ชาวเน็ทกดดันขอคำอธิบาย หลังจาก G-Dragon ยืนยันผลตรวจสารเสพติดเป็นลบ
candy 22 10ช่วงไม่นานที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสวิจารณ์อื้ออึงถึง scandal การกวาดล้างคนดังและทายาทเศรษฐีที่กระทำผิดข้อหายาเสพติด โดยเฉพาะเมื่อสื่อรายงานว่า ตำรวจและอัยการได้ขอหมายค้นจากศาลแขวงอินชอนเพื่อยึดอุปกรณ์สื่อสารของ G-Dragon superstar แห่งวงการ K-Pop มาตรวจสอบหาหลักฐานมัดตัวเอาผิด แม้ว่าศาลจะปฏิเสธคำร้องนั้น เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า ยังขาดคำอธิบายที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงข้อเท็จจริงเรื่องการกระทำผิด และตัวศิลปินดังเองก็ประกาศหนักแน่นว่า ข้อกล่าวหาเรื่องที่เขาใช้ยาเสพติดไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด และเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางกฎหมายยาเสพติดตามที่ปรากฏในข่าว และเขาจะให้ความร่วมมือเต็มที่ในการสืบสวน แต่ก็มีรายงานว่า ฝ่ายตำรวจมีความมั่นใจในเบาะแสมากจนพยายามจะขอหมายค้นอีกครั้ง แน่นอนว่า ข่าวนี้ทำให้ FC ใจคอไม่ดี เพราะหากเขาไม่สามารถเคลียร์ตัวเองจากข้อกล่าวหาที่รุนแรงนี้ได้ จากที่โด่งดังจากสถานะศิลปินระดับตัวพ่อมาหลายปี ก็เสี่ยงต้องจบอาชีพในวงการบันเทิงเกาหลีไปเลย
ในช่วงเวลาเดียวกัน นักแสดงดังแห่งหนัง Parasite อี ซอนคยุน ก็เข้าสู่กระบวนการสืบสวนไม่แตกต่างจาก G-Dragon เขาถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นหนึ่งในคนดัง high profile ที่เสพกัญชาและยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แม้ว่าผลการตรวจหายาเสพติดจากเส้นผมและปัสสาวะโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะออกมาเป็นลบทั้งสองครั้ง ซึ่งน่าจะบ่งชี้ว่า ในช่วงเวลา 8-10 เดือนที่ผ่านนี้ พระเอกชื่อดังไม่ได้ใช้ยาเสพติด แต่ตำรวจก็ยืนยันจะสืบสวนต่อไป เพราะเล็งเห็นความเป็นไปได้ว่า การใช้เคมีย้อมผมอาจจะทำให้ผลการตรวจสารเสพติดไม่แม่นยำ เขาถูกเรียกตัวมาสอบปากคำและส่งโทรศัพท์ให้ตำรวจตรวจสอบข้อมูลการติดต่อสื่อสารในช่วงปลายเดือนตุลาคม และตำรวจได้เปิดเผยว่าจะเรียกตัวอี ซอนคยุน มาสอบสวนอีกครั้ง
นั่นหมายความว่า ผลตรวจเป็นลบจากสถาบันระดับประเทศไม่เพียงพอจะยืนยันความบริสุทธิ์ของผู้ต้องสงสัย เนื่องจากตำรวจได้พบหลักฐานจากการใช้โทรศัพท์ที่สามารถสืบสวนไปถึงการกระทำผิด ซึ่งตำรวจเชื่อว่า นางสาว B ผู้จัดการคลับที่รู้เห็นเป็นใจเรื่องการเสพยาฉวยโอกาสนี้ blackmail เขาและเรียกเงินไปได้ถึง 350 ล้านวอน! และในเวลาต่อมา เอเจนซี่ของเขาก็ได้ยืนยันเรื่องการแจ้งความเอาผิดคบุคคลหนึ่งด้วยข้อหา blackmail จริงๆ เมื่อสื่อตามขุดคุ้ยเรื่องเที่ยวบาร์โฮสเตสระดับ High-end ก็ยิ่งกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ เพราะนอกจากจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องเล่นยาแล้ว ก็ไม่สามารถเลี่ยงคำครหาว่านอกใจภรรยาไปได้ ชื่อเสียงอันยาวนานในวงการบันเทิงต้องมัวหมองลงไป แม้ว่าจะตรวจไม่พบสารเสพติดและตกเป็นเหยื่อการ blackmail แต่เรื่องนี้หลายคนก็ฟันธงแล้วว่า เขาต้องประพฤติผิดบางอย่างที่ทำให้คนร้ายใช้เป็นเครื่องต่อรองเพื่อขู่รีดเงิน ไม่เพียงแต่เขาจะต้องถอยจากผลงานการแสดงเรื่องใหม่ล่าสุด แต่สถานการณ์ย่ำแย่จนอาจจจะต้องรีไทร์ตัวเองจากอาชีพนักแสดงอย่างถาวร
ล่าสุด สื่อเกาหลีหลายเจ้าได้อ้างข้อมูลจากการสอบสวนว่า อี ซอนคยุนอธิบายกับตำรวจว่า เขาใช้ยาเสพติดด้วยความไม่ตั้งใจ จากเหตุการณ์ที่ผู้จัดการคลับหยิบยื่นยามาให้ โดยที่เขาเชื่อว่า มันคือยาตามใบสั่งแพทย์สำหรับอาการนอนไม่หลับ ไม่รู้เลยว่ามันคือยาผิดกฎหมาย
เภาพที่คนดังทั้งสองเดินทางมายังสถานีตำรวจเพื่อเข้าสอบปากคำและรับการตรวจสารเสพติดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันอาจจะทำให้มีคนเข้าใจว่า G-Dragon อาจจะเป็นหนึ่งในคนดังที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีความพัวพันกับการใช้ยาผิดกฎหมายจากคลับแห่งเดียวกันที่ อี ซอนคยุนเป็นสมาชิกหรือไม่? ในช่วงแรก ตำรวจได้แถลงการณ์ไว้ว่า การตั้งข้อสงสัยในการกระทำผิดของคนดังทั้งสองไม่ได้เชื่อมโยงกัน และจะสืบสวนแยกเป็นกรณีไป มันจึงได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนไม่ใช่น้อย
เภาพที่คนดังทั้งสองเดินทางมายังสถานีตำรวจเพื่อเข้าสอบปากคำและรับการตรวจสารเสพติดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันอาจจะทำให้มีคนเข้าใจว่า G-Dragon อาจจะเป็นหนึ่งในคนดังที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีความพัวพันกับการใช้ยาผิดกฎหมายจากคลับแห่งเดียวกันที่ อี ซอนคยุนเป็นสมาชิกหรือไม่? ในช่วงแรก ตำรวจได้แถลงการณ์ไว้ว่า การตั้งข้อสงสัยในการกระทำผิดของคนดังทั้งสองไม่ได้เชื่อมโยงกัน และจะสืบสวนแยกเป็นกรณีไป มันจึงได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนไม่ใช่น้อย
สื่อรายงาน: ตำรวจตั้งข้อสงสัย พ่อค้ายาที่ส่งยาให้กับคนดังคืออาชญากรในคราบนายแพทย์!!!
สื่อเกาหลียังนำเสนอประเด็นสุดฮือฮา นั่นคือพ่อค้ายาที่มีฉากหน้าเป็นนายแพทย์ ซึ่งผู้ต้องสงสัยรายนี้ถูกเรียกว่าหมอ A ตำรวจเชื่อว่า เขาดำเนินธุรกิจสีเทาส่งยาให้กับสถานบันเทิงที่กังนัมและยังจัดหายาให้กับคนดังทั้งสองโดยไม่คิดเงิน ซึ่งตำรวจได้อธิบายว่า หากสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อค้ายาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อด้วยซ้ำ และกำลังวางแผนติดตามสืบหาความเชื่อมโยงของผู้ต้องสงสัย ทั้งนายแพทย์ค้ายา ผู้จัดการคลับสาวจอม blackmail และคนดังระดับแนวหน้าของประเทศ ฟังดูแล้วไม่ต่างกับพล็อทซีรีส์สุดเชือดเฉือน
ข่าวสะเทือนเลื่อนลั่นวงการนี้ยังส่งผลกระทบต่อศิลปินดาราคนอื่น จากข่าวลือว่า นอกจาก G-Dragon และอี ซอนคยุนที่เข้ารับการสอบสวนและตรวจหาสารเสพติดที่ตกค้างในร่างกายแล้ว ตำรวจยังสืบสวนทายาทแชโบลรุ่นที่ 3 นักประพันธ์ดนตรี คอมโพสเซอร์ และนักร้องดาวรุ่งโดยที่ยังไม่ระบุชื่อจริง สร้างความอยากรู้อยากเห็นว่า ใครจะตกเป็นข่าวอื้อฉาวรายต่อไป? ตามมาด้วยการปล่อยข่าวโจมตีศิลปินร่วมวงการคนอื่นๆ ทั้งสมาชิกวง BTS, โซยอน แห่ง (G)I-DLE และแชวอน แห่ง LE SSERAFIM ต้นสังกัดจึงต้องออกมาปฏิเสธคำกล่าวหาอย่างหนักแน่นและขู่ฟ้องร้องคนปล่อยข่าวใส่ร้าย
ข้อมูลจาก G-Dragon ในการเข้าให้ปากคำที่สถานีตำรวจเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
- ผลการตรวจสอบสารเสพติดจากเส้นผมและปัสสาวะในเบื้องต้น ผลออกมาเป็นลบ และเขาหวังว่า เจ้าหน้าที่จะเปิดเผยผลการตรวจสอบที่ถูกต้องอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
- เมื่อนักข่าวตั้งข้อสงสัยว่า เขาย้อมสีผมหรือฟอกสีผม(เพื่อบิดเบือนผลการตรวจหาสารเสพติด) หรือไม่ คำตอบสั้นๆคือ ไม่ได้ทำ เขายังปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับหมอเป็นผู้ต้องสงสัยที่ส่งยาเสพติดให้กับคลับ VIP ในกังนัม แต่เมื่อถึงคำถามว่า เคยไปที่คลับหรือไม่ เขากลับเลี่ยงไปว่า ให้รอดูการสืบสวนกันไปก่อน
- เขายังไม่ได้มอบโทรศัพท์ให้ตำรวจตรวจสอบ ถ้าหากมันเป็นสิ่งที่ถูกำหนดในรายการที่จำเป็นต่อการสืบสวน เขาได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่แล้วว่าสมัครใจที่มอบโทรศัพท์ให้ตรวจสอบ และหากถูกเรียกตัวเพื่อมาสอบสวนอีกครั้ง ก็จะให้ความร่วมมือ
- เมื่อนักข่าวตั้งคำถามว่า ตำรวจได้แสดงหลักฐานใดบ้างที่อ้างอิงถึงข้อสงสัยในการกระทำผิดของเขา เขาตอบว่า 'ไม่มีเลย และไม่คิดว่าจะมีหลักฐานใดๆ'
- ส่วนคำถามถึงความเห็นว่า การสืบสวนครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลหรือไม่ เขาตอบแบบกลางๆว่า ไม่คิดเช่นนั้น เพราะตำรวจมีหน้าที่จะต้องทำ ไม่ได้จงใจจ้องเล่นงานเขา แต่ต้องดำเนินการสืบสวนเพราะได้ข้อมูลมาจากใครบางคน และคิดว่า มันคือหน้าที่ของเขาในการมาให้การปฏิเสธ หรือจะพูดให้เหมาะกว่านั้นคือ มาพิสูจน์ว่า คำกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูลความจริง
- เขาจึงหวังว่าจะมีทางออกที่ให้ความเป็นธรรมและจะไม่มีกล่าวหาที่ขาดหลักฐานพิสูจน์อีกต่อไป
- สำหรับแฟนๆ เขาหวังว่าพวกเค้าจะไม่วิตกกังวลมากเกินไป ขอให้มีความเชื่อมั่นและรอคอยผลการตรวจสอบ
การแสดงออกที่ดูสบายๆสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ทและสื่อเกาหลี
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพคนดังเกาหลีที่เดินทางมาที่สถานีตำรวจหรือศาลพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าสร้อย แต่การแสดงออกที่ดู 'ชิล' ของ GD ได้ดึงดูดเสียงวิจารณ์หลายเสียง ฝ่ายหนึ่งมองว่า นี่คือท่าทีของผู้ที่มั่นใจ 100% ว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆกับการข้อกล่าวหารุนแรง และยังเปรียบเทียบว่า รอยยิ้มของเขาทำให้นึกถึงอี จินอุค พระเอกดังที่ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาจากหญิงสาวรายหนึ่งว่า เขาขืนใจเธอระหว่างนัดพบกันที่บ้าน แต่เขาไม่ได้มีท่าทางวิตกกังวลในการสอบปากคำที่สถานีตำรวจ เขาได้แสดงหลักฐานและให้ความร่วมมือในการสืบสวนเต็มที่และเปิดเผยทั้งแววตาและรอยยิ้มที่ดูมั่นใจต่อหน้าสื่อ (ในเวลาต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาพ้นจากข้อกล่าวหา และใช้เวลาเกือบสองปีในการสู้คดีเพื่อเอาผิดอีกฝ่ายจากการกล่าวหาที่เป็นเท็จ ลงเอยด้วยคู่กรณีได้รับโทษรอลงอาญา 2 ปี ) ทำให้แฟนๆรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาว่า GD จะรอดพ้นจากข้อกล่าวหาไปได้อย่างสง่าผ่าเผย
แต่สำหรับสังคมที่มีค่านิยมการตั้งความคาดหวังให้คนดังแสดงออกอย่างสุภาพนอบน้อม คงไม่น่าแปลกใจเมื่อสื่อ TV และชาวเน็ทจำนวนหนึ่งได้โจมตี superstar หนุ่มว่า ออกอาการไม่ยี่หระจนดูจองหอง และไม่สัมผัสถึงความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย สื่อดังได้เปรียบเทียบไปถึงภาพสีหน้าเศร้าซึมของ อี ซอนคยุนที่ก้มศีรษะขออภัยสังคมถึงห้าครั้งกับ G- Dragon ที่ยังพูดล้อเล่นได้โดยไม่หวั่นว่าจะถูกหมั่นไส้ รวมถึงกระแสวิจารณ์ท่าทางการแสดงออกที่ผ่านมาของ GD ว่า ดูเลื่อนลอยและท่วงท่าการเดินที่ดูพิกล ทำให้มีคนฟันธงว่าเป็นผลมาจากอาการเมายา และปรามาสว่า เขากำลังก้าวตามรอยยู อาอินที่เผชิญกับวิกฤติชื่อเสียง หลังจากถูกตรวจพบสารเสพติดต้องห้ามหลายชนิดในร่างกายจนถูกเปรียบว่าเป็นดาวอับแสงไปแล้ว แต่ฝ่ายแฟนๆก็โต้กลับว่า GD ไม่จำเป็นต้องตีหน้าเศร้าหรือก้มหน้าก้มตาเหมือนกับละอายใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนั่นไม่ต่างจากการยอมรับว่า เขาทำผิดกฎหมายตามที่ถูกกล่าวหา การรับมือกับสถานการณ์ซีเรียสด้วยท่าทางสบายๆไม่ใช่การแสดงออกอย่างหยาบคาย แต่เป็นการส่งสารชัดเจนว่า เขามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองและไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง
นับตั้งแต่เจ้าหน้าที่ประกาศว่า G-Dragon คือหนึ่งในสิบคนที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าพัวพันกับการกระทำผิดกฎหมายยาเสพติด ก็สร้างความค้างคาใจให้กับ Netizens ถึงที่มาของเบาะแสและหลักฐานในการตั้งข้อสงสัยที่นำมาสู่การสอบปากคำและตรวจหาสารเสพติด จากคำบอกเล่าจาก GD ว่า ตำรวจดำเนินการสืบสวนไปตามหน้าที่เนื่องจากมีใครคนหนึ่งพูดพาดพิงเขา บุคคลนั้นคือผู้ต้องสงสัยที่ทำงานใน Room Salon VIP club หรือว่าเป็นแพทย์อาชญากรค้ายา? ยิ่งผลตรวจของ GD ออกมาเป็นลบ ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องขอคำอธิบายที่โปร่งใสจากตำรวจถึงเบาะแสและหลักฐานที่ทำให้ตั้งข้อสงสัยว่า GD มีส่วนเกี่ยวข้องกับ scandal ยาเสพติดครั้งนี้ เพราะแม้แต่ผู้พิพากษาก็ยังปฏิเสธจะอนุมัติหมายค้นและยึดเครื่องมือสื่อสารของกลางมาแล้วครั้งหนึ่ง ชาวเน็ทบางคนถึงกับตั้งทฤษฎีว่า นี่อาจจะเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจเพื่อจะเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนให้ไปเกาะติดประเด็นนี้ เพราะเชื่อว่ารัฐบาลเคยใช้ข่าวสร้างกระแสร้อนแรงกลบเกลื่อนเรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน
แฟนๆหลายคนยังสนับสนุนให้ G-Dragon เดินหน้าเต็มที่เพื่อฟ้องร้องคนที่รุมโจมตีเขาว่าใช้ยาเสพติดทั้งๆขาดหลักฐานยืนยัน เพราะนั่นอาจจะส่งผลกระทบรุนแรงกับทั้งชีวิตของเขา และปรากฏว่า ช่วงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะเข้าให้ปากคำกับตำรวจและเปิดเผยผลการตรวจสารเสพติดในร่างกาย บทความโจมตีต่างๆใน NAVER ก็ลดลงไป และ Youtuber สาย gossip รายหนึ่งก็เผยว่า ได้รับจดหมายเตือนจากทนายของ G-Dragon ว่าจะดำเนินทางกฎหมายเพื่อเอาผิดการเผยแพร่ข้อมูลหมิ่นประมาทหากไม่ยอมลบวีดีโอออกไป และยังมี Youtuber อีกคนที่ลบวีดีโอโจมตีออกไปและเปลี่ยนท่าทีแบบหน้ามือเป็นหลังมือด้วยการนำเสนอคอนเทนท์ปกป้องชื่นชม ซึ่งชาวเน็ทสันนิษฐานว่า เมื่อ G-Dragon เอาจริงขึ้นมา ก็ส่งผลให้กลุ่มคนที่ปลุกปั่นให้เกิดกระแสเกลียดชังศิลปินเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นในผลของการกระทำตัวเองขึ้นมาแล้ว
แฟนๆหลายคนยังสนับสนุนให้ G-Dragon เดินหน้าเต็มที่เพื่อฟ้องร้องคนที่รุมโจมตีเขาว่าใช้ยาเสพติดทั้งๆขาดหลักฐานยืนยัน เพราะนั่นอาจจะส่งผลกระทบรุนแรงกับทั้งชีวิตของเขา และปรากฏว่า ช่วงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะเข้าให้ปากคำกับตำรวจและเปิดเผยผลการตรวจสารเสพติดในร่างกาย บทความโจมตีต่างๆใน NAVER ก็ลดลงไป และ Youtuber สาย gossip รายหนึ่งก็เผยว่า ได้รับจดหมายเตือนจากทนายของ G-Dragon ว่าจะดำเนินทางกฎหมายเพื่อเอาผิดการเผยแพร่ข้อมูลหมิ่นประมาทหากไม่ยอมลบวีดีโอออกไป และยังมี Youtuber อีกคนที่ลบวีดีโอโจมตีออกไปและเปลี่ยนท่าทีแบบหน้ามือเป็นหลังมือด้วยการนำเสนอคอนเทนท์ปกป้องชื่นชม ซึ่งชาวเน็ทสันนิษฐานว่า เมื่อ G-Dragon เอาจริงขึ้นมา ก็ส่งผลให้กลุ่มคนที่ปลุกปั่นให้เกิดกระแสเกลียดชังศิลปินเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นในผลของการกระทำตัวเองขึ้นมาแล้ว