ไวรัล Beauty Stanndard ที่บีบคั้นผู้หญิงให้รู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ

9 4
เพิ่งเข้าปี 2025 มาได้ไม่ถึง 3 เดือน แต่เกิด viral คนดังที่สะท้อนถึงแรงกดดันจากการตั้งค่า Beauty Standard ที่ยากจะเอื้อมถึงมาแล้วหลายครั้ง เพราะถึงจะเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความงามที่น่าดึงดูดใจ ก็ยากจะรอดจากความ toxic ในโลกออนไลน์ และอาจจะทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องรู้สึกท้อแท้หมดหวัง

คนที่มีรูปร่างไม่ผอม ก็พบกับความเจ็บปวดและหมดความมั่นใจเพราะ fat-shaming
แต่ยามที่ผอมลง กลับถูกกล่าวหาว่า คลั่งผอมจนลดน้ำหนักด้วยยา ไม่สร้างแบบอย่างที่ดีในเรื่อง body positivity
เมื่อล่วงเลยวัยสาวไปแล้ว หลายคนมักถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปโฉมที่โรยราตามกาลเวลา
แต่ถ้าไขว่คว้าหาวิธีต่างๆเพื่อชะลอวัย ก็อาจจะถูกตราหน้าว่าเสพติดศัลยกรรมจนหน้าพัง

ผู้ที่ผ่านประสบการณ์คล้ายคลึงกันได้ลงความเห็นว่า women can't win! ไม่ว่าพวกเราจะพยายามพัฒนาตัวเองสักแค่ไหน ก็อาจจะถูกด้อยค่าจนรู้สึกว่า ทำยังไงก็ไม่เคยดีพอในสายตาคนอื่น

  



ซุปตาร์สาวที่ถูกตามจับผิดเรื่องรูปร่างถึงขนาดคนปล่อยภาพปลอมจนเป็น viral  

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา Selena Gomez ต้องรับมือกับ fat-shaming อย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งๆที่ชาวเน็ทต่างก็รับรู้ว่า  เรื่องน้ำหนักตัวที่ผันผวนของเธอนั้นเป็นผลมาจากอาการเจ็บป่วยและผลข้างเคียงของการใช้ยารักษา แต่ดูเหมือนว่า บรรดา trolls ต่างหาความบันเทิงจากการดูหมิ่นเธอด้วยคำพูดเสียดแทงใจ เพียงเพราะเธอไม่ได้ผอมบางเหมือนกับช่วงวัยรุ่น

แม้ Selena จะออกโรงต่อสู้กับ cyberbullying มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยอมรับว่า ถึงเธอจะเคยแสดงออกว่า ถ้อยคำเหยียดหยามเหล่านั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกกระทบกระเทือนใจมากนัก ความเป็นจริงก็คือ เธอจิตตกจนร่ำไห้ออกมาอย่างขมขื่น

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จู่ๆ ภาพ Before- After ของ Selena ในช่วงหนึ่งทศวรรษก็ได้ดึงดูดความสนใจจนผู้คนมาเข้าไปคอมเมนท์กันล้นหลาม หลายคนยังยึดติดว่า Selena คือซุปตาร์สาวหุ่น curvy จึงปักใจเชื่อทันทีว่า นี่คือภาพของจริงที่แสดงถึงเส้นทางความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างผู้หญิงจากวัยรุ่นมาสู่ผู้ใหญ่วัยสามสิบ ซึ่งหลายคนต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นผอมหรืออวบ เธอก็ดูสวยดึงดูดใจไม่แพ้กัน และยังร่วมเรียกร้องให้สังคมเปิดใจยอมรับว่า กาลเวลาจะทำให้ผู้หญิงจำนวนมากมายดูแตกต่างไปจากช่วงวัยเยาว์ และนั่นไม่ได้หมายความว่า คุณค่าของพวกเธอจะด้อยลงไป

แต่สำหรับแฟนๆที่เกาะติด Selena อย่างใกล้ชิดมาตลอดได้ทักท้วงว่า แท้จริงแล้ว ภาพที่อ้างว่าเป็น Selena จากปี 2025  นั้นดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด ภาพรูปร่างที่อวบอิ่มนั้นมีจุดผิดสังเกตว่าเป็นการตกแต่งภาพหรือไม่ก็ใช้ AI บิดเบือน ตั้งแต่เริ่มขึ้นปีนี้มา Selena ก็ยังไม่ได้ขึ้นเวทีแสดงดนตรี หรือแม้แต่ภาพ Before ที่อ้างว่ามาเป็นลุคจาก 10 ปีก่อนก็ดูไม่มีที่มาที่ไป แม้ว่าเธอจะเคยใส่บอดี้สูทเผยเรือนร่างเซ็กซี่ในการแสดงคอนเสิร์ตมาแล้ว แต่ดีไซน์เว้าขาสูงระดับเชิงกรานและเปิดบั้นท้ายเต็มตาเหมือนชุดว่ายน้ำดูไม่ตรงกับสไตล์ของเธอในขณะนั้น
ชาวเน็ทชี้ว่า หากได้ผ่านหูผ่านตากิจกรรมของ Selena มาบ้างก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า เธอเริ่มผอมลงตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ซึ่งดูแตกต่างจากภาพรูปร่างอวบในปี 2025 ที่เป็น viral อย่างชัดเจน และตั้งข้อสันนิษฐานว่า นี่คือการแพร่กระจายข้อมูลเท็จเพื่อล่อเป้าเรียกยอด engagement เนื่องจากสังคมยังโฟกัสเรื่องรูปร่างที่เปลี่ยนไปของเธอ แม้จะมีคอมเมนท์สนับสนุน Selena ผุดขึ้นมามากมาย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า เธอปล่อยปละละเลยการดูแลความงามและสุขภาพจนตัวบวม ไหนจะเหยียบย่ำกันด้วยด้วยถ้อยคำร้ายกาจ  ซึ่งภาพที่ใช้อ้างอิงไม่ใช่ของจริงซะด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน Selena ได้ปรากฏตัวตามพรมแดง award show ชื่อดังด้วยรูปโฉมที่ผอมเพรียวลง สร้างกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ รวมถึงบรรดาแทบลอยด์ต่างพยายามขุดคุ้ยหาสาเหตุที่เธอดูตัวเล็กลงผิดหูผิดตา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคนจุดประเด็นเทรนด์การใช้ยา Ozempic หรือ GLP-1 ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนดัง กล่าวหา Selena ว่า เธอหมกมุ่นที่จะอวดโฉมผอมเพรียวบนพรมแดงจนหันมาพึ่งการฉีดยาลดน้ำหนักยี่ห้อดัง เกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงเบียดบังความสนใจเรื่องฝีมือการแสดงที่ทำให้เธอเข้าชิงรางวัลชั้นนำของชาว Hollywood ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ชัดถึงความคาดหวังในเรื่อง Beauty Standard ที่ไม่อิงกับความเป็นจริง จากเดิมที่ Selena เคยทุกข์ใจกับ fat-shaming ตอนนี้เธอกลับถูกถากถางว่า ยึดติดกับความผอมแบบสั่งได้ทันใจ ไม่ยอมลดน้ำหนักด้วยวิธีตามธรรมชาติ 
อินฟลูเอนเซอร์สาว Alex Light ได้หยิบยกเอากระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปร่างของ Selena ในโลกออนไลน์มายืนยันความคิดว่า มันช่างยากเย็นที่ผู้หญิงจะชนะใจทำให้ผู้คนยอมรับได้ ในเวลาต่อมา พระเอกหนุ่ม Taylor Lautner ได้แชร์โพสต์นี้ และปกป้องซุปตาร์สาวที่เคยคบหากันสั้นๆในช่วงวัยรุ่นไว้ดังนี้

"โลกอันโหดร้ายนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง คุณไม่สามารถทำให้ใครๆพอใจไปได้ครบหมดทุกคน และที่จริงคุณไม่ควรจะต้องทำมันซะด้วยซ้ำ จากประสบการณ์ตรงของผม ถึงพยายามไปก็ไม่ทำให้คำพูดพวกนั้นมันทำให้เจ็บน้อยลง แต่มันจะช่วยให้คุณหันมาใส่ใจกับสิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ และแน่นอนว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ทรวดทรง สีผิว หรือรูปลักษณ์ภายนอก"
"ขอส่งคำเตือนใจประจำวันให้ทุกคนอย่าได้ลืมว่า ความงดงามของคุณมาจากภายในจนถึงภายนอก และช่วยอ่อนโยนต่อกันมากกว่านี้"




นางเอก A-List ที่ต้องเผชิญกับอคติหยียดความแก่

หนังน่ารักกุ๊กกิ๊ก Bridget Jones: Mad About the Boy  อาจจะสร้างรายได้ไปเกินร้อยล้านดอลลาร์ แต่ยังมีอีกอย่างที่สร้างเสียงกล่าวขวัญในโลกออนไลน์ นั่นคือเรื่องรูปโฉมที่ไม่เหมือนเดิมของนางเอก ราวกับว่า ความเปลี่ยนแปลงของสังขารที่เป็นสัจธรรมโลกคือความผิดที่ผู้คนยอมรับไม่ได้!

"เธอดูไม่เหมือน Bridget Jones ในความทรงจำของฉันเลย"

"ดูริมฝีปากของเธอสิ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้?"

"เธอไม่เข้าคลีนิคความงามแล้วเหรอ? น่าเศร้าที่ต้องเห็นนางเอกผู้น่ารักดูโทรมลงแบบนี้"

ซ้ำร้าย คลีนิคความงามได้นำภาพของ Renee ไปเปรียบเทียบกับนางเอกสาวสองพันปี Demi Moore เพื่อโฆษณาจูงใจผู้คนให้เข้ามาใช้บริการว่า พวกเราเลือกได้ที่จะปล่อยให้มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัยแบบ Renee หรือจะสวยเต่งตึงจนเดาอายุไม่ออกแบบ Demi ซึ่งฉวยโอกาสชักชวนการทำหัตถการป้องกันริ้วรอยไว้เนิ่นๆ ซึ่งแม้จะใช้คำพูดสวยหรูมาบรรยาย มันก็แทบไม่ต่างจากการจับผู้หญิงมาข่มกันเรื่องความหน้าเด็ก
ชาวเน็ทที่รู้สึกเพลียกับคอมเมนท์แย่ๆเกี่ยว Renee ได้เตือนให้ทุกคนระลึกว่า เมื่อหลายปีก่อน สื่อบันเทิงได้เล่นข่าวเรื่อง 'หน้าใหม่' ของเธอที่ดูแตกต่างจากเดิมจนจำไม่ได้ ทำให้หลายคนสันนิษฐานกันว่า เธอพึ่งพาหัตถการหรือมีดหมอเพื่อลบเลือนริ้วรอยแห่งวัย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่โดนใจชาวเน็ทจนทำให้เธอถูกเยาะเย้ยมาหลายปี แม้ว่าเธอจะเป็นนางเอกที่เก่งกาจจนคว้ารางวัล Oscar มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่า ผู้คนจะให้ความสนใจกับใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงของเธอมากกว่าคุณค่าของผลงานการแสดง หลังจากที่เธอหวนคืนสู่ Hollywood  ด้วยการสวมบทบาท Bridget Jones ที่ก้าวสู่วัยอาวุโส บรรดาแทบลอยด์ก็ใช้ประเด็นเดิมๆมาถากถางเธออีกครั้ง

คำพูดด้อยค่าผู้หญิงที่สูงวัยขึ้นนั้นทำให้หลายคนต้องถอดถอนใจถึงความสองมาตรฐาน เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับนักแสดงชายรุ่นใหญ่อย่าง George Clooney, Matthew McConaughey หรือ Daniel Craig แม้จะมีรอยตีนกายับย่น ผิวหนังที่หย่อนคล้อย ผมหงอกและสัญญาณแห่งความชราอื่นๆ จะทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่า พระเอกเหล่านี้ดูห่างไกลจากความหนุ่มแน่นเหมือนกับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน และอาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นการตามจับผิดหรือหรือใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีดังที่นางเอกดังต้องพานพบมา คงไม่ต้องสงสัยว่า การถูกสังคมพิพากษาเรื่องความชราส่งผลให้ผู้หญิงบางคนทุ่มเททุกทางเพื่อยื้อความสาวไว้ให้ได้นานที่สุด


แม้แต่ Demi Moore ที่หลายคนยกให้เธอเป็นไอดอลเรื่องการรักษาความอ่อนเยาว์ไว้อย่างคงกะพัน เมื่อไม่กี่ปีก่อน การเปิดเผยลุคใหม่บนรันเวย์ Fendi ได้กลายเป็นหัวข่อข่าว gossip ที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นหวั่นไหว  ทั้วจากคนที่มองว่า นี่เป็นเพียงเทคนิคการแต่งหน้าด้วยการใช้คอนทัวร์เน้นให้โครงหน้าดูสะดุดตาตรงตามคอนเสปท์ของแฟชั่นโชว์ แต่หลายคนก็ฟันธงว่า เธอเพิ่งจะผ่าตัดแบบยกเครื่องทั้งหน้าเพื่อเรียกความสาวกลับมา สื่อแทบลอยด์ต่างติดต่อขอความคิดเห็นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งเพื่อวิเคราะห์ว่า เธอทำอะไรกับหน้ามาบ้าง น่าจะเดากันออกว่า social media ไม่ได้ให้ความปราณีกับเธอแม้แต่น้อย  หลายฝ่ายลงความเห็นว่า การทำศัลยกรรมของเธอคือความผิดพลาดมหันต์ จากที่เป็นเจ้าของความงามระดับต้นๆในวงการ เธอกลับต้องลงเอยด้วยลุคที่ดู 'แปลก' สวนทางกับความคาดหวังของผู้คน  ถึงขั้นจับเธอไปเปรียบเทียบกับตัวละคร Joker และยังตอกย้ำว่า เธอคือกรณีตัวอย่างของผู้หญิงที่ทำศัลยกรรมผิดพลาดเพราะไมยอมปล่อยวางเรื่องสังขารที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

แต่ในทางกลับกัน หาก Demi เปิดเผยริ้วรอยบนใบหน้าที่ดูสอดคล้องกับวัย 62 ปี เธออาจจะตกเป็นเป้าหมายของ cyberbullying ไม่แตกต่างกับ Renee ซึ่งในเวลาต่อมา หลังจากที่ Demi กลับมาสร้างความสำเร็จอันลือลั่นในหนัง The Substance ผู้คนมากมายต่างชื่นชมถึงความงามอ่อนกว่าวัยของเธอ และไถ่ถามหาตัวแพทย์ศัลยกรรมที่เนรมิตลุคใหม่ที่สวยเป็นธรรมชาติขึ้น




ผู้หญิงที่เลือกการศัลยกรรมเพราะกลัวความแก่จะถูกมองในแง่ลบ หากผู้คนไม่รู้สึกเห็นดีเห็นงามไปกับลุคใหม่ของพวกเธอ
แต่หากปล่อยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ไม่พยายามไขว่คว้าหาวิธียืดเวลาแห่งความสาว ก็อาจจะต้องพบกับคำดูแคลนว่า ดูแก่ชราไม่น่ามองเหมือนสมัยก่อน
ตราบใดที่เป็นสาวหน้าเด็กราวกับหยุดเวลาไว้ได้ ก็จะได้รับเสียงชื่นชมระคนอิจฉา

ชาวเน็ทที่ต่อต้าน cyberbullying ได้ร่วมเรียกร้องว่า ผู้หญิงแต่ล่ะคนย่อมมีเส้นทางในการเติมเต็มความสุชที่แตกต่างกันไป  ไม่ว่าจะเลือกทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์และชะลอวัย หรือปล่อยริ้วรอยเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ก็ไม่สมควรถูกบั่นทอนคุณค่าตัวตนของพวกเธอ ผู้คนควรจะเคารพในการตัดสินใจของผู้หญิงโดยไม่ใช้อคติทำร้ายกัน

เส้นทางการปฏิวัติตัวเองของ Pamela Anderson ที่สร้างข้อถกเถียงไม่หยุดหย่อน

ภาพของ Pamela Anderson ในความทรงจำของผู้คนมากมายมักหนีไม่พ้นนางแบบ Playboy ทรงโตที่แต่งองค์ทรงเครื่องจัดเต็มอยู่เสมอ เธอถูกยกให้เป็นตำนานแห่งความ sexy มายาวนานนับตั้งแต่ยุค 90s แต่ในขณะเดียวกัน รูปโฉมอันเย้ายวนใจกลับดึงดูดคำดูแคลนว่า เธอดูเหมือนผู้หญิงผมบลอนด์ที่ดูไร้ระดับ นอกจากจุดขายเรื่องทรวดทรงและสไตล์ที่ฉูดฉาด ก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจคนให้มองเธออย่างเชื่อถือหรือจริงจัง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นแตกต่างจากภาพที่ผู้คนจินตนาการ ในขณะที่เธอมักถูกประเมินค่าไว้ไม่สูง แต่เธอคือผู้หญิงที่ฝักใฝ่หาความรู้จากการอ่านและรักบทกวี เธอสามารถเขียนหนังสือบันทึกประสบการณ์ชีวิตโดยไม่ต้องใช้นักเขียนเงามาช่วย Vivienne Westwood เคยยกให้เธอเป็น superwoman ที่ทั้งฉลาดเฉลียวและทรงพลัง แต่การสวมบทบาท sex symbol ที่พัวพันกับความอื้อฉาวมาเนิ่นนานก็เข้ามาถึงจุดที่เธอตั้งคำถามกับตัวเองว่า แท้จริงแล้วเธอคือใครกันแน่?
ไม่นานที่ผ่านมา Pammy ได้ค้นพบเส้นทางใหม่ที่สวนทางกับตัวตนที่ติดตรึงในความทรงจำของผู้คน เธอปลดปล่อยตัวเองจากเครื่องสำอาง แล้วเลือกเปลือยผิวหน้าให้มากที่สุดเพราะไม่ต้องการให้ผู้คนยึดติดกับภาพลักษณ์แบบตัวการ์ตูนที่เธอสร้างขึ้นมาเหมือนวันวาน การที่ได้เป็นตัวเองโดยไม่ต้องสวมหน้ากากก็ทำให้รู้สึกยอดเยี่ยมแล้ว แต่ความเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วก็ได้ทำให้โลกออนไลน์แบ่งความเห็นเป็นฝักฝ่าย ในขณะที่หลายคนแสดงความชื่นชมยินดีที่เธอมีความสุขกับลุคที่เป็นธรรมชาติ และมองว่า ถึงจะแต่งหน้าน้อย เธอก็มีรอยยิ้มสดใสและออร่าเปล่งปลั่งแบบคนสุขภาพดี แต่ยังมีเสียงถากถางตามมาว่า เธอปล่อยตัวให้ดูทรุดโทรมจนหมดคราบ sex symbol ทั้งยังทักท้วงว่า เธอไม่ควรมาในทางที่สุดโต่งขนาดนี้ ถึงจะเปลี่ยนใจมาชอบสไตล์ที่ไร้การปรุงแต่ง แต่ก็น่าจะใช้เทคนิคการแต่งหน้าให้ดูเหมือนสวยสดใสเป็นธรรมชาติและแนบเนียนราวกับไม่ได้แต่ง เพราะพวกเค้าไม่สามารถจะอินไปกับหน้าสดที่ดูสูงวัยได้เลย

"เธอดูร่วงโรยจนน่าเศร้า"

"แต่งหน้าบ้างซะเหอะ Pam เธอซีดเหมือนกำลังป่วย"

"พวกคนที่ชื่นชมว่าเธอดูสวยต่างก็โกหก เธอจำเป็นต้องแต่งหน้าเพื่อให้ดูเป็นผู้เป็นคน"

"เหี่ยวหย่อนคล้อยไปหมดแล้ว"

"เธอแค่เปลี่ยนมาหน้าสดเพื่อสร้างกระแส"
ผลงานการแสดงจากหนัง The Last Showgirl ทำให้ Pamela ได้เข้าชิงรางวัลนนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีชั้นนำทั้ง Golden Globe และ  SAG awards ซึ่งตลอดระยะเวลายาวนานในการสร้างชื่อเสียงในวงการบันเทิง เธอแทบไม่เคยมีโอกาสได้ลุ้นรางวัลใหญ่เช่นนี้  การเฉิดฉายบนพรมแดงเลิศหรูในลุคที่เป็นธรรมชาติสุดๆ  ทำให้มีเสียงวิจารณ์ว่า ใบหน้าที่ขาดสีสันของเธอช่างดูเหนื่อยล้าเหมือนคนป่วยและสูงวัยกว่าอายุจริง หรืออย่างน้อย เธอควรจะลงคิ้ว ปัดขนตาและเพิ่มเลือดฝาดบนใบหน้าไม่ให้ดูแห้งเหี่ยว สำหรับอีเวนท์ใหญ่โตขนาดนี้ การปรากฏตัวแบบหน้าสดนั้นดูผิดที่ผิดทาง ทำให้ผิดหวังที่ได้เห็นว่า เธอละทิ้งตัวตนแบบ full glam ไปแล้ว

ยังมีกลุ่มคนที่กล่าวหาว่า การลุกมาปฏิวัติตัวเองอย่างหมดจดเป็นหนึ่งในแผนการตลาดโพรโมทแบรนด์ เเพราะถึงเธอจะแต่งหน้าเบาลงมากจนดูแตกต่างกับในอดีตเป็นคนละคน แต่ก็สามารถเข้าถึงสารพัดทรีทเมนท์และตัวช่วยที่ทำให้เปล่งประกาย แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่หากออกจากบ้านแบบหน้าสดก็คงถูกทักจนหมดความมั่นใจ


ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนวิถีหน้าสดของ Pamela ชี้ว่า นี่คือการพิสูจน์ถึงการสร้างความมั่นใจของผู้หญิงโดยไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าฉ่ำ และยังแสดงความมั่นใจว่า เธอไม่ได้เปลือยหน้า 100% แต่เลือกแต่งแบบ minimal โชว์ผิวพรรณ ซึ่งอาจจะสวนทางกับบรรดาแขกคนดังในงานที่ประชันความงามด้วย makeup แบบจัดเต็ม และถ้านี่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกดีกับตัวเองก็ไม่สมควรจะไปสกัดกั้น โดยเฉพาะการเปรียบเทียบว่า Pamela ในเวอร์ชั่นสาวแซ่บเมื่อ 20-30 ปีก่อนดูน่าดึงดูดใจกว่าปัจจุบันที่เธออายุ 57 นั้นชวนให้เหนื่อยใจแทนผู้หญิงที่ถูกยัดเยียดความผิดเรื่องความสูงวัย ทั้งๆที่พวกเราไม่ควรต้องรู้สึกผิดหรืออับอายที่อายุมากขึ้น


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE

Comment

เขียนความเห็นได้เลยจ้า..

Recent comments ความคิดเห็นล่าสุด