หรือว่า comeback ของ 2NE1 และ BLACKPINK คือกลยุทธ์กอบกู้วิกฤติของ YG?

16 6
สถานการณ์ของ YG Entertainment หลังจากยุติสัญญาศิลปินเดี่ยวกับ BLACKPINK วงไอดอลหญิงทรงอิทธิพลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนั้นได้กลายเป็น topic ร้อนที่ผู้คนจับตามองมานานนับตั้งแต่มีข่าวลือว่า Lisa, Jennie, Rosé และ Jisoo ต้องการ move on จากต้นสังกัดยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีเพื่อก้าวสู่เส้นทางใหม่ในอาชีพบันเทิงของพวกเธอ ชาวเน็ทบางคนถึงกับทำนายไว้ตั้งแต่ยังไม่ประกาศผลการเจรจาอย่างเป็นทางการว่า YG อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาสถานะทางการเงินหากยังไม่สามารถปั้นวงไอดอลที่ทรงพลังใกล้เคียงกับ BLACKPINK ให้เข้ามาสั่นสะเทือนวงการดนตรีได้
นั่นเป็นเพราะว่า รายได้ที่ YG กอบโกยจากผลงานของ BLACKPINK นั้นคือรายได้หลักที่มีความแน่นอนของบริษัท ถึงแม้ BLACKPINK จะตกลงทำสัญญาเพื่อทำกิจกรรมวงกับ YG แต่ความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ลดฮวบลงไปหลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวใจให้สมาชิก girl group ที่สร้างมูลค่าสูงตกลงต่อสัญญาทำกิจกรรมแบบเดี่ยว นั่นได้ส่งผลกระทบให้หุ้น YG ร่วงลงระนาว ซ้่ำร้าย G-Dragon ศิลปินระดับแนวหน้าที่เชิดหน้าชูตาค่ายก็โบกมือลาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน  และยังมีผู้ปล่อยข่าวว่า ค่าย Entertainment ชื่อดังแห่งนี้อาจจะเสี่ยงต่อภาวะล้มละลาย ซึ่งเป็นปัญหาสะสมมาตั้งแต่ข่าวคราวอื้อฉาวของศิลปิน(โดยเฉพาะคดี Burning Sun) และการกระทำผิดของผู้บริหาร ยาง ฮยอนซ็อก เล่นเอาภาพลักษณ์บริษัทสั่นคลอนจนหลายคนเกิดความสงสัยว่า ใครกันจะเป็นผู้รับหน้าที่ 'The แบก' ช่วยกู้วิกฤติ YG?

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ยืนยันว่า YG ยังไม่ได้ตกต่ำไปถึงขั้นล้มละลาย แต่ตัวเลขกำไรที่ลดน้อยลงก็เป็นเรื่องน่าช็อคอยู่ดี จึงต้องระดมสมองหากลยุทธ์ใหม่แก้ไขปัญหาเพื่อกลับมาเข้ารูปเข้ารอยและสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน แทนที่จะหวังพึ่งรายได้จากวง superstar วงเดียว

แม้ว่า ในขณะนี้ YG จะปลุกปั้นผลักดัน BabyMonster ไอดอลคลื่นลูกใหม่ให้ก้าวเข้ามาเฉิดฉายในวงการ K-Pop คล้ายกับการรับช่วงต่อ superstar รุ่นพี่ แต่หนทางสู่การทำกำไรมหาศาลย่อมต้องอาศัยเวลา คืนเงินลงทุนในการสร้างวงไอดอลน้องใหม่ได้ตั้งแต่การเปิดตัว ทั้งยังมีเสียงเลื่องลือว่า กว่าที่ 4 สาว BLACKPINK จะยอมตกลงต่อสัญญาแบบกลุ่ม ทาง YG ก็ต้องยื่นข้อเสนอเป็นค่าตอบแทนสูงลิบลิ่ว (มีข่าวลือว่า สัญญาการร่วมงานกับวง BLACKPINK มีมูลค่าสูงเกินสี่หมื่นล้านวอน นับเป็นหนึ่งในการต่อสัญญากับศิลปินที่มีค่าสูงที่สุดในอุตสาหกรรม K-Pop) ส่วนน้องๆ BabyMonster ทุ่มเททำงานเพื่อปล่อยหลายซิงเกิ้ลในเวลาไม่กี่เดือนและเดินสายโพรโมทผลงานในหลายประเทศ พวกเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่ท้าทาย เมื่อจังหวะเวลาในการเดบิวท์ของพวกเธอมาตรงกับการปล่อยผลงานใหม่ของ girl groups ยอดนิยมติดลมบนอย่าง Aespa, New Jeans, LE SSERAFIM, (G)I-DLE และวงอื่นๆ หรือจะเป็นน้องใหม่ ILLIT

แม้ว่าตัวเลขยอดขายมินิอัลบั้ม BabyMons7er พุ่งสูงไปถึงระดับ Platinum และกระแสตอบรับจาก social media ก็ร้อนแรงเกินต้าน แต่คู่แข่งของพวกเธอก็ส่งผลงานใหม่มาแข่งขันเพื่อช่วงชิงความนิยม บรรยากาศดูแทบจะไม่ต่างจากสมรภูมิไอดอลเลยทีเดียว  แฟนๆหลายคนต่างมั่นใจในศักยภาพของ BabyMonster ว่า ในวันข้างหน้า พวกเธอจะกลายเป็นศิลปินที่เพียงเอ่ยชื่อก็การันตีผลกำไรมหาศาล แต่ก็มีผู้มองว่า YG จำเป็นต้องสร้าง impact ในระดับปรากฏการณ์ที่ BLACKPINK เคยทำไว้เพื่อกู้ความน่าเชื่อถือกลับคืนมา

การประกาศร่วมงานกับ 2NE1 อีกครั้งที่สร้าง feedback ที่แตกต่างในกลุ่มแฟนเพลง K-Pop 

ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ข่าวคราวการหวนมารวมตัวทำงานด้วยกันของ 4 สาว 2NE1 ได้สร้างความปลื้มปริ่มให้กับแฟนๆ พวกเธอคือเหตุผลที่ทำให้หลายคนตกหลุมรัก K-Pop  ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์แสบซ่าแบบ Girl Boss และท่วงทำนองดนตรีที่ตราตรึงหัวใจ แค่เสียงอินโทรขึ้นมาก็พร้อมจะแดนซ์กันสะบัด แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้ชาวเน็ทยังรู้สึกขัดข้องใจคือการเจรจาเพื่อกลับมาร่วมงานกับ YG ที่เป็นกระแสข่าวลือมาก่อนหน้านี้ การยุบวง 2NE1 ที่เป็นบาดแผลฝังใจให้กับ FC มายาวนานหลายปี ทั้งๆที่พวกเธอเป็นต้นแบบของ girl group ที่ก้าวสู่ความโด่งดังด้วยความสามารถและเอกลักษณ์โดดเด่น แต่ต้องแตกกระเซ็นสายแยกย้ายจากกันทั้งๆที่สานสายใยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น แต่ต้องเผชิญกับแรงกดดันรุมเร้าหลายด้าน ถึงจะเลือกก้าวเดินบนเส้นทางใหม่ สมาชิกบางคนก็ดูเงียบหายไปจนน่าเสียดายความรุ่งโรจน์ในอดีต
หลายฝ่ายฟันธงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ 2NE1ได้ชี้ชัดถึงวิธีปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของนายทุนต่อศิลปิน เมื่อพัคบมตกเป็นจำเลยสังคมจากข้อกล่าวหาการลักลอบสั่งยา Adderall เพื่อรักษาโรคสมาธิสั้น แม้จะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่กการลักลอบขนยาและไม่ถูกอัยการฟ้องร้อง และนักข่าวที่เขียนข่าวให้ร้ายเธอก็ถูก YG ฟ้องหมิ่นประมาท แต่ชาวเน็ทกลับประนามเธอราวกับเป็นอาชญากรจากการก่อคดีร้ายแรง ตามมาด้วยการพักงานศิลปินเพื่อรอให้กระแสสังคมคลายความเดือดลงไป ในที่สุด 2NE1 ก็ต้องยุบวงท่ามกลางข่าวลือว่า พัค บมถูกกดดันให้ลาออกจากวงไป ส่วนสมาชิกที่ตัดสินใจอยู่กับ YG ต่อก็ต้องพบกับแรงกดดันเพราะถูกดองงานจนแฟนๆไม่พอใจ และในที่สุดก็มีแต่ซานดาราเท่านั้นที่ยังอยู่กับ YG ยาวมาถึงปี 2021 จึงเปลี่ยนมาเข้าร่วมเอเจนซี่ใหม่ ส่วนเพื่อนร่วมวงอีกสามคนนั้น หลายคนมองว่าเป็นการแยกทางกันแบบจบไม่สวย



การยุบวงที่สร้างความค้างคาใจในอดีตยังทำแฟนบางคนรู้สึกยินดีได้ไม่เต็มร้อย ในเมื่อพวกเค้าเชื่อมาตลอดว่า YG เป็นฝ่ายที่ทอดทิ้งศิลปินที่เคยสร้างความสำเร็จให้ค่ายอย่างสูง แต่เมื่อเกิดปัญหา ก็เมินเฉยที่จะผลักดันพวกเธอสร้างสรรค์ผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มที่บางคนกล่าวหา YG ว่า นึกถึงความสำคัญของ 2NE1 ได้ก็ต่อเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จึงต้องพึ่งพาการผนึกกำลังของสาวๆตัวแม่แห่ง K-Popมาช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทอีกครั้ง

ชาวเน็ทต่างประเทศว่าปรี๊ดแล้ว ฝั่ง Knetizens ดูจะเดือดยิ่งกว่า นอกจากจะโอดครวญเรื่องอยากได้ตั๋วชมคอนเสิร์ต ข้อความโจมตี YG และยาง ฮยอนซ็อกก็ผุดขึ้นมาบนบอร์ดที่ถกกันเรื่องการ comeback ของ 2NE1 เต็มไปหมด

  • ชั่วช้าชะมัด
  • ตอนนี้พวกเค้าหมดท่าแล้ว ก็ทำได้ทุกวิถีทาง
  • หิวเงินสินะ
  • ว้าว! เจ้าคนเลวเอ๊ย แล้วตอนที่สาวๆถูกทอดทิ้งนี่ลืมไปแล้วเหรอ?
  • เจตนาของพวกเค้ามันแจ่มแจ้งสุดๆ พวกเค้าโหดร้ายกับ 2NE1 มาก แต่ตอนนี้ขาลงขนาดสร้างกำไรได้แค่สามร้อยล้านวอน  ถึงขั้นที่ต้องเรียก 2NE1 กลับมารวมตัวกัน
  • ฉันเกลียด YG แต่คิดถึง 2NE1 มาก พวกเธอเป็น girl group วงเดียวที่ฉันรัก
  • พวกเค้าขอโทษ 2NE1 รึยัง?
  • ที่พวกเธอกลับมารวมตัวกันอีกครั้งมันดีมากนะ แต่ YG ก็จอมปลอมเกินไปเหอะ







อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เชื่อว่า เมื่อ YG ประกาศการกลับมาของ girl group ระดับตำนานทำให้แฟนๆโหยหาไม่เสื่อมคลายนั้นเป็นการเดินเกมธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หลายฝ่ายต่างเชื่อว่า YG ปล่อยใอ้ทรัพยากรที่ทรงคุณค่าหลุดมือไป แต่พวกเค้าก็ตามไขว่คว้าพวกเธอกลับมาได้ และพร้อมจะร่วมมือกันนำเสนอพลังงานด้านบวกเพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีให้กับ 2NE1 ไม่เพียงแต่จะเน้นความรู้สึก nostalgic ที่สร้างความอิ่มใจกับภาพในวันวาน แต่ยังนำเสนอการเติบโตของพวกเธอทั้งสี่คน และเชื่อว่า แฟนๆจะรุมจองตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตที่จะเริ่มจัดที่กรุงโซล ตามมาด้วยโตเกียวและประเทศอื่นๆอย่างแน่นอน


World Tour ของ BLACKPINK ในปี 2025

พวกเราเพิ่งจะได้เห็น Born Pink World Tour ปิดตัวลงด้วยความสำเร็จอย่างงดงามเมื่อปีที่แล้ว (ด้วยรายได้148.3 ล้านดอลลาร์) แต่ Blinks หลายคนก็คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้วว่า YG จะไม่ปล่อยโอกาสทองที่จะสานต่อความสำเร็จกับ girl group ที่โด่งดังสุดๆของค่าย ภายในปี 2025 ก็จะเรียกศิลปินสาวให้กลับมารวมตัวกันทันทีเมื่อตารางงานของพวกเธอมีความพร้อมตรงกัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่า พวกเธอต้องทุ่มเทกับการสร้างสรรค์ผลงานโซโล่และรับงานอย่างมีอิสระมากขึ้นในปีนี้   world tour ที่ YG ประกาศออกมาออกมาล่วงหน้าจึงถูกมองเป็นเครื่องมือ boost กระแสให้เปรี้ยงปร้างยิ่งขึ้น และยังช่วยการันตีว่า ค่ายยังรักษาสัมพันธภาพอันมั่นคงกับสาวๆ BLACKPINK และพร้อมที่จะราวมมือสร้าง project ใหญ่ที่แฟนๆรอคอย และเพื่อยืนยันว่า BLACKPINK จะกละบมาแน่ๆ บริษัมก็ได้เตรียมอีเวนท์  fan signing เพื่อฉลองครบรอบ 8 ปีของพวกเธอ และเปิดรับแฟนๆให้เข้ามาสัมผัสใกล้ชิดเพียง 88 คนเท่านั้น

เห็นข่าวชวนตื่นเต้นแบบ double ก็คงไม่ต้องแปลกใจว่า หุ้นของ YG บนกระดานหุ้น KRX จะพุ่งสูงขึ้นกว่า 4% แต่ชาวเน็ทก็ยังถกเถียงกันว่า นี่คือกลยุทธ์ที่เปรียบเหมือนกับการใช้ 'เหยื่อล่อ' ดึงดูดความสนใจผู้คนเพื่อเพิ่มมูลค่าในตลาดหุ้น หลังจากที่ถูกตราหน้าว่า อยู่ในช่วงขาลงจนค่ายคู่แข่งกลุ่ม Big 4 แซงหน้าไปไกลมาได้พักใหญ่


หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นกับ YG ควรเป็นกรณีตัวอย่างทีี่ค่ายต่างๆควรนำมาเป็นบทเรียน แม้แฟนๆหลายคนมองว่า พวกเค้าเป็น 'ติ่งเรื่องเยอะ' ที่หวงไอดอลจนแตะต้องไม่ได้ แต่มันก็มีเหตุผลที่อธิบายการเรียกร้องของพวกเค้าอย่างชัดเจน อุตสาหกรรม K-Pop นั้นเลื่องลือมานานหลายปีในเรื่องวัฒนธรรมกดขี่ศิลปินในสังกัด เริ่มตั้งแต่การควบคุมบงการศิลปินจนขาดอิสระในการตัดสินใจ มุ่งให้สำคัญกับกระแสตอบรับของสาธารณะชนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ไร้ความมัวหมอง จนหลายๆครั้งดูเหมือนว่าต้นสังกัดจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับจิตใจของศิลปินที่มักตกเป็นเป้าโจมตีจากโลกออนไลน์เท่าใดนัก

YG ยังถูกวิจารณ์ว่าตลอดว่า มองข้ามความรู้สึกของแฟนๆที่เฝ้าคอยติดตามผลงานของศิลปินที่รัก แต่ต้องท้อใจกับปัญหาศิลปินถูกดองงาน รวมถึงนโยบาย'หวง'ศิลปิน ไม่ให้เข้าร่วมหลายอีเวนท์จนดูเข้าถึงยาก ราวกับว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการยอดความโด่งดังทั้งในประเทศและนานาชาติ แทนที่จะงานเข้าแบบปังๆก็กริบแล้วกริบอีก แม้จะมีผู้แก้ต่างว่า วัฒนธรรมการทำงานของค่ายนี้เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ หากวางแผนจะโพรโมทศิลปินก็ต้องมั่นใจถึงกระบวนการสร้างสรรค์ที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งต้องใช้เวลาและทีมงานมากจนโพรโมทศิลปินในค่ายไม่ทั่วถึง แต่หลายคนก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ศิลปินที่มีโอกาสสร้างผลงานน้อยจนน่าใจหายนั้นย่อมรู้สึกเคว้งคว้าง ถึงขั้นหมด passion ส่งผลต่อการตัดสินใจไม่ต่อสัญญา แม้กระทั่งคนที่ถูกยกให้เป็นดาวเด่นของค่ายก็คงมองเห็นภาพชัดว่า พวกเค้าสามารถบินไปให้สูงยิ่งกว่านี้่หากต้นสังกัดผลักดันอย่างเต็มที่



จะเห็นได้ว่า เมื่อใกล้ถึงกระบวนการเจรจาเพื่อต่อสัญญาใหม่ แฟนหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการตลาดเข้าถึงยากของค่ายต่างเอาใจช่วยให้ศิลปินหลุดพ้นจากการควบคุมด้วยซ้ำ พวกเค้าจะยิ่งยินดีปรีดาหากศิลปินเลือกเส้นทางทางอาชีพใหม่ที่หลุดจากโคจรการดองงาน สามารถทะยานสู่ความรุ่งโรจน์ได้สำเร็จ ในกรณีของ YG ก็มีเสียงวิจารณ์มานานว่า นี่คือบริษัทที่ครอบครองทรัพยากรบุคคลที่มากไปด้วยศักยภาพแต่ไม่ผลักดันมากพอ จนบางครั้งก็รู้สึกเสียดายแทนตัวศิลปินที่ควรจะได้ไปไกลกว่านี้ เกิดเป็นความเคลื่อนไหวเรียกร้องจากแฟนๆให้ปฏิวัติองค์กรและปรับเปลี่ยนนโยบายในการปฏิบัติกับศิลปินให้เป็นธรรมกว่าเดิม

เมื่อค่ายดังต้องเผชิญกับอุปสรรคหนักหน่วงหลังจากศิลปินที่สร้างรายได้หลักเลือกแยกทางออกไปไขว่คว้าโอกาสด้วยตัวเอง ผลกระทบใหญ่หลวงที่ตามมาก็อาจจะต้องทำให้เกิดการรื้อระบบใหม่ดังที่หลายคนคาดหวังอยู่ก็เป็นได้


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE