❂ || Review || ❂ บันทึกความทรงจำผ่านกล้อง LOMO
Mini_Meen 16 8สวัสดีค่าสาวๆ ทุกคนวันนี้มีนไม่ได้จะมาพูดเรื่องความสวยความงามนะ แต่อยากจะมารีวิวประสบการณ์การถ่ายรูปด้วย กล้อง (ฟิล์ม) LOMO รวมถึงร้านล้างฟิล์มที่เพิ่งมีโอกาสได้ไปค่ะ ขอบอกว่าเจ๋งสุดๆ ไปเลยล่ะ ว่าแล้วเราก็มาดูดีกว่าาาาาาา
ขอเท้าความก่อนนะว่า จริงๆ แล้วเราเป็นอีกคนที่ชอบถ่ายรูปมาแต่ไหนแต่ไร และมีโอกาสได้เรียนถ่ายภาพสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นคลาสที่สนุกมาก แม้ว่าจะเป็นคลาสที่สอนพื้นฐานต่างๆ เกี่ยวกับการถ่ายภาพ เช่น ชนิดของกล้อง ชนิดของเลนส์ การปรับโฟกัส รูรับแสง ชัตเตอร์สปีด และอื่นๆ พอได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้ ก็ทำให้เราถ่ายรูปอย่างมีหลักการมากขึ้นค่ะ
แม้ว่าตอนนี้หลายๆ คนอาจจะเลิกฮิตการถ่ายภาพด้วย กล้อง LOMO กันไปบ้างแล้ว แต่เรากลับรู้สึกว่า อยากลอง เพราะเคยใช้กล้องฟิล์มมาก็หลายแบบ ทั้งกล้องโปร กล้องใช้แล้วทิ้ง (Disposable Camera) แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองใช้ กล้อง LOMO ดูเลย ซึ่งเสน่ห์ของ LOMO ก็คงจะเป็นสีสันที่จัดจ้าน ภาพที่ไม่ได้ Professional มาก ดูเป็น Candid ดี ถ่ายสนุกๆ แหม่...โชคดีที่คุณแฟนก็ชอบการถ่ายรูปเล่นเหมือนกัน ชอบทดลอง เค้าเลยไปหาข้อมูลมาแล้วก็ไปเจอกล้องสุดน่ารักอย่างกล้อง "Diana Mini" เห็นปุ๊บก็ตัดสินใจซื้อกันมาเลย
กล้อง Diana Mini เป็นกล้อง LOMO ขนาดเล็กเท่าๆ กับฝ่ามือที่ใช้ฟิล์ม 35 มม. เจ้ากล้องนี้มีความแตกต่างจากล้องทั่วๆ ไปที่เราใช้กัน ตรงที่ว่า ภาพที่ได้จากกล้องจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งมีลูกเล่นอีกอันนึงคือสามารถเปลี่ยนฟอร์แมตให้กลายเป็น ฮาล์ฟเฟรม (Half Frame) ได้ด้วย โดยปกติแล้วถ้าเราใช้ฟอร์แมตปกติ จะได้ภาพประมาณ 32-36 ภาพ แต่พอเปลี่ยนเป็นฮาล์ฟเฟรม เราจะได้ภาพถ่ายมากถึง 72 ภาพเลยทีเดียวล่ะ และความสนุกอื่นๆ ของกล้องนี้คือ สามารถถ่ายภาพซ้อนๆ กัน และใช้โหมด Shutter B ได้ด้วย (Shutter B ก็คือการถ่ายภาพแบบที่เราสามารถกดชัตเตอร์นานเท่าไรก็ได้ เหมาะกับการถ่ายในที่มืดๆ แสงน้อยๆ แต่ก็ควรมีขาตั้ง จะยิ่งดีถ้ามีสายลั่นชัตเตอร์ เพราะไม่งั้นภาพจะเบลอสุดๆ หรือไม่ก็เหมาะกับการที่เราเอาไฟฉายมาเขียนตัวอักษรในความมืด แล้วกด Shutter B ค้างไว้ พอเขียนเสร็จค่อยปล่อยชัตเตอร์ รูปที่ได้ก็จะเป็นรูปตัวอักษรที่เราเขียน งงมั้ย?? ฮ่าๆๆ)
ส่วนเลนส์ ก็เป็นพลาสติกค่ะ ไม่ใช่เลนส์ที่เป็นแก้ว รูปที่ถ่ายออกมาจึงไม่ได้คมชัดนัก เราสามารถปรับระยะโฟกัสของกล้องได้ประมาณ 4 ระยะ คือรูประยะใกล้ประมาณ 60-100 Cm ไปจนถึงโฟกัสแบบ infinity
ลองถ่ายเล่นแล้วเพลินมากๆ แอบเสียดายที่ไม่ได้ซื้อยกชุดแฟลชมาด้วย เพราะกล้องนี้จะเซ็ตค่า Shutter Speed ให้แล้วอยู่ที่ 1/100 ถ้าเราใช้ฟิล์มที่ iso น้อยๆ การถ่ายในที่แสงสลัวๆ จะทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย ซึ่งพอใช้ ฟิล์มที่มี iso สูงๆ ภาพก็จะแตกอีก... ทำให้การถ่ายภาพของเราต้องเน้นไปที่การถ่ายตอนกลางวันล้วนๆ เลยล่ะ
พูดถึงกล้องกันไปแล้ว เรามาดูรูปจากกล้องตัวจิ๋วนี้กัน...
นอกจากรูปที่ได้จะ ดูขาดๆ เกินๆ แล้ว เราว่ามันมีเสน่ห์ดี เพราะเราต้องคิดเยอะมากกว่าจะกดแชะลงไป เราต้องใช้เวลาในการจัดวางองค์ประกอบของภาพ ซึ่งความตลกของกล้องนี้คือ ช่องมองภาพ มันไม่ได้ Sync กับตัวเลนส์เลย คือ แม้ว่าเราจะเล็งองค์ประกอบภาพแล้ว แต่พอถ่ายออกมาก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นอีก เรียกว่าต้องเดาในเดากันจริงๆ มันทำให้เราได้ทดลองการถ่ายภาพ การกะระยะ การใช้แสง ซึ่งสนุกมากเลย แถมจะต้องมาคอยลุ้นอีกว่ารูปที่ได้จะเป็นยังไง นอกจากนั้นยังทำให้เราได้ไตร่ตรองมากขึ้น เพราะเราจะดูไม่ได้จนกว่าจะได้ล้างฟิล์ม และการถ่ายภาพด้วยฟิล์มมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อฟิล์ม การล้างฟิล์ม และการอัดรูป ฉะนั้นการจะแชะภาพแต่ละรูปนี่คือต้องตั้งใจมากๆ (แม้ว่าจะเป็นกล้องที่ไม่เน้นความ Professional ก็ตาม)
ฟิล์มที่เราใช้จะมี 2 ยี่ห้อด้วยกันค่ะ คือ FUJIFILM FUJICOLOR 200 และ AGFA VISTA 400 เจ้าตัว FUJI ที่ใช้ภาพแอบเสียเยอะ เพราะยังกะไม่ถูกว่าควรถ่ายแสงขนาดไหน ด้วยความที่ iso ต่ำ ทำให้เราต้องถ่ายที่ที่มีความสว่างมากหน่อย เราก็ลองแชะๆ ไป ปรากฏว่าแสงไม่พอหลายรูปเลย ฮ่าๆๆ เราก็เลยลองใช้เจ้าตัว AGFA ดู ที่ iso 400 บวกกับว่าเริ่มมีประสบการณ์ทำให้รูปที่ได้ดูโอเคขึ้นเยอะ ฮ่าๆๆๆๆ
เอาล่ะเม้าท์มอยเรื่องกล้องและการถ่ายรูปมานานพอควร เรามาดูร้านที่รับล้างฟิล์มกันดีกว่าาาาาาา
ร้านที่เราไปบ่อยๆ คือร้าน Siam Digital ค่ะ อยู่ใกล้ๆ กับร้านรสดีเด็ด รู้สึกว่าสะดวกดี บางทีก็รอรับได้เลยถ้าลูกค้าไม่เยอะ แต่ส่วนมากมักจะไม่ได้เลย ฮ่าๆๆ ถ้าช่วงไหนไปทำงานแถวๆ สยามก็ชอบมาหย่อนไว้ร้านนี้
อีกร้านนึงคือร้าน Airlab ค่ะ เป็นร้านที่อยากนำเสนอมากกกกกกกกก เป็นร้านของคุณแอ๊ะ ชาติฉกาจ ไวกวี ช่างภาพแนวหน้าของไทย (ลองไปหาข้อมูลอ่านดูได้นะคะ ประวัติและผลงานน่าสนใจมากทีเดียว) ร้านอยู่ซอยสุขุมวิท 81 เข้ามาเจอแยกแรกเลี้ยวซ้ายเลยค่ะ เข้าไปเรื่อยๆ จะเจอร้านอยู่ทางขวา เห็นชัดเจนเลย เพราะจะมีน้องๆ ปรี่เข้ามาต้อนรับค่ะ
ที่ร้านก็จะมีราคาค่าบริการบอกไว้ชัดเจนเลยค่ะ สำหรับเราเป็นฟิล์ม Negative 35 มม. ล้าง-สแกน ก็อยู่ที่ 150 บาท ถือว่าโอเคเลย ส่วนมากจะใช้เวลาล้างประมาณ 1 วันค่ะ ถ้าคนไม่เยอะก็สามารถรอรับได้เลย ซึ่งในบริเวณก็มีทั้งร้านค้าขายของจุกจิก ร้านขายของ คาเฟ่ ออฟฟิศ รวมถึงสตูดิโอถ่ายรูปค่ะ ดูเป็นกันเองสุดๆ
สำหรับใครที่รักสุนัข ก็แนะนำเลยยยยย เพราะระหว่างรอก็สามารถเล่นกับน้องๆ ได้ น้องใจดี ขี้เล่น เป็นมิตรมากกกกกก เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่อยากไปล้างรูปด้วย ฮ่าๆๆๆ น้องๆ ไซบีเรียนที่มีทั้งพันธ์ุแท้ พันธุ์ผสม ตั้ลล้าคคคคคค
ส่วนคาเฟ่ของที่นี่ก็โอเคนะคะ เราไม่ใช่คนดื่มกาแฟ ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นยังไง วันนั้นไปสั่งน้ำลิ้นจี่โซดา ก็อร่อยดีค่ะ สดชื่น
เรามาดูบรรยากาศร้านกันค่า
ขอบคุณทุกคนนะคะ วันนี้ก็จบการรีวิวเล็กๆ น้อยๆ ของเราแล้ว การถ่ายรูปด้วยฟิล์มให้อะไรเราหลายๆ อย่างเลยล่ะ ยังไงก็ลองไปเล่นกันดูนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ค่า
✨บัยยยยยยยยยยยส์✨
KEYWORDS :LOMOGRAPHYDIANA MINISIAM DIGITALAIRLABBKKFUJIFILM FUJICOLOR 200AGFA VISTA 400