สามารถมองโลกในแง่บวกและเปิดใจต่อความงามที่อยู่นอกเหนือ beauty standard ได้  แต่การรักษามารยาทอันดีก็จะไม่ทำร้ายใคร  เพียงแค่นึกถึงใจเขาใจเราขึ้นมาอีกนิด    เปลี่ยนแปลงคำพูดที่โฟกัสรูปร่างอ้วนผอมสูงต่ำ มาเป็นให้กำลังใจสิ่งดีๆของกันและกัน   หรืออย่างน้อยที่สุด หากไม่สามารถฝืนใจยกข้อดีของอีกฝ่ายมาพูดได้เลย ก็เก็บความคิดไว้กับตัว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจาด้อยค่ากัน  ยุคนี้  body shaming  มัน  out ไปแล้วจริงๆนะ


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE