เมื่อนักแสดงเกาหลีมีทายาท จะกระทบกับงานสักแค่ไหน?

25 14

ซง จุงกีถูกโจมตีจากการแสดงความเห็นเรื่องการมีลูกที่ส่งผลกระทบต่ออาชีพวงการบันเทิง


ความเหลื่อมล้ำทางเพศถูกมองว่าเป็น topic ที่เปราะบางในการหยิบยกมาถกเถียงในสังคมเกาหลี ดังจะเห็นเห็นกระแสต่อต้านเนื้อหาของหนังสือ Kim Ji-Young, Born 1982 ที่ทั้งๆที่ทำยอดขายได้สูง ระดับ bestseller แต่กลับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะหยิบยกมาพูดต่อสาธารณะชน แม้แต่คนดังหญิงที่เปิดเผยว่าอ่านนิยายเรื่องนี้ก็ได้รับผลกระทบจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า พวกเธอเป็นนักสิทธิสตรีหัวรุนแรง หนึ่งในประเด็นที่ผู้ประพันธ์นำมาตีแผ่ก็คือ อคติที่เกิดขึ้นต่อคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ระหว่างการทำงาน ซึ่งพวกเธออาจจะถูกกีดกันจากการสร้างความก้าวหน้าทางอาชีพ และถูกกดดันจากคนรอบข้างว่า เป็นพวกเอารัดเอาเปรียบเปรียบผู้อื่นเพราะใช้สถานะของคุณแม่มาเป็นข้ออ้าง

แต่เมื่อนักแสดงชายระดับแนวหน้าออกมาเปิดใจกับสื่อว่า เมื่อเขาแต่งงานสร้างครอบครัวและกลายเป็นพ่อคน ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์โอกาสในการงานหดหายไป ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์แบบเสียงแตก ถึงแม้ว่าจะมีแฟนๆจำนวนมากมาร่วมแสดงความยินดีกับข่าวการต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่พอใจกับความเห็นนี้
ซง จุงกี ไม่ได้ประกาศถึงแรงกดดันจากการเปลี่ยนสถานะมาเป็นคุณพ่อคนดังขึ้นมาแบบไร้ที่มาที่ไป แต่เป็นฝ่ายสื่อจีนที่โฟกัสกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเตรียมตัวและความเหลี่ยนแปลงเมื่อเขาได้กลายเป็นพ่อคน

"ผลงานภาพยนตร์ของคุณเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Cannes ในช่วงที่ลูกของคุณใกล้จะคลอด ที่จีนมีคำกล่าวที่ว่า เราสามารถเก็บเกี่ยวความสำเร็จการงานและชีวิตครอบครัวไปพร้อมกันทั้งสองอย่าง ซึ่งคุณได้ทำสองอย่างนี้ให้เกิดประสิทธิภาพ คุณคิดเช่นไรกับความสัมพันธ์ของการงานและครอบครัว?

และนี่คือคำตอบของพระเอกหน้าเด็ก

"ในบางครั้ง การเป็นพ่อคน การเป็นสามี ก็หมายความว่าจะต้องเสียงานในวงการแสดง สำหรับธุรกิจบันเทิงแล้ว เมื่อได้กลายเป็นพ่อ มีลูกน้อย และแต่งงานกับภรรยา บางครั้งก็ดูเหมือนว่า งานของผมก็หดหายไปมากขึ้นเรื่อยๆ คือใช่ครับ มันก็ต้องดูเป็นกรณีๆไป แต่ผมไม่ได้หวาดหวั่นในเรื่องนี้ ผมไม่แคร์เลย สำหรับผมแล้ว แต่ไหนแต่ไรก็ได้ให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่างาน แต่ผมก็รักในอาชีพตัวเอง และพยายามทั้งเรื่องการทำงานและครอบครัว ผมสามารถเป็นนักแสดงที่ดี และเป็นทั้งพ่อ สามี และลูกชายที่ดีได้ ผมสามารถทำให้ดีได้ทั้งสองอย่างครับ"

ดูเหมือนว่า เราไม่ต้องตีความหมายคำพูดของซงจุงกีในแง่ที่ซับซ้อน   project ของเขาอาจจะลดน้อยลงไป แต่เขาก็ไม่กลัวเกรงว่าจะเสียความนิยมและความสำเร็จในอาชีพนักแสดง เพราะให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรก   แต่ชาวเน็ทหลายคนได้ทักท้วงว่า  แท้จริงแล้ว   ในวงการแสดงเกาหลี (ไม่ใช่วงการ  K-Pop ที่ไอดอลยากจะรักษาความนิยมไว้ได้หากมีลูก)    เหล่านางเอกต่างหากที่ได้รับผลกระทบกนักกว่าเมื่อพวกเธอตั้งครรภ์  บางคนเก็บตัวจากสายตาสาธารณชนจนดูเหมือนว่าเงียบหายไป แทำให้เสี่ยงที่จะถูกคลื่นลูกใหม่แซงหน้า แม้จะหวนกลับสู่วงการ แต่อาจจะไม่ได้โด่งดังเหมือนเดิม  แตกต่างจากพระเอกดังที่ยังรักษาสถานะที่รักของแฟนๆได้อย่างเหนียวแน่น หรือหากได้รับผลกระทบขึ้นมา  ก็คงนำมาเปรียบกับแรงกดดันที่นางเอกที่มีครอบครัวแล้วต้องรับมือไม่ได้


ความเห็นด้านลบจากความเห็นจาก Netizens

"เขาไม่ได้ระมัดระวังในการใช้คำพูดเท่าไรเลยนะ"
"พระเอกระดับแนวหน้าไม่ได้เสียการงานเพราะแต่งงานสักหน่อย"
"เขาควรจะยอมรับนะว่า พออายุมากขึ้นก็จะกระทบกับอาชีพในวงการอยู่บ้าง แต่ที่พูดว่างานหดหายเพราะแต่งงานมีลูกก็ไม่ถูกต้องนะ"
"นักแสดงชายสามารถกลับเข้าวงการแม้จะทำผิดอย่างเมาแล้วขับหรือเสพยา แต่สำหรับนักแสดงหญิง พอแต่งงาน ค่าตัวก็ลดลงแล้ว ซง จุงกีเคยต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยรึไง"
"เขาสามารถบอกได้ไหมว่า มีพระเอกคนไหนที่ต้องเสียงานไปเพราะการแต่งงาน เพราะฉันเห็นว่ามีนางเอกที่พยายามกลับคืนสู่วงการแสดงด้วยความยากลำบากหลังแต่งงานและคลอดลูกในขณะที่พระเอกต่างก็ได้รับการเสนอบท"
"เขาคนนี้แต่งงานมาแล้วสองหน แต่ก็ยังมีงานอยู่ เขาเพ้ออะไรอยู่?"
"เขาหลอกตัวเอง และกำลังเล่นบทเหยื่อที่ถูกกระทำ"
"ฉันว่านักแสดงชายที่แต่งงานมีลูกนั้นสามารถรักษาความโด่งดังไว้ได้มั่นคงมากกว่าพวกไอดอลนะ"


ชาวเน็ทจากต่างประเทศส่ง  hate comments  ทาง social media

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ใน Twitterจากชาวเน็ทต่างประเทศนั้นค่อนข้างแรงเลยทีเดียว มีผู้ Quote Tweets จากคลิปไวรัลเป็นหมื่น รวมถึง Instagram ของเขา เมื่อลองไล่ลงมานั้นมีเสียงก่นด่าเรียงกันยาวเหยียด และมีผู้เชื่อว่า แฟนๆของซง ฮเยคโยที่ยังเจ็บแค้นจากเรื่องการหย่าร้างในอดีตได้เข้ามาร่วมเกรี้ยวกราดอยู่ด้วย นอกจากจะถูกกล่าวหาว่ารับบทเหยื่อผู้ถูกกกระทำ ก็ยังมีปล่อย red flag เกลื่อน  ชาวเน็ทพวกนั้นเชื่อว่ามีสัญญาณอันตรายจากคำพูดของเขานั่นเอง

ยังมีแฟนที่แสดงท่าทีปกป้องซงจุงกีว่า เมื่อชมสัมภาษณ์ตัวเต็ม เขาไม่ได้โอดครวญราวกับตัวเองเป็นเหยื่อตามที่ถูกโจมตี และมีความเป็นไปได้ที่เขาได้รับผลกระทบจากการร่วมชีวิตคู่กับสาวชาวตะวันตก ซึ่งยังมีคนเกาหลีที่ตั้งแง่ในเรื่องนี้ แม้จะมีคนดังเกาหลีที่พบรักกับชาวต่างชาติมาก่อนหน้า แต่เราก็ไม่ได้เห็นนักแสดงชั้นนำที่ใช้ชีวิตคู่กับฝรั่งเท่าใดนัก แตกต่างจากการแต่งงานครั้งแรกนางเอก A List คู่ขวัญที่ได้รับเสียงเชียร์จากแฟนๆเต็มที่ เขาเปิดตัวความสัมพันธ์ได้ไม่นานก็แต่งงานสร้างครอบครัว จนถูกมองว่าอาจจะกระทบกับความรู้สึกของแฟนๆ รวมถึง haters ที่พร้อมจะปล่อยข่าวโจมตี อย่างเรื่องข้อกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว (ซึ่งยังถูกมองว่าเป็นเรื่องต้องห้ามในสังคมเกาหลี)

คอมเมนท์แง่ลบในตัวภรรยาทำให้ซง จุงกีออกมาปกป้องเธอเต็มที่ เขายืนยันว่า นอกเหนือจากข้อมูลเรื่องมหาวิยาลัยที่เธอเข้ารับการศึกษา ข่าวลือส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นความจริง ถึงเขาจะรู้ดีว่า พวกกอสสิปเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของอาชีพนักแสดง ถึงถูกจับตามอง ความรักของพวกเค้าก็จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อได้ยินข่าวลือไร้สาระ ก็อดโกรธเกรี้ยวไม่ได้

บางคนเชื่อว่า เขาไม่ได้มีเจตนาชี้ถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศ หรือประกาศว่าผู้ชายก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากผู้หญิง  เพียงแต่สื่อว่า ได้จัดลำดับความสำคัญของครอบครัวให้มาก่อนการทำงาน เมื่อกลายเป็นคุณพ่อมือใหม่ เขาอาจจะไม่สามารถเข้ากองถ่ายหรือเดินทางห่างจากครอบครัวได้ครั้งละนานๆ ทำให้ไม่สามารถเลือกรับงานตามที่ใจปรารถนาได้ดังในอดีต  

ควอน ซังอู  กรณีตัวอย่างของอาชีพของพระเอกที่การงานดิ่งวูบเพราะเรื่องความสัมพันธ์


แม้ชาวเน็ททั้งในเกาหลีและต่างชาติหลายคนจะฟันธงว่า ถึงนักแสดงชายแต่งงานและมีลูก ก็ยังรักษาความโด่งดังไว้ได้ แตกต่างจากนักแสดงหญิงที่ต้องพบกับแรงกดดันที่ถูกปฏิเสธ casting และความนิยมที่ตกต่ำลงไป แต่หากพระเอกยอดนิยมตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงที่ FCไม่ยอมรับ ก็เกิดความเสี่ยงที่อาชีพบันเทิงของเขาจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
  ดังเรื่องราวของ ควอน ซังอู พระเอกที่แฟน K Drama  ยุคบุกเบิกยังจดจำจากผลงาน Stairway to Heaven  เขามีผลงานอีกหลายเรื่อง และเคยคว้ารางวัล Baeksang ทั้งสขานักแสดงชายหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงชายยอดนิยม   เรียกได้ว่า  เส้นทางในวงการบันเทิงนั้นสดใสเปล่งประกาย  แต่เมื่อเขาเปิดเผยว่ากำลังคบหาดูใจกับ ซน แทยองอดีตรองอันดับ2 Miss Korea    แฟนๆของเขาก็ต่อต้านอย่างหนัก เนื่องจากอคติจากประวัติความรักในอดีตของเธอกับชายในวงการรวมถึงทายาทมหาเศรษฐี   ทำให้เธอถูกหยามหยันว่าเป็นผู้หญิงใจง่ายที่มีชื่อเสียงเรื่องข่าวคบผู้ชายมากหน้าหลายตา และยังขุดเรื่องอื่นๆมาโจมตีไม่ยั้ง     เพียงเวลาไม่นาน สมาชิก fancafe ก็ลดฮวบลงเป็นแสน  แบรนด์ต่างๆที่ว่าจ้างเขาเป็น presenter ฉีกสัญญาแบบไม่ลังเล เพราะหวั่นเกรงว่า ภาพลักษณ์ที่เสียหายไปแล้วของพระเอกดังจะทำให้แบรนด์ดูแย่ตามไปด้วย

แต่ถึงจะถูกบีบคั้นขนาดนั้น ควอน ซังอู ก็ยกระดับความสัมพันธ์ไปถึงขั้นแต่งงานกับเธอโดยไม่เปลี่ยนใจ เขาก็ได้โพสต์ข้อความระบายความรู้สึกย่ำแย่ที่สื่อและชาวเน็ทรุมปล่อยข่าวว่าร้ายว่าที่ภรรยา และออกตัวปกป้องเธออย่างเต็มที่ เขาชี้ให้ทุกคนเห็นว่า เขาก็เคยผ่านความสัมพันธ์และการเลิกรามาแล้ว  และเขาไม่ได้ตั้งใจแต่งงานกับนางงาม แต่แต่งกับผู้หญิงที่เขารักด้วยใจจริง

ในปัจจุบัน พวกเค้าใช้ชีวิตคู่กันมานานถึง 15 ปีแล้ว แฟนๆที่รุม boycott ในตอนนั้นอาจจะไม่ใส่ใจกันอีกต่อไป


แม้ว่าคู่นี้จะเผยชีวิตครอบครัวที่ดูมีความสุขมั่นคงผ่านสื่อ แต่ก็ต้องเผชิญกับข่าวลือเสียหายมานานหลายปี  ไม่ว่าจะเป็นข่าวคบชู้และหย่าร้าง   ควอน ซังอูจะก้าวข้าม scandal มาได้ และยังดึงดูดใจนักสร้างหนัง  ไม่ได้พักงานแสดงยาวๆ  ในวัยหลัก4 นำหน้า  เขาก็ได้สร้างผลงานโดดเด่นมาหลายเรื่อง ทั้งนำแสดงหนังแอคชั่นทำเงิน หรือจะเป็นซีรีส์หลากหลายแนว จนน่าจะพูดได้เต็มปากว่า อาชีพนักแสดงของเขาได้ฟื้นคืนจากพลังต่อต้านของสังคมเมื่อหลายปีก่อน แต่ถึงกระนั้น หลายคนก็ยังมองว่า ความโด่งดังของเขาสร้างความรู้สึกแตกต่างไปจากความ peak ในช่วง Hallyu wave   และยังมีเสียงวิจารณ์ว่า ถึงเขาจะรับบทพระเอกมานานหลายปี แต่ก็ดังได้ไม่สุดเหมือนก่อนจะเปิดตัวความรัก
หากเรื่องราวของควอน ซังอูฟังดูไม่คุ้นสำหรับแฟนๆ K Drama   กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสละโสดของอี ซึงกี พระเอกดังที่มีโพรไฟล์สุดเริ่ดจนได้ฉายาลูกชายแห่งชาตินั้นก็อาจจะเข้าข่ายเดียวกัน   แฟนๆออกอาการยี้อีดาอิน คนรักสาวของเขายาวนานข้ามปีก่อนจะเข้าพิธีวิวาห์  หลังจากที่พวกเต้าขุดคุ้ยประวัติของเธอจนพบว่า  เธอมีภูมิหลังครอบครัวที่ด่างพร้อยจากคดีฉ้อโกงของพ่อเลี้ยง   กระแสต่อต้านจากแฟนๆก็ทำให้อี ซึงกีหลุดจากภาพลักษณ์คนคนดังแสนดีไร้ข่าวฉาวทันที   กลุ่ม Lee Seung Gi Gallery ที่นับเป็น  FC ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีได้ประกาศชัดเจนว่า จะไม่สนับสนุนความรักของเขากับอี ดาอิน   ถึงแม้ว่าจะเคารพในชีวิตส่วนตัวของเขา แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ที่จะสร้างผลเสียให้กับอาชีพในวงการบันเทิง หลายคนเชื่อว่า  นี่คือการกระทำแบบใจเร็วด่วนได้ที่จะทำลายอาชีพวงการบันเทิงจนยากจะกลับคืน    แม้จะเคยชื่นชมบูชาความสมบูรณ์แบบของอี ซึงกี  แต่เมื่อเจ้าตัวไม่เปลี่ยนใจจากผู้หญิงที่  FC มองว่าไม่คู่ควร   จากที่เป็นชายหนุ่มที่ผู้คนรักใคร่ ทุกการเคลื่อนไหวของอี ซึงกีถูกจ้องจับผิดและต้องเผชิญกับข่าวลือให้ร้าย

 หลังจากที่เข้าพิธีวิวาห์ไปไม่กี่เดือนก่อน  เขาก็ตัดสินใจออกมาชี้แจงข่าวลือต่างๆ และปกป้องภรรยา    ตอนนี้ project ของเขายังมีการทำหน้าที่ MC รายการ TV อันเป็นงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาไม่แพ้การแสดงและดนตรี  ต้องจับตามองต่อไปว่า  การแต่งงานจะทำให้เขาสูญเสียสถานะลูกชายแห่งชาติไปจริงหรือ?    

อี โบยองเผย   งานหายค่าตัวหดเพราะถูกเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์

กรณีตัวอย่างอันหนึ่งที่ชาวเน็ทได้ยกมาเปรียบเทียบกับคอมเมนท์ของซง จุงกี คือเรื่องราวของอี โบยอง นางเอกแวถหน้าของวงการ ในช่วงที่เธอกำลังเป็นดาวรุ่งการเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์กับจี ซ็อง พระเอกดังที่ร่วมแสดงใน Save Your Last Dance For Me กลับส่งผลกระทบรุนแรงกับเธอ ซึ่งในภายหลัง เธอได้ออกมาเปิดใจวิกฤติการงานเมื่อหลายปีก่อนว่า

"อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันมีภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่เป็นรักแรก แต่กลับมีแฟน"
"งานโฆษณาก็ไม่ถูกต่อสัญญา ค่าตัวของฉันลดลงไปเหลือแค่ 1 ใน 10 จากตัวเลขเดิม"
เธอยังเผยว่า มีนักแสดงชายที่ปฏิเสธไม่ร่วมแสดงกับเธอ ทำให้เธอเจ็บปวดใจอยู่นาน ทั้งยังโทษว่าเป็นความผิดตัวเอง และมันเป็นสาเหตุที่เธอต้องเบรคจากการทำงานไปถึงสองปี ทั้งๆที่ไม่อยากจะห่างการทำงานนานขนาดนั้น เธอพยายามไขว่คว้าหาบทที่หลากหลายที่ลบภาพลักษณ์ที่ดูใสซื่อไร้เดียงสา หลังจากที่เจอข่าวเดทเล่นงานในปี 2007 ก็พยายามพิสูจน์ฝีมือด้วยการแสดงหนังและหวนคืนสู่วงการ TV drama ได้สำเร็จในปี 2010 ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จด้วยซีรีส์ Seo-Young, My Daughter และ I can hear your voice ซึ่งกวาดเรตติ้งถล่มทลาย ซึ่งอุปสรรคที่เธอพบเจอก็สร้างความกดดันให้จี ซ็อง (ซึ่งแต่งงานมีครอบครัวสุขสันต์ในภายหลัง) เช่นเดียวกัน เ มื่อเธอก้าวข้าวจุดตกต่ำในอาชีพนักแสดงมาได้ เขาก็บอกเธอทั้งน้ำตาว่า รู้สึกผิดมาโดยตลอด




แม้จะเป็นนางเอกโด่งดังและมีภาพลักษณ์สวยงาม   เมื่อแต่งงานและคลอดลูก   พวกเธอหลายคนจะมีช่วงที่หายหน้าหายตาไปจากวงการนานๆ  อย่าง คิม แตฮี นางฟ้าเกาหลีที่แต่งงานกับเรนในปี 2017  กว่าที่เธอจะกลับมาแสดงซีรีส์อีกก็อีกสามปีต่อมา  หรือจริงๆแล้ว เธอไม่ได้รับงานแสดงมาตั้งแต่ปี  2015  (สื่อรายงานเรื่องความสัมพันธ์มาตั้งแต่ปี 2013)   หากมองว่า ฝ่ายหญิงอาจจะตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะถอยจากวงการยาวๆจากการตั้งครรภ์และเลี้ยงดูลูกๆ    แต่ก็หมายถึงการเสียโอกาสที่จะสร้างผลงานโดดเด่น   และหลายครั้ง เมื่อนักแสดงจับคู่แต่งงานกัน ฝ่ายภรรยาจะมีงานน้อยกว่า แม้ว่ากำลังอยู่ในช่วงเวลารุ่งโรจน์  นี่อาจจะสื่อถึงค่านิยมที่คาดหวังให้ผู้หญิงหยุดพักงานประจำเพื่อมาทำหน้าที่เลี้ยงดูลูก    แต่เมื่อพวกเธอกลับมาทำงานในวงการอีกครั้ง  ก็อาจจะห่างการแสดงไปนานจนความนิยมลดน้อยถอยลง  แตกต่างจากภาพของนางเอกเนื้อหอมในอดีต      ซึ่งมีก็มีนางเอกที่ออกมายืนยันชัดเจนว่า  การเลือกปฏิบัติในวงการนี้มีอยู่จริง


  พัค ฮาซอน แชร์ประสบการณ์ถูกกีดกันยาวๆเพราะแต่งงานสร้างครอบครัว

หากคิดว่าอุปสรรคหนักหนาที่ อี โบยองต้องเจอนั้นเป็นเรื่องของอดีต และวงการบันเทิงเกาหลีในปัจจุบันน่าจะมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว ลองมาฟังเรื่องของพัค ฮาซอน ภรรยาของรยู ซูย็อง พระเอกวัยฉกรรจ์ผู้มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยุค 2000s  เธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า

"ฉันเชื่อว่าการให้กำเนิดลูกเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันเคยได้ทำมาในชีวิตนี้ แต่ฉันก็รู้สึกอึดอัดคับข้องใจเพราะอีกด้านฉันก็เป็นคนที่ทุ่มเททำงาน ฉันไม่สามารถออกไปไหนได้เลย ครั้งหนึ่ง ฉันกำลังให้นมลูก เพื่อนก็ติดต่อมาเพื่อชักชวนกันออกไปพบปะสังสรรค์ หลังจากที่บอกเพื่อนว่าไปไม่ได้ ฉันก็นั่งร้องไห้คนเดียว เมื่อสามีกลับมา เขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ฟูมฟายยกใหญ่ ลูกของฉันช่างน่ารักเหลือเกิน แต่ฉันรู้สึกสงสารตัวเองที่ไม่สามารถไปทำงาน และหากกลับไปทำงานได้ ก็มีข้อจำกัดอยู่เสมอ"

แม้จะมีความสุขจากการเลี้ยงดูลูกเพียงใด เธอก็ต้องต่อสู้กับแรงกดดันจากการทำหน้าที่ working mum จากแรกเริ่มที่ถูกสื่อตีข่าวเรื่องความสัมพันธ์กับพระเอกดัง งานเธอหายไปสองปี เมื่อแต่งงานและให้กำเนิดลูกสาว ก็ถูกปฏิเสธจากผู้กำกับจนงานแสดงลดวูบลงไปอีกสองปี แม้มีงานคั่นมาบ้าง แต่ช่วงที่สื่อตีแผ่เรื่องความสัมพันธ์ในปี 2014 เธอก็เงียบหายไปจากการแสดงจริงๆ พอกลับมาทำงานได้ ก็ตัดสินใจสละโสดและคลอดลูกในปีเดียวกัน เธอจึงหายหน้าจากวงการไปอีกพักใหญ่ ทั้งๆที่กำลังไปได้ดีจนก้าวสู่บทนำในซีรีส์ได้ แตกต่างจากสามีที่ยังคว้าบทเด่นในหนังซีรีส์สม่ำเสมอแทบทุกปีนับตั้งแต่ที่เรื่องความรักถูกเปิดเผย

"สิ่งที่ทำให้ฉันจิตตกไปยิ่งกว่านั้นก็คือพวกคนสูงวัยที่มี mindset แบบหัวโบราณ พวกเค้าบอกว่า ต้องการจะร่วมงานกับนางเอกที่โสดไร้พันธะ ทั้งๆที่พวกเค้าต่างก็แต่งงานมีลูกเต้ากันทั้งนั้น ฉันถูกคัดออกจากรายชื่อ casting อยู่พักใหญ่เลยค่ะ"


เรื่องการถูกกีดกันไม่ได้เกิดกับนักแสดงหญิงไปหมดทุกคน


มีผวิเคราะห์ว่า หากนางเอกเกาหลีสร้างสมชื่อเสียงไว้จนอยู่ขั้น  A List  หลังจากแต่งงานและมีลูก ไม่ว่าสามีจะเป็นคนนอกวงการหรือเป็นคนดังด้วยกัน  ถ้ายังรักษาภาพลักษณ์ไว้ได้ดี ไม่มีเรื่องอื้อฉาวหรือตกเป็นผู้ต้องหาในคดี  การสละโสดและให้กำเนิดลูกก็จะไม่ส่งผลกระทบต่ออาชีพนักแสดง พวกเธอสามารถไขว่คว้าหาโอกาสเพื่อจะครองตำแหน่งนางเอกชั้นนำไปได้อีกนาน   ดูอย่าง จอน จีฮยอน ที่กลับมาถ่ายซีรีส์ Legend of the Blue Sea  หลังจากคลอดเพียง 9 เดือน  หรือพัค ชินฮเย ก็ไม่ต่างกัน

 หลังจากพัค ชินฮเย กลายมาเป็นภรรยาและคุณแม่เมื่อปีที่แล้ว เธอก็กำลัง come back สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ    มีผู้พบเห็นชินฮเยวัย 33 ถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในฉากย้อนอดีตที่ต้องใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียน เธอไม่ได้ห่างหายไปจากวงการนานนัก ทิ้งผลงานล่าสุดไว้ในปี 2021 เว้นช่วงไปราวๆปีเดียว ก็พร้อมเต็มที่ในการหวนคืนสู่ตำแหน่งนางเอกแม่เหล็กในซีรีส์เรื่อง Dr. Slump  และมีการคาดการณ์ไว้ว่า  มีความเป็นไปได้ซีรีส์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนซีรีส์ Doctors


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE