คนดังที่ตกเป็นเหยื่อ Skinny -Shaming
candy 16 5รูปร่างผอมเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายถวิลหาและมีอิทธิพลต่อแนวคิด body image ยาวนานข้ามยุคข้ามสมัย มันไม่ใช่เรื่องสุดช็อคที่จะได้ยินใครสักคนยอมรับว่า สามารถเสาะหาสารพัดวิธีเพื่อที่ให้ได้มาซึ่งสัดส่วนเพรียวบางไร้ส่วนเกิน เพราะพวกเราต่างได้สัมผัสถึงความชื่นชมหญิงสาวเอวบางร่างนางแบบและสายตาที่จับจ้องไปที่พวกเธอด้วยความอิจฉา
แต่ดูเหมือนว่า ทัศนคติต่อสาวผอมเพรียวไม่ได้มาในแง่บวกเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นคนที่ม่ีหุ่นผอมตามกรรมพันธุ์ หรือจะเป็นคนที่ต้องเคร่งครัดกับการไดเอทและออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไปจนถึงคนที่น้ำตัวตัวลดจากสาเหตุอื่นๆ หลายคนต้องน่าจะผ่านประสบการณ์ในการรับฟังที่ไม่รื่นหู เริ่มตั้งแต่คำพูดหยอกเย้าอย่างไล่ให้ไปกินหมูกระทะหรือแฮมเบอร์เกอร์ ตามมาด้วยการแสดงอยากรู้อยากเห็นว่า ผอมเพราะเจ็บป่วยตรงไหนรึเปล่า? ไปจนถึงการเหมารวมว่า พวกเธอดูเหมือนคนที่มีพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ (eating disorder) หรือหนักกว่านั้นคือการยัดเยียดความผิดว่า พวกเธอกำลังสร้างแบบอย่างที่เลวร้ายให้กับเยาวชนหันมาบูชาความผอม โดยเฉพาะผู้ที่มีชื่อเสียงในสังคม โพสต์รูปเมื่อใดก็ถูกพิพากษาแล้วว่าเป็นพวกคลั่งผอม
บ่อยครั้งที่เราได้เห็นคำพูดรุนแรงที่ฟังดูเสียดแทงจิตใจคนผอมตาม social media เหี่ยว...โทรม...ป่วย...ไม้จิ้มฟัน...กระดูกเดินได้...ตอนอวบกว่านี้สวยกว่า นี่คือพฤติกรรมด้อยค่ารูปลักษณ์ของผู้อื่นที่เรียกว่า Skinny-shaming ที่สวนทางกับแนวคิดการสร้างเสริมความมัั่นใจในร่างกาย (body positivity) อาจจะมีคนมองว่า ผู้ที่มีรูปร่างอวบท้วมหรือภาวะน้ำหนักเกินจะต้องทุกข์ทรมานใจจากปัญหา body-shaming ส่วนผู้ที่มีหุ่นสเลนเดอร์ย่อมปลอดภัยจากเรื่อง toxic พวกนี้ แต่แท้จริงแล้ว แม้กระทั่งอิทเกิร์ลที่ขึ้นชื่อว่างดงาม perfect ราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้าก็ยังไม่รอด
ข้อถกเถียงในโลกออนไลน์ หรือว่าการรณรงค์เรื่อง body positivity ไม่ได้รวมรูปร่างผอมอยู่ด้วย?
ข้อถกเถียงจากเรื่อง Body-shaming อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกหน่ายใจกับความคาดหวังในเรื่อง body image ที่ไม่เคยมีจุดพอดี
หลายปีก่อน Lady Gaga ต้องพบกับคำพูดเย้ยหยันเพียงเพราะเธอเผยหน้าท้องที่ยื่นออกมาเพียงเล็กน้อยระหว่างแสดงบนเวทีพักครึ่ง Super Bowl หรือจะเป็น Lizzo ที่พยายามลบ stereotype ในแง่ลบเกี่ยวกับผู้ที่มีรูปร่าง plus size และต่อกรกับ bully อย่างกล้าแกร่ง แต่ก็การส่งต่อความเกลียดชังก็เคยทำให้เธอต้องพบโมเมนท์สะเทือนใจจนน้ำตารินมาแล้ว แล้วยังมี Taylor Swift ที่เคยถูกจิกกัดมาหลายปีว่า เป็นสาวผอมที่เลือกคบแต่เพื่อนสาวหุ่นนางแบบ แต่ช่วงหนึ่งที่เธอดูอวบอิ่มขึ้นผิดตา บรรดา trolls ต่างรุมถล่มเธอหนัก สิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้นคือการเปิดเผยในภายหลังว่า ความกดดันที่ตกเป็นที่สนใจในหน้าสื่อทำให้เธอเกิดอาการ eating disorder ถึงขนาดแทบเป็นลมกลางเวที
แต่ยังมีหลายคนที่เชื่อว่า Skinny-shaming ไม่ได้สร้างผลกระทบใกล้เคียงกับ Fat-shaming เพราะความผอมคือ privilege ที่ผู้คนพยายามไขว่คว้า ถึงจะถูกโจมตีต่างๆนานา ถึงสุดท้ายแล้วผู้ที่มีรูปร่างผอมบางก็ไม่ถึงกับถูกกดดันให้รู้สึกว่าไร้ที่ยืนในสังคม ไม่ต้องพบกับความทุกข์ใจเหมือนกับผู้ที่มีรูปร่างใหญ่กว่า
แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
เมื่อได้ติดตามดราม่า Skinny-shaming ที่เกิดกับคนดัง จะพบว่าผู้ที่มีรูปร่างผอมเข้ามาร่วมระบายความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจที่ถูก bully ทั้งบีบให้กินอาหารไขมันสูงเพื่อจะได้มีเนื้อมีหนังมากขึ้น ต้องรับมือกับคำถามละลาบละล้วงเรื่องสุขภาพ และคำดูแคลนว่าทรมานตัวเองด้วยการอดข้าวอดน้ำเพราะบูชาความผอม การแสดงออกที่ดูขาดความรู้และความเห็นใจนั้นได้ลดทอนการเห็นคุณค่าของตัวเอง แม้ว่าจะมีเสียงชื่นชมว่า รูปร่างผอมเพรียวไร้ส่วนเกินของพวกเค้าดูดีและน่าอิจฉาสักแค่ไหน ผู้คนจากร้อยพ่อพันแม่ย่อมมีเรื่องราวชีวิตแตกต่างกันไป บางคนกินจนอิ่มแปล้ทุกวัน น้ำหนักตัวก็ไม่เพิ่มขึ้น บางคนมีเหตุผลส่วนตัวที่พยายามคุมน้ำหนักและรักษาสัดส่วนให้ผอมเสมอ บางคนอาจจะเจ็บป่วยจริงๆ แต่ไม่อยากได้ยินคำพูดตอกย้ำให้ช้ำใจ
คำพูดที่เรามักจะได้พบจาก Skinny- shamming ย่อมหนีไม่พ้นการเปรียบเทียบว่า 'ผอมโทรมเหมือนป่วยเป็น anorexia' จากความคิดยึดติดกับภาพของผู้ป่วยที่ผ่ายผอมจนแต่หนังหุ้มกระดูก แต่การวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยนี้เป็นหน้าที่ของแพทย์ ไม่ใช่มองภาพใครบางคนแล้วรู้สึกไม่ถูกจริต ก็ใช้โรคนี้มาเหยียบย่ำกันเพื่อความสะใจ
ไม่กี่ปีก่อนที่ Olivia Rodrigo เพิ่งดังเปรี้ยงปร้างพุ่งสู่สถานะศิลปินดาวรุ่งวัยทีน ภาพจาก Instagram ของเธอก็จุดประเด็นดราม่าร้อนแรง เมื่อชาวเน็ทวิพากษ์วิจารณ์ลุคนี้ว่า มันเป็นการแสดงออกแบบ ploblematic เพราะเธอจงใจ 'อวด'รูปร่างผอมบาง ทั้งเลือกมุมกล้องที่เน้นให้ดูผอม ทั้งแนวกระดูกไหปลาร้าและขาที่เรียวเล็ก บางคนกล่าวหาว่า เธอกำลังส่งเสริมแนวคิดคลั่งผอม จนน่าวิตกว่า แฟนๆรุ่นเยาว์ของเธอจะหันมาลดน้ำหนักเป็นบ้าเป็นหลังเพราะอยากจะจะมีรูปร่างเหมือนกับไอดอลในดวงใจ
แต่ FC ของ Olivia ก็ออกโรงเคลียร์แทนว่า เธอเป็นเพียงสาววัย 18 ที่ไม่ควรต้องเผชิญกับ body-shaming ที่ไร้ความปราณีเช่นนี้ เหล่า haters คงคิดลบกับเธอมากจนไม่ยอมรับฟังว่า เธอชื่นชอบอาหารอร่อยๆไม่แตกต่างจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นของโปรดอย่าง Macaroni Grill mac and cheese,Taco Bell, พิซซ่า. ป็อปคอร์น. ไอศครีม และขนมหวานต่างๆ แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะกินแต่ junk food รัวๆ โดยไม่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ แต่จะเลือกเมนูที่มีคุณค่าทางอาหารด้วย เป็นเรื่องปกติที่จะได้เห็นภาพเธอลองเมนูเด็ดในสถานที่ต่างๆที่ไปเยือน และเธอดูไม่ได้หวั่นกับคาร์บหรือไขมันแต่อย่างใด วันดีคืนดีก็ถ่ายวีดีโอตอนกินขนมลง TikTok หรือแชร์ story ตอนอ้าปากกัด wrap อันโต คงไม่ต้องแปลกใจว่า แฟนๆจะส่งเสียงทักท้วงว่า 'นี่เป็นโรคปฏิเสธอาหารตรงไหน?'
Kendall Jenner ' Skinny - shaming แย่ไม่แพ้ fat - shamin'
การเติบโตขึ้นหน้ากล้องถ่ายทำรายการ reality ทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ถถึงรูปโฉมของ Kendall Jenner ่แตกต่างกับสมาชิกครอบครัว ท่ามกลางพี่น้องที่ขึ้นชื่อเรื่องส่วนเว้าส่วนโค้งและบั้นท้ายใหญ่เด้ง เธอเป็นคนเดียวในบ้านที่มีรูปร่างเหมือนกับ supermodel ทั้งส่วนสูงและความ lean ตามธรรมชาตินั้นอธิบายได้ชัดเจนว่า มันได้ช่วยผลักดันให้เธอตัดสินเลือกเส้นทางสู่วงการนางแบบทันทีที่โตเป็นสาว แต่ถึงแม้ชาวเน็ทจะออกอาการรูปร่างสุดเป๊ะของ Kendall มากแค่ไหน เธอก็ต้องรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ดูผอมเกินไป
"ฉันได้พยายามเพิ่มน้ำหนักตัว แต่ร่างกายของฉันมันไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น สิ่งที่ผู้คนไม่เข้าใจกันเท่าไรก็คือ การวิจารณ์กันว่าดูผอมเกินไปก็เหมือนกับบอกว่าอ้วนเกิน มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย"
"ฉันได้พยายามเพิ่มน้ำหนักตัว แต่ร่างกายของฉันมันไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น สิ่งที่ผู้คนไม่เข้าใจกันเท่าไรก็คือ การวิจารณ์กันว่าดูผอมเกินไปก็เหมือนกับบอกว่าอ้วนเกิน มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย"
Khloe Kardashian ยืนยันว่า ไม่ว่าน้องสาวจะกินอะไรก็ดูตัวบางเหมือนเดิม ในขณะที่พี่ๆต้องควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด แต่เธอจะกินอาหารขยะตามใจชอบ ทั้งเบอร์เกอร์ พิซซ่า แวะร้าน In-N-Out ฉ่ำๆ เป็นคนที่มีนิสัยการกินสวนทางกับนางแบบซะด้วยซ้ำ ในขณะที่พี่ๆต้องควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด แต่เธอจะกินอาหารขยะตาใจชอบ
Khloe อธิบายเรื่อง skinny-shaming ที่สร้างผลกระทบต่อน้องสาวว่า
"คนอื่นไม่ค่อยจะเห็นใจเมื่อคนผอมถูกเหยียดหยันด้อยค่า Kendall น้องสาวของฉันเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการถูก bully ว่าตัวผอมเกินไปมาตลอด จริงๆ Body-shaming ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้ทั้งนั้น"
เมื่อใดก็ตามที่เธอโพสต์ภาพในมุมที่ดูคล้ายกับผอมลง haters จะก็ไม่รอช้า รีบจิ้มแป้นพิมพ์โจมตีให้เจ็บแสบ ทั้งกล่าวหาว่าเธอดูเหมือนผู้มีอาการ anorexic และใช้รูปร่างผอมเรียกร้องความสนใจ หรือบ่อยครั้งที่จะแดกดันว่าเธอรีทัชภาพให้เอวดูคอดกิ่วกว่าความเป็นจริง รวมถึงเสียงเยาะเย้ยว่า เธอพยายามสร้างจุดเด่นว่าตัวเองเป็นสาวผอมที่มี curves สะดุดตาด้วยการใช้มุมกล้องที่เน้นสะโพกให้สวยเด้งกลมกลึง (ทั้งๆที่ไม่ว่าใครเลือกแชร์ภาพที่ใช้มุมและ lighting สวยเป๊ะกันตามปกติ) คงพูดได้ว่า ไม่ว่าเธอจะโชว์ภาพที่ดูผอมหรือมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ก็ไม่สามารถสร้างความพอใจให้กับชาวเน็ทไปได้หมด
Emma Stone 'จะรูปร่างแบบไหนก็ไม่ทำให้คนถูกใจไปหมด'
ก่อนที่ Emma Stone จะขึ้นแท่นนางเอกรางวัล Oscar topic เรื่องรูปร่างของเธอนั้นเคยเป็นประเด้นร้อนแรงตามหน้าสื่อ แม้ว่าเธอจะเลือกไม่ใช้ social media แต่กระแสโจมตีนั้นหนักจนต้องออกมาชี้แจงหลายครั้ง เพราะนับแต่แต่ก้าวออกจาก zone นางเอกหนัง rom-com เข้าสู่ทำเนียบนักแสดง A -List เธอดูผอมลงจากช่วงเป็นวัยรุ่นชัดเจน กลายเป็นว่า ทั้งสื่อและชาวเน็ทต่างจ้องจับผิดเธอด้วยการตั้งข้อสงสัยว่า เธอคลั่งผอมจนเกิดพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติหรือไม่??
Emma ได้ให้สัมภาษณ์ทาง TV ในประเด็น Skinny-shaming ชวนเพลียจิตว่า
"ฉันได้เห็นคอมเมนท์ประเภท 'ไปกินแซนด์วิชซะบ้าง' หรือว่า 'เธอดูป่วยนะ' ทำเอาฉันไปจ้องตัวเองผ่านกระจกแล้วในร้ายใส่ตัวเอง ฉันไม่ได้ป่วยสักหน่อย ฉันกินแซนด์วิชนะ มันไม่มีทางเลยที่ฉันตั้งใจจะทำตัวเป็นแบบอย่างที่เลวร้ายให้คนอื่นทำตาม เรื่องนี้มันรบกวนจิตใจของฉันไม่น้อย ฉันถึงขนาดด่าว่าตัวเองเพระาเรื่องนี้ พวกเราต่างด้อยต่ากันผ่านโลกออนไลน์ ไม่ผอมไปก็อ้วนไป ไม่สูงไปก็เตี้ยไป มันทำให้ฉันคิดมากเพราะฉันให้ความสำคัญต่อบรรดาเด็กสาวรุ่นใหม่ พวกเราต่างก็ด้อยค่ากันแล้วก็ด้อยค่าตัวเองต่อ มันแย่มากเลยค่ะ"
Emma ยอมรับว่า เธอเคยจิกกัดรูปลักษณ์ของคนอื่นมาแล้วเช่นกัน และตระหนักได้แล้วว่า พฤติกรรมนี้ได้สะท้อนตัวตนของเธอเช่นไร
"ตอนที่ฉันวิจารณ์หรือนินทาใครบางคนโดยพุ่งประเด็นไปที่รูปร่างหรือหน้าตาของพวกเค้า ทั่วไปแล้วมันคือสิ่งที่สะท้อนถึงสิ่งที่ตัวฉันรู้สึกวิตกเกี่ยวกับตัวเองจนฝังแน่นลึกในตัวฉัน ฉันจึงพยายามกำจัดการพูดจานินทาคนอื่นออกจากชีวิตไปซะ"
"ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้หญิงอย่างเราๆจะหันมาปฏิบัติต่อตัวเองและผู้อื่นด้วยใจอันเมตตากว่านีี้ เลิกด้อยค่าตัวเองและคนอื่นจากสิ่งที่เราไม่ได้รับรู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง"
สิ่งที่ Emma ได้เตือนใจไว้น่าจะสื่อถึงพฤติกรรม body-shaming คนอื่นทั้งๆที่ไม่ได้รู้เลยว่า พวกเค้าเหล่านั้นต้องเผชิญกับสิ่งใดมาบ้าง จะมีใครคิดบ้างว่า คนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าผอมโทรมจนน่ากลัวหรือคลั่งผอม พวกเค้าอาจจะกำลังทุกข์ทรมานใจกับปัญหาบางอย่าง ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกาย ความสูญเสียในชีวิต วิกฤติต่างๆที่ส่งผลกระทบให้ความอยากอาหารเหือดหายไป แม้แต่ผู้ที่เจ็บป่วยจากภาวะ eating disorder คำพูดในแง่ลบที่ไร้ความเห็นอกเห็นใจเพียงไม่กี่คำ อาจจะสร้างความเสียหายหนักกว่าที่คาดคิดมาก คติที่ว่า หากไม่มีเรื่องดีๆจะพูดถึงกัน ก็เก็บไว้ในใจ ไม่ต้องพูดออกมาเป็นเรื่องที่ใช้ได้เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน
"ตอนที่ฉันวิจารณ์หรือนินทาใครบางคนโดยพุ่งประเด็นไปที่รูปร่างหรือหน้าตาของพวกเค้า ทั่วไปแล้วมันคือสิ่งที่สะท้อนถึงสิ่งที่ตัวฉันรู้สึกวิตกเกี่ยวกับตัวเองจนฝังแน่นลึกในตัวฉัน ฉันจึงพยายามกำจัดการพูดจานินทาคนอื่นออกจากชีวิตไปซะ"
"ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้หญิงอย่างเราๆจะหันมาปฏิบัติต่อตัวเองและผู้อื่นด้วยใจอันเมตตากว่านีี้ เลิกด้อยค่าตัวเองและคนอื่นจากสิ่งที่เราไม่ได้รับรู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง"
สิ่งที่ Emma ได้เตือนใจไว้น่าจะสื่อถึงพฤติกรรม body-shaming คนอื่นทั้งๆที่ไม่ได้รู้เลยว่า พวกเค้าเหล่านั้นต้องเผชิญกับสิ่งใดมาบ้าง จะมีใครคิดบ้างว่า คนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าผอมโทรมจนน่ากลัวหรือคลั่งผอม พวกเค้าอาจจะกำลังทุกข์ทรมานใจกับปัญหาบางอย่าง ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกาย ความสูญเสียในชีวิต วิกฤติต่างๆที่ส่งผลกระทบให้ความอยากอาหารเหือดหายไป แม้แต่ผู้ที่เจ็บป่วยจากภาวะ eating disorder คำพูดในแง่ลบที่ไร้ความเห็นอกเห็นใจเพียงไม่กี่คำ อาจจะสร้างความเสียหายหนักกว่าที่คาดคิดมาก คติที่ว่า หากไม่มีเรื่องดีๆจะพูดถึงกัน ก็เก็บไว้ในใจ ไม่ต้องพูดออกมาเป็นเรื่องที่ใช้ได้เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน
"โลกทุกวันนี้มันอยู่ยากขึ้น โดยเฉพาะเด็กสาวและผู้หญิงที่โตแล้ว ต้องมาเหนื่อยที่จะสร้างกำลังใจให้รู้สึกดีกับรูปร่างหน้าตาของพวกเธอ ไม่ว่าภายนอกพวกเราจะดูเป็นอย่างไร ก็อดไม่ได้จะมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองและภาพที่เราเห็นจากกระจก"
"ฉันได้เห็นบทความต่างๆที่พยายามจะอธิบายเรื่องน้ำหนักตัวของฉัน หรืความพยายามสร้างแรงกดดันเพื่อรูปร่างผอม แต่สำหรับฉัน การรักษาน้ำหนักตัวไม่ให้ลดลงไปมันเป็นเรื่องลำบากอยู่นะคะ โดยเฉพาะตอนที่ฉันอยู่ภายใต้ความเครียดและตอนนี้ก็อายุมากขึ้น กรรมพันธุ์ของฉันได้ส่งผลให้เป็นในรูปแบบนี้ และเมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆก็คงเปลี่ยนแปลงไปเอง เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นการนำเสนอบทความเกี่ยวกับตัวฉันที่ไม่เป็นความจริง แน่นอนว่าฉันย่อมต้องการจะลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง"
Zendaya ต่อสู้กับ Skinny - shaming มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
รัศมีนางเอก A List ที่เปล่งประกายของ Zendaya ในทุกวันนี้อาจจะทำให้ยากจะเชื่อว่า เธอเคยตกเป็นเป้าหมาย bully จากคนร่วมวงการ หลังจากเจอพิธีกรจาก E! News จิกกัดทรงผม Dreadlocks ที่เลือกทำมาร่วมออกงานพรมแดง Oscar ว่า ผมของเธอดูเหมือนจะมีกลิ่นกัญชาโชยออกมา ตามมาด้วยนักแสดงตลกหญิง Julie Klausner โจมตีแบบดูไร้ที่มาที่ไป ภาพของ Zen บนพรมแดง Kids' Choice Awards ได้ไป trigger บางสิ่งบางอย่างของตลกรายนี้ให้ทวีทแดกดัน Zen ว่า เธออดอาหารจนตัวผอมกะหร่องลงไปเท่ากับข้อศอก และตอกย้ำว่า "คุณไม่จำเป็นต้องมีภาวะ eating disoder เพื่อที่จะได้รับเชิญมาร่วมงาน Kids' Choice Awards แต่มันก็เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือได้อีกทางหนึ่ง"
แม้ว่า Zendaya จะฟาดกลับว่า เธอพร้อมจะเขียนข้อความ educate ให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่นักแสดงตลกหญิงที่เด็กสาววัยไม่ถึง 20 ก็ไม่ยินดีจะขอโทษเธอ แต่กลับประกาศชัดว่า จะไม่มีวันหยุดวิจารณ์เซเลบที่ชักนำให้เด็กสาววัยรุ่นหมกมุ่นกับ Beauty Standard ที่เป็นอันตราย เพราะเอาแต่วิตกกังวลว่าตัวเองดูอ้วน และเธอไม่ได้ใส่ใจเลยว่า Zendaya จะมีพฤติกรรมการกินหรือสุขภาพเป็นอย่างไร แต่ห่วงใยเด็กสาวที่ปลาบปลื้มรูปร่างของ Zendaya จนอยากทำเป็นเหมือนเธอมากกว่า
ในขณะนั้น Zendaya อาจจะเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่ยังไม่โด่งดังในระดับปัจจุบันปัจจุบัน แต่แฟนๆที่เฝ้าติดตามเธอมาตั้งแต่เป็นเด็กปั้น Disney ก็พร้อมใจออกมาปกป้องและเรียกร้องให้คน bully ได้สำเหนียกถึงคำว่า 'รูปร่างผอมตามธรรมชาติ' เพราะนี่คือสิ่งที่มีอยู่จริงในโลกนี้ เพียงเพราะว่าพวกเค้าใส่เสื้อผ้าไซส์เล็กก็ไม่ได้หมายความว่าสมควรต้องกลายเป็นสนามอารมณ์ของใคร หรือถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุที่เยาวชนหันมาคลั่งผอม
แม้ Hollywood จะเต็มไปด้วยสาวงามรูปร่างสูงสเลนเดอร์ แต่ Zendaya นับเป็นหนึ่งในนางเอกไม่กี่คนที่มีรูปร่างไม่ต่างจาก supermodel เป็นเรื่องปกติที่เราจะได้เห็นเธอโดดเด่นออกมาจากภาพหมู่เพราะรูปร่างที่สูงเพรียวบาง และเธอก็เคยประกาศว่า ตัวเองเป็นสาวผอมตามธรรมชาติและภาคภูมิใจกับหุ่นที่ดูเหมือนกับถั่วฝักยาวนี้ FC ของเธอเห็นด้วยว่า นี่คือรูปร่างผอมตามกรรมพันธุ์แน่นอน เพราะเธอผอมสูงเช่นนี้ตั้งแต่ยังเป็นนักแสดงเด็กทางช่อง Disney
ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมอดอาหาร ก็มีคนออกมาตอบโต้แทนว่า ที่จริงแล้ว เธอเป็นคนดังมีความสุขกับการชิมของอร่อย ควงคุณแฟน Spider-man ตระเวณชิมร้านเด็ดจนคนในร้านแอบตื่นเต้นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อิตาเลียน ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งร้าน In-N-Out ถึงแม้ว่าเธอจะไม่กินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่อายุ 11 ปี ก็เลือกสั่งแซนด์วิชชีสย่างเยิ้มๆและหัวหอมย่างราดสเปรดเพิ่มพิเศษ ระหว่างที่เธอทำงานในกองถ่าย ก็กินอาหารสร้างพลังงานไม่ต่างจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น เธอชอบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจรสเผ็ด และกินวาฟเฟิลทา Nutella พร้อมผลไม้บ่อยๆ แฟนๆที่ติดตามกันเหนียวแน่นจะรู้ว่า เธอคือ Ice-cream lover แบบไม่เปลี่ยนใจ หลายครั้งหลายคราที่แฟนได้ถ่ายภาพเธอในขณะเดินไปตามตามท้องถนนพร้อมกับจ้วงถ้วยไอศครีมในมือ พอจะไปเจอไอศครีมวีแกนโดนใจก็ตื่นเต้นจนต้องทวีทประกาศ เมื่อถึงวันเกิด แบรนด์แซนด์วิชไอศครีมเจ้าดังก็ส่งรถไอศรีมมาเป็นของขวัญ เธอยืนยันว่า ถ้ามาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คนรอบข้างก็เริ่มกินไอศครีมทุกวันตามเธอไปด้วย
FC ฟันธงว่า Zendaya ย่อมไม่ใช่คนที่อดอาหารเพื่อพิชิตเป้าหมายรักษาหุ่นนางแบบไว้ แต่เธอไม่น่าจะต่างจากดาวดัง Hollywood คนอื่นที่สามารถเข้าถึงตัวช่วยต่างๆในการดูแลสุขภาพและรูปร่าง ไม่ว่าจะเป็นนักโภชนาการ เทรนเนอร์ออกกำลังกาย เชฟส่วนตัว แม้เธอจะดูผอมราวกับพร้อมจะสับขาเดินแบบบน runway ได้ทุกเวลา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าร่างกายเธอจะทรุดโทรมจนไร้เรี่ยวแรง ตรงกันข้าม เธอมักจะแสดงออกอย่างมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยพลังงาน ที่สำคัญ พวกเราควรให้สำคัญในการสร้าง awareness เพื่อละเลิกพฤติกรรมตัดสินใจคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก และหันมามองคุณค่าของการกระทำ Zendaya เป็นหนึ่งในผู้ที่สนับสนุนแนวคิด body positivity อย่างเต็มตัว และแสดงจุดยืนมั่นคงในการสร้าง self-love เพื่อเป็นเกราะคุ้มกันตัวเองจากพวกไม่หวังดีที่คอยจ้องทำร้ายจิตใจด้วยการ bully