สั่นสะเทือนการเมือง 1 Vote ของ Taylor Swift ทรงพลังเพียงใด?
candy 11 5ไม่เพียงแต่ความสำเร็จและรายได้ระดับถล่มทลายจะทำให้ Taylor Swift รักษาสถานะศิลปินทรงอิทธิพลได้อย่างเหนียวแน่นยาวนาน ชื่อของเธอยังถูกหยิบยกไปถกเถียงในประเด็นการเมืองหลายครั้งหลายครา ถึงขั้นที่มีผู้เชื่อว่า หากเธอประกาศอุดมการณ์ชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายพรรคการเมืองใด หนึ่งโหวตของเธออาจจะทรงพลังมากพอที่จะสร้างจุดเปลี่ยนในการเลือกตั้งชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นั่นเป็นเพราะว่า เธอคือศิลปินที่มีอิทธิพลต่อความคิดของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างยิ่ง เกิดเป็นแรงกดดันให้ Taylor ออกมาเปิดเผยจุดยืนทางการเมืองที่แท้จริง และยังมีผู้จุดประเด็นดราม่าร้อนแรงตามมา
มาติดตามต้นสายปลายเหตุของเทรนดิ้ง I Love Taylor Swift ในโลกออนไลน์ในช่วงนี้ได้เลยค่ะ
เมื่อชาวเน็ทฝ่าย Liberal ไม่พอใจกับการนิ่งเฉย (Political Silence) ของซุปตาร์แห่งยุค
นับตั้งแต่ที่ Taylor แจ้งเกิดจากสถานะนักร้องคันทรีดาวรุ่งจนก้าวสู่บัลลังก์ pop princess เธอต้องเผชิญกับกล่าวกล่าวหาเรื่องวางเฉยต่อความเป็นไปทางการเมืองมาแล้วหลายครั้งหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสื่อดังและชาวเน็ทได้สันนิษฐานว่า 'การเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบไม่เคลื่อนไหว' ของ Taylor นั้นจะทำให้ผู้คนไม่มั่นใจว่า เธอมีความจริงใจต่อการสนับสนุนสิทธิเท่าเทียมและร่วมปกป้องคนชายขอบดังหรือเป็นเพียงการสร้างภาพ?
ในอดีต ชาวเน็ทฝ่าย liberal โจมตี Taylor เช่นใดบ้าง?
ในอดีต ชาวเน็ทฝ่าย liberal โจมตี Taylor เช่นใดบ้าง?
- หลายคนรู้สึกเคืองที่เธอไม่เปิดเผยว่าเลือกอยู่ข้างใด แม้จะมั่นใจว่า Taylor จะไม่มีวันเปิดตัวเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือ Trump เพราะนั่นจะทำให้ชื่อเสียงของเธอมัวหมองไปหมด แต่เมื่อในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่พรรค Republican ส่ง Donald Trump ลงสนามหาเสียงแข่งขันกับ Hilary Clinton การนิ่งเงียบของ Tay ทำให้เกิดเสียงครหาว่า เธอหวั่นว่าความนิยมจะลดลงไป เนื่องจาก กลุ่มผู้สนับสนุนพรรค Republican เป็นหนึ่งใน fanbase ที่สำคัญของเธอ ดูจากตัวอย่างชัดเจนคือ รัฐ Tennessee ที่ Taylor อาศัยอยู่ก่อนจะก้าวสู่วงการดนตรี ก็เป็นฐานเสียงสำคัญที่นักการเมืองพรรค Republican มักจะชนะการเลือกตั้ง หากเมื่อประกาศว่าสนับสนุนผู้นสมัครประธานาธิบดีจาก Democrat ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆฝ่ายอนุรักษ์นิยม
- การสงวนท่าทีของ Taylor ที่เรียกกันว่า political silence นั้นสร้างเสียงวิพากษิวิจารณ์จากชาวเน็ทกลุ่มว่า ดูเป็นพฤติกรรมเป็นที่เห็นแก่ตัว ขาดความเห็นอกเห็นใจต่อกลุ่มคนชายขอบที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนโยบายของพรรค Republican เพราะเธอมี platform อันทรงอิทธิพลต่อผู้คนมากมายในอเมริกา แต่กลับไม่ใช้มันเพื่อต่อกรกับนโยบายที่สร้างอยุติธรรมและความขัดแย้งในสังคม บางคนถึงขนาดกล่าวหา Taylor ว่า จะสนับสนุนเรื่องสิทธิความเท่าเทียมก็ตามแต่ความสะดวกใจของตัวเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงต่อความนิยมขึ้นมา เธอก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องการเมือง แตกต่างจากซุปตาร์อย่าง Rihanna, Adele, Britney, Cher, Beyonce, Jennifer Lopez, Lady Gaga, Ariana Grande, Miley Cyrus และอีกศิลปินดังอีกจำนวนมากที่ยกขบวนมาสนับสนุนฝ่าย liberal เต็มตัวโดยไม่กังวลต่อเรื่องการเสียคะแนนนิยมจากแฟนๆฝ่ายขวา
- มีการวิเคราะห์ว่า การวางตัวเป็นกลางของ Taylor เปิดโอกาสให้ฝ่ายขวาจัด 'โหน'ชื่อเสียงอันโด่งดังของเธอ หนำซ้ำยังปล่อยทฤษฎีสมคบคิดเพื่่อชวนเชื่อว่า Taylor คือผู้สนับสนุน Trump แบบลับๆ โดยเฉพาะกลุ่มนีโอนาซีที่ขนานนามให้เธอว่า เป็นเทพธิดาอารยัน (Adolf Hitler ใฝ่ฝันว่าจะสร้างชาติที่จากประชากรสายเลือดอารยันเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของคนเยอรมันที่เหนือกว่ามนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ในโลก) แม้ว่าเธอจะส่งตัวแทนออกมาประนามการปล่อยข่าวสร้างความมัวหมองเช่นนี้ แต่ก็ถูกโจมตีว่า ตราบใดที่เธอยังไม่เป็นปากเป็นเสียงให้กับฝ่าย liberal เหมือนกับศิลปินดังคนอื่นๆ ก็จะถูกฝ่ายขวาทึกทักเอาว่า เธอเป็นพวกเดียวกันอยู่ร่ำไป
ทีมงานของ Taylor เคยกดดันให้เธอวางตัวป็นกลาง ไม่เข้าไปมีส่วนร่วมกับการแสดงออกทางการเมืองถึง 12 ปี
หลังจากตกเป็นเป้าโจมตีว่าเพิกเฉยต่อการแสดงออกทางการเมืองมาหลายปี Taylor ก็ประกาศ era ใหม่ที่สร้างความฮือฮาไปทั่ว เมื่อปี 2018 เธอฉีกกฎเกณฑ์เดิมด้วยการประกาศสนับสนุนผู้สมัครจากพรรค Democrat ในการเลือกตั้งวุฒิสภาจากรัฐ Tennessee แม้ว่าผู้สมัครที่เธอสนับสนุนพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งต่อฝั่ง Republican แต่นี่ถือเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญในการใช้ชื่อเสียงอันโด่งดังทะลุฟ้าในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ในภายหลัง Taylor ได้นำเสนอการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งนี้ผ่านสารคดี Miss Americana เมื่อเธอต้องหารือกับทีมงานและพ่อบังเกิดเกล้าในการเลือกข้างอย่างเปิดเผย เธอได้เปิดใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ The Dixie Chicks หรือชื่อปัจจุบันคือ The Chicks ได้ผลักดันให้ Taylor เลิกเก็บงำอุดมการณ์ทางการเมือง (วงคันทรีชื่อดังนี้เป็นหนึ่งในศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจทางดนตรีให้กับ Taylor) หลังจากนักร้องนำประกาศกลางเวทีคอนเสิร์ตว่า พวกเธอไม่สนับสนุนการทำสงครามรุกรานอิรักของประธานาธิบดี Bush และรู้สึกอับอายที่ผู้นำประเทศมาจากรัฐ Texas เหมือนกับพวกเธอ Taylor ได้ประจักษ์ถึงความเกรี้ยวกราดของผู้คนที่ส่งผลกระทบรุนแรงกับ The Chicks จนทำให้พวกเธอเก็บตัวห่างจากสังคมไปพักใหญ่ แต่แม้ว่าจะหวาดกลัวถึงกระแสต่อต้านที่จะตามมา มโนธรรมในใจทำให้เธอตัดสินใจว่า เธอจะต้องชัดเจนเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง ท่ามกลางเสียงทัดทานของทีมงานรวมถึงพ่อของเธอที่กังวลต่อความปลอดภัย เกรงว่าหากเธอตัดสินใจทำเรื่องนี้แล้วจะถูกพวกหัวรุนแรงตามคุกคาม แต่หลังจากที่ถูกคนใกล้ตัวกดดันไม่ให้เธอแตะต้องเรื่องการเมืองถึง 12 ปี Taylor ก็ไม่ยอมถูกจำกัดไว้ในกรอบอีกต่อไป
การเลือกตั้งครั้งใหม่ใกล้เข้ามา Taylor ก็ถูกโยงเข้าสู่เรื่องการเมืองอีกครั้ง
อิทธิพลของ Taylor Swift ถูกจะสั่นคลอนความรู้สึกของฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้เสมอ นับตั้งแต่ที่เธอเปิดตัวความสัมพันธ์ high profile กับ Travis Kelce หนุ่มนักกีฬา american football ทีมแชมป์ที่ทำให้สื่อขวาสุดๆอย่าง Fox ปล่อยทฤษฎีสมคบคิดออกมารัวๆว่า นี่คือแผนการแหกตาประชาชนจากรัฐบาล Biden บ้างก็พูดไปเรื่อยว่า ซุปตาร์สาวถูกรัฐบาลไปล้างสมองที่ Pentagon แต่จู่ๆ Donald Trump ก็ใช้ภาพที่สร้างจาก AI ชวนเชื่อว่า เขาได้รับการสนับสนุนจาก Taylor Swift และบรรดา Swifties และเขาตอบรับมันด้วยท่าทีตื่นเต้น
แต่เมื่อใครๆต่างเห็นแล้วว่า นี่ไม่ใช่ภาพจริง Trump กลับบอกปัดแก้เขินว่า เขาแค่นำรูปจากคนอื่นมา ไม่ได้เป็นคนใช้ AI สร้างขึ้นมาเองเพื่อโฆษณาชวนเชื่อ เสียงเยาะเย้ยจากฝั่ง Anti Trump ก็ดังกระหึ่มขึ้น หลายคนถากถางอดีตประธนาธิบดีสหรัฐว่า มีพฤติกรรมไม่ต่างจากผู้สูงวัยที่รู้เท่าไม่ทันยุค เมื่อใครแชร์ fake news มาก็แชร์ต่อมันทีโดยไม่กลั่นกรอง และดูห่างไกลจากคุณวมบัติของผู้จะมารับหน้าที่บริหารประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการจับตามองว่า Taylor จะมีปฏิกิริยาเช่นใดกับเรื่องนี้ เพราะแม้เธอจะสนับสนุนนักการเมือง Democrat มาก่อน แต่เธอยังวางเฉยในการเลือกครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ยังไม่ได้ออกตัวหาเสียงให้กับ Kamala Harris แต่อย่างใด
แต่เมื่อใครๆต่างเห็นแล้วว่า นี่ไม่ใช่ภาพจริง Trump กลับบอกปัดแก้เขินว่า เขาแค่นำรูปจากคนอื่นมา ไม่ได้เป็นคนใช้ AI สร้างขึ้นมาเองเพื่อโฆษณาชวนเชื่อ เสียงเยาะเย้ยจากฝั่ง Anti Trump ก็ดังกระหึ่มขึ้น หลายคนถากถางอดีตประธนาธิบดีสหรัฐว่า มีพฤติกรรมไม่ต่างจากผู้สูงวัยที่รู้เท่าไม่ทันยุค เมื่อใครแชร์ fake news มาก็แชร์ต่อมันทีโดยไม่กลั่นกรอง และดูห่างไกลจากคุณวมบัติของผู้จะมารับหน้าที่บริหารประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการจับตามองว่า Taylor จะมีปฏิกิริยาเช่นใดกับเรื่องนี้ เพราะแม้เธอจะสนับสนุนนักการเมือง Democrat มาก่อน แต่เธอยังวางเฉยในการเลือกครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ยังไม่ได้ออกตัวหาเสียงให้กับ Kamala Harris แต่อย่างใด
กอดกับเพื่อนสาวคนใหม่ (ภรรยาของเพื่อนร่วมทีมแฟนหนุ่ม) แต่ถูกโจมตีว่า ดูรักใคร่กับ Trump Supporter เกินไป
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อ Taylor ทางการเมืองกระหึ่มขึ้นมาอีก จากช่วงไม่กี่วันก่อน ภาพการเดทคู่กับ Patrick และ Brittany Mahomes ดาวดังเพื่อร่วมทีม Kansas City Chiefs กับ Travis Kelce ฝ่าย Patrick นั้นไม่เท่าไร แต่เป็นฝั่งภรรยาที่จุดประเด็นฉาวขึ้นมา หลังจากที่มีคนเห็น Brittany กด like ให้กับโพสต์ของ Trump จนสร้างเสียงครหาว่า เธอเป็นพวกสนับสนุน Trump แบบออกหน้าออกตา ภรรยานักกีฬาดังออกมาโต้ตอบกระแสโจมตีพอเป็นพิธี ส่วนTrump เองก็ใช้โอกาสนี้ประกาศขอบคุณเธอที่ปกป้องเขาอย่างเต็มที่
แต่เป็นฝ่าย Taylor ที่ถูกชาวเน็ทตำหนิว่า วางตัวไม่เหมาะสม เพราะเธอให้ความสนิทสนมเป็นกันเองกับเพื่อนใหม่ที่เป็นพวกนิยมชมชอบ Trump จนขัดหูขัดตา และอาจจะเป็นการส่งสัญญาณผิดๆให้กับเยาวชนให้กันมาเห็นดีเห็นงามกับนโยบายสร้างความแตกแยกของอดีตประธานาธิบดีผู้อื้อฉาว แฟนบางคนเตือนให้เธอคิดใคร่ครวญในการเลือกคบคน แต่บางคนก็ปรี๊ดถึงขนาดกล่าวหา Taylor ว่า อยากจะเอาอกเอาใจแฟนหนุ่มสุดที่รักจนไม่ยอมยึดมั่นในจุดยืนเดิม
ท่ามกลางแรงกดดันใน social media ที่คาดหวังให้ Taylor ออกมาเลือกข้างให้เคลียร์ใจกัน ไม่กี่วันนี้ เธอก็ได้ประกาศชัดเจนว่า จะโหวตให้กับ Kamala Harris และ Tim Walz และยังเผยว่า ผลกระทบจากการแชร์ deepfake ของ Trump ทำให้เธอหวาดหวั่นถึงการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จและตัดสินใจได้สักทีว่า จะต้องชัดเจนว่าเธอจะเลือกให้ใครเป็นประธิบดีและรองประธานาธิบดีคนต่อไป เนื่องจากเธอใคร่ครวญแล้วว่า นโยบายของผู้สมัครฝั่ง Democrat ที่สนับสนุนสิทธิ LGBTQ สิทธิสตรีและสิทธิความเท่าเทียมต่างๆนั้นตรงใจของเธอ และคาดหวังถึง Kamala ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติผู้นำที่ดีและจะไม่นำพาสู่ความสับสนวุ่นวายให้กับสังคม
การลงชื่อปิดท้ายแถลงการณ์ละเอียดละออครั้งนี้ยังสร้างความฮือฮา เพราะชื่อที่เธอใช้คือ Childless cat lady (สตรีรักแมวผู้ไร้บุตร สอดคล้องกับภาพประกอบโพสต์) ซึ่งหลายฝ่ายมั่นใจว่า นี่คือการโต้กลับคำพูดของ JD Vance คู่หูของ Trump ที่ได้รับเลือกให้เข้ามาชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เขาเคยโจมตีนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามว่า คนที่กุมอำนาจในอนาคตของ Democrat นั้นมีแต่พวกที่ไม่ยอมมีลูกเพื่อสืบสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น Kamala Harris, Pete Buttigieg, Alexandria Ocasio-Cortez ซึ่งประชาชนไม่ควรวางใจลงคะแนนเสียงให้นักการเมืองพวกนี้เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการสร้างอนาคตของชาติ เขายังนำเสนอแนวคิดสร้างความแบ่งแยกว่า ผู้ใหญ่ที่ไร้ลูกควรจะจ่ายภาษีสูงกว่าและถูกลดทอนสิทธิ์ในการเลือกตั้งลงไปไม่ให้เท่าเทียมกับกลุ่มพ่อแม่ คงไม่ต้องสงสัยว่า การแสดงความเห็นด้อยค่าผู้คนที่ไม่มีลูกนั้นทำให้ชาวเน็ทเดือดไปเลยทีเดียว
การฟาดกลับแบบสวยๆของ Taylor ทำให้ FC ชื่นชมกันเกรียวกราวเลยทีเดียว
หลังจากที่เคยใช้ภาพ AI ชวนเชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากซุปตาร์สาวทรงอิทธิพล พอมาเจอแถลงการณ์จากตัวจริงเข้าไป Trump ก็ไม่ยอมนิ่งเงียบ เขาวิจารณ์ Taylor ว่า เป็นพวก liberal แบบจัดเต็ม และเธอก็ดูจะสนับสนุนฝ่าย Democrat อยู่เสมอ ซึ่งเธอจะต้องรับกรรมจากการกระทำนี้ (ทำนองว่า ยอดขายเธอจะตกฮวบลง) และยังบอกว่า เขาชื่นชอบ Brittany Mahomes มากกว่า Taylor เยอะ
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังโพสต์ข้อความ I hate Taylor Swift. ที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหม่ในโลกออนไลน์ตามมา
แรงเกลียดชังจาก Trump นำมาสู่แฮชแทก ILoveTaylorSwift จนกลายเป็น trending ใน X ไม่เพียงแต่เหล่า Swifties รุ่นใหม่เท่านั้น เธอยังได้รับกำลังใจจากคนดังในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนระดับตำนาน Stephen King นักแสดงอาวุโส Mark Hamill และ Mia Farrow แม้แต่คู่อริของ Taylor อย่าง Scooter Braun ก็ยังโต้กลับโพสต์ของ Trump ด้วยเพลง Shake It Off และเรียกร้องให้ผู้คนลงคะแนนให้ Kamala
นี่จะกลายเป็นการเปิด Bad Blood ระหว่างซุปตาร์สาวกับนักการเมืองผู้อื้อฉาวหรือไม่? ตอนนี้อาจจะยังคาดเดาไม่ถูก แต่ฝ่าย Trump ก็ใช้โอกาสที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจเปิดตัวเสื้อยืด MAGA เพื่อใช้หาเสียง ซึ่งดูจงใจทำให้คล้ายกับเสื้อ Era Tour ทั้งยังตอกย้ำด้วยการตั้งชื่อเสื้อยืดรุ่นนี้ Trump Era
ขวัญใจถูกโหนแบบนี้ Swifties คงไม่ happy นัก..