*เตือนภัย!! ทำมาตีสนิท ชอบอะไรเหมือนๆกัน แต่.......

เราได้รับ mail FW มาจากพี่สาวค่ะ เห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ

ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ

 

 

 

 

เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้
ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ
เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่
B2S

ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ
สามสิบเข้ามาทักทาย

การสนทนาก็เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรีต่อกัน จากลักษณะท่าทางและการแต่งตัว

ดูเหมือนเป็นคนทำงานทั่วไป
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา

ส่วนภรรยาผมก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน  

การติดต่อพูดคุยก็มีขึ้นเป็นระยะๆ
และมีนัดเจอกัน! เพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่าน  แล้วก็บอกว่า
จะรีบไปทำงาน


แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผม
เคยอ่านมาแล้ว จึงอยากจะคืนกลับไป

การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็นช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว


และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center

เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน

ผู้ชายคนนั้น ถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้  

ด้วยความเกรงใจ จึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู 

ภรรยาผมพยายามจะขอตัวไปซื้อน้ำมาให้  แต่ทางผู้หญิงคนนั้นชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน

พอนั่งทานไปได้ประมาณ ครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย
ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน

เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อมา เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้

ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า

คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย

ตอนนั้น ภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว

 

ระหว่างเดินผ่านตัวห้างมาลานจอดรถ  เห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
รถตู้สีขาวก็มาจอด


แล้วทั้งคู่! ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ


วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืน

แต่ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ

บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย

เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่มีเสียง  และผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้
พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center
เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม 

เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง

ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งรออยู่บนรถก็ช่วยกันถอดเสื้อผ้าออก

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก

ระหว่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนเก็บภาพเป็นระยะๆ

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำมาทิ้ง

ที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่านบางกะปิ
ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน
สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอก ว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่บ้าน

ให้ไปรับ  ผมก็ไปรับแล้วเปิดออกดู


มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและภาพถ่ายทั้งหมด


ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ

ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ  

มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้งความกับตำรวจ
เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้าง
กินเงินเดือนเท่านั้น

ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับ
พวกเดนสังคมได้สองคน ได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง

และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีกสามคน
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า

ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะนำภาพลง internet สองครั้ง
ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการ พบปะกับใครเลย


ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
ชีวิตความเป็นอยู่มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท


ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน
ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ

 

ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ

 

บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและ
มีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก
 

กรุณาบอกต่อไป เพื่อเตือนภัยคนที่คนรักด้วยครับ


      

Discussion (20)

โคตะระเลววววววววววววววววววววววววว

เราอยุ่ร้านหนังสือ ถ้าเกิดแถวนั้นไม่ค่อยมีคน แล้วอยุ่ๆมีคนมายืนใกล้ๆเราเดินออกมาเลย ไม่ทำความรุ้จักกับใครเด็ดขาด

มองโลกในแง่ร้ายไว้บ้างก็ดีนะ

น่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นนานแล้วใช่มั้ย (เห็นคนร้ายยังใช้กล้องฟิล์มอยู่เลย) แต่ก็ต้องระวังน่ะนะ สังคมนี้ภัยอันตรายมันมีอยู่รอบตัวจริงๆ

 เคยอ่านมาบ้างคะในเมล์
พวกนี้สมองดีนะคะ แต่ใช่ในทางที่ผิด
มิจฉาชีพทั้งหลาย ถ้าเอาความคิดพวกนี้ไปพัฒนาประเทศ ประเทศเราน่าจะไปได้ไกลกว่านี้...เฮ้อสังคม

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ไอ้คนเลวพวกนี้ต้องได้รับบทลงโทษที่ชีวิตของพวกมันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอแน่นอนค่ะ