กลัวอ้วนจนจิต
janiezpn 5 3วันนี้มีประสบการตรงมาเล่าให้ฟังค่ะ ปกติน้ำหนักเราจะอยู่ที่ประมาณ 47 – 50 kg. นะคะ
ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยก็อยู่หอ อาหารการกินก็ตาม step เด็กหอพอปิดเทอมได้กลับบ้าน ทีนั่นคือสวรรค์ของการกิน แล้วผลที่ตามมาก็คือน้ำหนักเพิ่มค่ะตอนนั้นมันมาสุดที่ประมาณ 53 kg. กระโปรงนิสิตใส่ไม่ได้สิทีนี้..
จากนั้นเราเลยลดน้ำหนักค่ะ ตั้งใจมากกกกกก (ก ไก่ ล้านตัว) ด้วยความที่เรียนด้านอาหาร ... รู้สิ!!
เราเริ่มลดน้ำหนักด้วยการคำนวณพลังงานเลย และวิ่งๆๆๆๆๆ วิ่งรอบสนามกีฬาครั้งละครึ่งชั่วโมง (โดยไม่สนใจว่ามันกี่รอบ) วิ่งทั้งเช้าและเย็น และทุกวันการกินอาหารของเราต้องอาศัยความอดทดขีดสุด เราคำนวณ Cal. เลย โยเกิร์ต 100 cal. ชั้นไม่กินนะต้อง 80 ลงมา ข้าวนี่กินนับคำ ของหวานไม่แตะ เวลาเห็นคนอื่นกินนี่อยากมากกกก ทรมานสุดๆ แต่ไม่ๆๆ (นึกใจใจว่าไม่ .. ถ้ากินจะรู้สึกผิดมา) ทำมาประมาณ 2 สัปดาห์ น้ำหนักจาก 53 มันก็ลงมาเหลือ 48 เราก็ยังไม่พอ
จนผ่านไปประมาณเดือนครึ่งน้ำหนักเราเหลือ 43 kg. ระหว่างที่เราลดน้ำหนักพ่อ แม่ และคนรอบข้าง เริ่มเตือนว่าเราผอมไปมีหลายคนทักว่าเราป่วยหรือเปล่า บางคนถึงกับบอกว่าเราติดยา แต่เรารู้ตัวเองไงว่าไม่ .. เราตั้งใจลดคิดว่า ผอมแล้วสวย ..
ย้อนกลับไปมองตัวเอง ณ ตอนนั้นแล้วเปรียบเทียบตัวเองได้กับ “น้าผี” (เคยดูละครช่อง 7 ตอนเช้าๆ ป่ะ จักรๆ วงศ์ๆ อ่ะ เรื่องอะไรจำไม่ได้) และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นโรคจิต.. เราคิดแบบนั้นจริงๆ นะ เราเป็นโรคจิตแน่ๆ เราไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตเลย เห็นคนอื่นกิน อยากกิน แต่กลัวอ้วน ได้แต่มอง และเก็บกด
หลังจากที่รู้ตัวเราเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ เริ่มกินในสิ่งที่อยากกิน กินในปริมาณปกติพอได้กิน.. มันหยุดไม่ได้ค่ะคุณผู้ชม ดิฉันกินสะบั้นหั่นแหลก กินทุกอย่าง กินทั้งวัน กินจนอ้วก (นี่เรื่องจริงนะ กินจนอ้วก คือกระเพาะมันคงบอกว่า “ตรูมิมีที่ใส่แล้ว”) ชีวิตดีค่ะ มีความสุขกับการกิน ... น้ำหนักก็เช่นกัน
ลงไปกี่ kg. นะคะ ตอบ!! .. 10 kg. ใช่ไหมคะแล้วภายใน 1 เดือน หลังใช้ชีวิตปกติ ขึ้นมากี่ kg. คะ ทายค่ะ!! จาก 43 กลายเป็น 58 ค่ะคุณ 15 kg. ระบบเผาผลาญพัง น้ำหนักโยโย่ ผลจากการสั่งให้ตัวเองทรมานตนจนถึงวันที่กลับมาใช้ชีวิตปกติสุขแต่อย่าได้แคร์..
เราหยุดใช้ชีวิตแบบ มนุดจิต กลับมาปรับร่างกายตัวเอง ระบบเผาผลาญเริ่มฟื้นตัวตอนนี้น้ำหนักเรากลับมาเท่าเดิม 48 - 52 kg. แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องอาศัยเวลาบำบัดร่างกายค่ะ (ส่วนจิตบำบัดเองนะคะ .. รู้ตัว!! หมอไม่ต้อง)
ที่มาเล่านี่อยากให้เป็นตัวอย่างในความเชื่อแบบผิดๆ ในการลดน้ำหนัก เราไม่จำเป็นต้องผอมเพียวก็ได้นะบางที คือเอาแบบสุขภาพดี ชีวิตดีก็พอแล้วก็ออกกำลังกาบ กินให้พอประมาณ ไม่ต้องอด .. เดี๋ยวจะพังแบบเราออกกำลังกายค่ะ ลดจริง ชีวิตดี .. ลดปริมาณอาหาร กินผัก/fiber ในมื้อเย็นก็ช่วยได้
อันนี้รูปตอนอ้วนสุดกะผอมสุด