เปิดศึก!! Foil Mask ระหว่าง Estee Lauder VS Faith in Face

45 15

สวัสดีค่าทุกคน กลับมาเจอกับช่วงรีวิวมาส์กกันอีกแบ้ว5555

แต่วันนี้จูนจะไม่ได้มารีวิวแบบธรรมดาเพราะว่าวันนี้จูนอยากจะมาเปิดศึก!! พร้อมเปรียบเทียบมาส์กฟอยส์ระหว่างแบรนด์ Estee Lauder VS Faith in Face ว่าน้องๆเขาจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน? เมื่อเทียบกับคุณภาพและราคา ฮี่ๆๆๆ เพราะฉะนั้นอย่ารอช้าเราไปดูกันเลยดีกว่า!!

โดยทางของฝั่งเอสเต้จูนเลือกมาเป็นสูตรที่มีชื่อว่า Advanced Night Repair Concentrated Recovery Powerfoil Mask ซึ่งมาส์กตัวนี้ทางแบรนด์ของเอสเต้เขาถึงกับเคลมเลยว่าการมาส์ก 1 แผ่นเทียบเท่ากับเซรั่ม Advanced Night Repair ในปริมาณครึ่งขวดเลยทีเดียว!! (ราคาตกแผ่นละ 850 บาท) ส่วนอีกด้านจะเป็นของฝั่ง Faith in Face ที่มาในสูตรที่มีชื่อว่า Prestige Platinum Foil Mask ซึ่งตัวนี้เขาก็ไม่น้อยหน้าเพราะการมาส์กหน้า 1 แผ่นเทียบเท่ากับลงเซรั่มบำรุงผิวในปริมาณ 1 ขวดเลยทีเดียว (ราคาตกแผ่นละ 169 บาท)

มาดูที่เนื้อเซรั่มของแต่ละแบรนด์ที่ใส่มา ถ้ามองเห็นด้วยตาเปล่าคือแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ลักษณะจะเป็นน้ำใสๆ เหมือนกัน ส่วนกลิ่นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวเอสเต้เขาจะมาในรูปแบบกลิ่นเดียวกันตัวเซรั่มตัวดังของเขาเลย ส่วนทางฝั่งของ Faith in Face จะบอกว่ากลิ่นนางมีความหอมติดจมูกมากไม่ฉุน แต่ดมเพลินดี

มาเทียบตัวเนื้อมาส์กกันชัดๆ ทางฝั่งของเอสเต้จะเห็นได้ว่ามีความหนากว่าเพราะเนื่องด้วยตัวมาส์กเขาประกอบไปด้วย 2 ชั้น คือตัวแผ่นฟอยส์กับตัวแผ่นผ้าฝ้ายสีขาวค่ะ ส่วนทางฝั่งของ Faith in Face เนื้อมาส์กเขาจะบางกว่า เพาะเป็นเนื้อเดียวกัน ลักษณะตัวฟอยส์ของเขาจะมีความละเอียดและมี Texture ทำให้จับแล้วไม่ค่อยลื่นมือ

Estee Lauder

ความรู้สึกตอนมาส์ก : เนื่องจากตัวแผ่นของเขาประกอบไปด้วย 2 เลเยอร์ เลยทำให้ดูหนากว่าแผ่นมาส์กทั่วไป และตัวฟอยส์จะมีความลื่นหน่อยต้องคอยจับอย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่จูนรู้สึกได้เลยนะคือตอนที่มาส์กหน้ามันจะรู้สึกอุ่นๆ ตอนช่วงนาทีที่ 4-5 นี่จะเริ่มอุ่นละ ส่วนเนื้อเซรั่มที่เขาให้มาคือพอดีกับตัวมาส์กนะ แทบไม่เหลือในซองเลยจูนต้องล้วงๆปาดๆออกมา (ความงกนี้55555) และตัวนี้จากที่อ่านวิธีการใช้คือเขาให้ทิ้งเพียง 10 นาทีเท่านั้น จากนั้นให้แกะออกแล้วนวดๆ ตบๆ ให้เนื้อเซรั่มซึมลงที่ผิวก็เป็นอันเสร็จ

ความรู้สึกหลังมาส์กเสร็จ : พอแกะแผ่นมาส์กออกมา ลองเอามือไปจับที่ผิวหน้ามันจะนุ่มขึ้นมากๆ และผิวดูละเอียดขึ้นทันทีเลยถ้าเทียบกับภาพตอนก่อนมาส์ก ตรงผิวมันจะดูมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Faith in Face

ความรู้สึกตอนมาส์ก : ตัวนี้ถ้าเทียบกับของเอสเต้เนื้อมาส์กดูบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ชอบคือตอนที่มาส์กแผ่นมันจะแนบสนิทไปกับผิวเลย น้ำเซรั่มที่ให้มาก็คือเยอะมากๆ เอามาตบๆตอนมาส์กได้ประมาณ 2-3 รอบ ตัวนี้พอมาส์กผิวจะเริ่มอุ่นๆ เหมือนกันแต่อาจไม่ได้อุ่นเท่าตัวเอสเต้นะ พอมาส์กไปประมาณ 15-20 นาทีก็ดึงแผ่นมาส์กออกได้จ้า

ความรู้สึกหลังมาส์กเสร็จ : อันนี้จูนแอบมามาส์กตอนเช้า หน้าเลยบวมๆหน่อย5555 ซึ่งจากรูปจะเห็นได้ว่าหลังมาส์กเสร็จผิวมันจะดูอิ่มน้ำดี ผิวดูมีสุขภาพดีแบบคนนอนเต็มอิ่ม พอเอามือมาแตะที่ผิวรู้สึกว่าผิวมันดูนิ่มๆเด้งๆดี และหน้ามันดูชุ่มชื้นขึ้นมากๆแบบเห็นได้ชัดเหมือนกันเลย

สรุปถ้าเทียบผลลัพธ์กันแบบชัดๆ เลยนะ

โดยส่วนตัวมองว่ามีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือเรื่องของความนุ่ม+ชุ่มชื้นของผิวจะเห็นผลทันทีหลังมาส์กทั้งคู่เลยค่ะ จะมีแตกต่างกันแค่ตัวเอสเต้ตอนที่เรามาส์กจะรู้สึกอุ่นมากกว่านิดนึง (อันนี้จูนก็ไม่แน่ใจแต่ก็อาจอยู่ที่วัสดุของแผ่นมาส์กด้วย) ซึ่งทั้งนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของบุคคลเลยงับ อิอิ หรือถ้าใครเคยลองใช้ตัวไหนมาแล้วก็มาแชร์ให้ฟังกันได้น้า หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังลังเลหรือกำลังอยากลองมาส์กหามาส์กฟอยส์มาใช้บ้าง วันนี้จูนต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าจ้า ขอบคุณและสวัสดีค่ะ♥


Duangkaew Kemmanunsopon

Duangkaew Kemmanunsopon

สวัสดีค่า ชื่อจูน อายุ 24 ปีค่ะ จูนเป็นคนนึงที่ชอบและรักในการใช้สกินแคร์และเครื่องสำอางทั่วไปค่ะ เลยมักจะมารีวิวสกินแคร์ที่ใช้แล้วชอบบ่อยๆในนี้ เพราะอยากมาแชร์และพูดคุยกับเพื่อนๆเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันค่ะ^^

สามารถทักเข้ามาพูดคุยหรือสอบถามได้ที่นี่เลยค่ะ♥
FB : Duangkaew Kemmanunsopon
ID LINE : junejunstiknow

FULL PROFILE