OK หรือไม่ เมื่อผู้ชายถูกมองเป็นวัตถุทางเพศ
candy 60 3การเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมในโลกที่มี free speech ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับสิทธิที่ไม่เหลื่อมล้ำหรือเกิดการเอารัดเอาเปรียบกัน ไม่ว่าจะเป็น ชาย หญิง หรือเพศใด จากเดิมที่ประวัติศาสตร์ตกอยู่ภายใต้แนวคิดของ "ชายเป็นใหญ่" มาเนิ่นนาน แต่ในยุคโมเดิร์น สังคมที่เป็นเสรีนิยมได้เปิดกว้างให้เพศที่เคยถูกมองเป็น"สมบัติ " ของชาย ได้ก้าวเข้ามาแสดงศักยภาพที่เท่าเทียมกัน หนึ่งสิ่งที่ผู้หญิงมากมายได้ต่อสู้มาโดยตลอด คือการต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ พวกเราไม่ยินยอมที่จะถูกตีค่าเป็นเพียงวัตถุตอบสนองอารมณ์ทางเพศ หรือจะกระทำย่ำยีเพียงเพราะมีพละกำลังอ่อนแอกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงแทบทุกคนน่าจะผ่านประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเกิดจากการใช้วาจา พฤติกรรมการแสดงออก และการทำร้ายด้วยวิธีต่างๆ แต่เพราะการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศทำให้ผู้คนไม่เมินเฉยต่อปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศอีกต่อไป แม้กระทั่งการแสดงความเห็นบนโลก Internet ที่ผู้หญิงหลายคนชี้ว่า คนอื่นไม่มีสิทธิ์ใช้คำพูดหยาบโลนหรือจาบจ้วงเรื่องร่างกายของพวกเธอ เพราะนอกจากมันจะเป็นการดูหมิ่น สร้างความอับอายลำบากใจให้ หากพวกเธอก้มหน้าก้มตายอมรับให้คนอื่นพูดจาลามกสนุกปากมากเท่าไร ก็อาจจะถูกเข้าใจว่ากำลังเปิดทางหรือแม้แต่เชิญชวนให้คนอื่นคิดไปทางเรื่องเพศจนอาจมีเรื่องร้ายแรงตามมา
แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน เมื่อผู้ชายเป็นฝ่ายถูกคุกคามทางเพศจนรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ แต่พวกเค้าจะได้รับโอกาสในการเรียกร้องเพื่อให้คนอื่นหยุดมองว่าเป็นเพียงวัตถุทางเพศหรือไม่ ?
เมื่อพระเอกหนุ่มใหญ่มีแฟนตามเก็บภาพซูมเป้ากางเกงมาแบ่งกันชม...เขาจะรู้สึกเช่นไร?
หลังจากสร้างความโด่งดังจากภาพหนุ่มนักการตลาดที่มีเสน่ห์สุดกร้าวใจจาก Mad Men Jon Hamm ต้องมาค้นพบว่า สิ่งที่ทำให้เขาตกเป็นหัวข้อข่าวเป็นเวลาหลายปีก็คืออวัยวะสืบพันธุ์ช่วงกลางร่างกาย และเจ้าตัวก็ไม่ได้ชอบใจกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
จุดเริ่มต้นของกระแสความกระหายใน "น้องชาย" Jon Hamm เริ่มต้นมาจากภาพใน Mad Men ที่นำเสนอเรื่องรางในยุค 60s ที่เทรนด์กางเกงรัดรึงเป็นที่นิยมในหมู่คุณผู้ชาย สื่อแทบลอยด์รายงานว่า เขามีเครื่องเคราใหญ่มากจนบางครั้งทีมงานต้องใช้การตกแต่งภาพซ่อนอวัยวะใต้กางเกงที่อวดตัวออกมาเป็นรูปร่างจนอาจจะเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ชมจากเนื้อเรื่องซีรีส์ไปที่ไซส์ของลับของเขาแทน
ชาวเน็ทกลุ่มหนึ่งแสดงความหมกมุ่นในเรื่องเป้ากางเกงของพระเอกหนุ่มใหญ่จนตามรวบรวมภาพของเขามาสร้างเพจ Jon Hamm's Wang เพื่อหื่นใส่อย่างสนุกสนาน แต่เมื่อเขาได้รู้เรื่องราว ก็ได้เปิดใจกับสื่อดังว่า มันดูหยาบคาย แม้จะมองว่าถูกแซวเล่นๆ
" ชื่อของมันก็บอกอยู่ว่า 'ที่ลับ' ผมใส่กางเกงอยู่แท้ๆ ให้ตายเถอะ เพลาๆเรื่องนี้กันไปบ้าง คือผมอาจจะไม่ใช่คนที่ทุ่มกายทำงานหนักเหมือนนักขุดเหมืองอะไรแบบนั้น แต่พอรู้ว่ามีคนที่สร้าง Tumblr account เพื่อทำเพจเรื่องไอ้นั่นของผมได้อย่างอิสระเสรี มันก็ทำให้รู้สึกว่า นี่มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงการทำงานนี่นา แต่คงจะบ่นอะไรไปมากไม่ได้ มันก็คงดีกว่าถูกแซวว่ามีไอ้นั่นเล็กล่ะมั้ง"
เขาโต้ตอบข่าวลือที่ว่าไม่ยอมใส่กางเกงชั้นในจนสามารถเห็นของลับเป็นท่อนโผล่ตัวจากกางเกงว่า
" เอางี้ คุณอยากจะให้คนเดินเข้ามาแล้วชี้ไอ้นั่นของคุณต่อหน้ามั้ย ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมต้องมาพูดอะไรแบบนี้ แต่ผมใส่กางเกงในมาตลอดชีวิต มันน่ารำคาญที่ถูกกล่าหาว่าเป็นพวกชอบอวด เรื่องนี้กลายมาเป็น meme ผมรู้ล่ะว่า การเป็นนักแสดงที่มีคนอยากจะถ่ายรูปมันก็ต้องทำใจตอบรับทั้งเรื่องในด้านบวกและด้านลบ ทำยังไงได้ ถ้าผมแสดงความโกรธขึ้นมา ก็ถูกหาว่าเป็นเจ้างั่งไปอีก แต่เรื่องพรรค์นี้มันเหลวไหลนะครับ"
" เอางี้ คุณอยากจะให้คนเดินเข้ามาแล้วชี้ไอ้นั่นของคุณต่อหน้ามั้ย ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมต้องมาพูดอะไรแบบนี้ แต่ผมใส่กางเกงในมาตลอดชีวิต มันน่ารำคาญที่ถูกกล่าหาว่าเป็นพวกชอบอวด เรื่องนี้กลายมาเป็น meme ผมรู้ล่ะว่า การเป็นนักแสดงที่มีคนอยากจะถ่ายรูปมันก็ต้องทำใจตอบรับทั้งเรื่องในด้านบวกและด้านลบ ทำยังไงได้ ถ้าผมแสดงความโกรธขึ้นมา ก็ถูกหาว่าเป็นเจ้างั่งไปอีก แต่เรื่องพรรค์นี้มันเหลวไหลนะครับ"
เมื่อได้รู้ความรู้สึกของผู้ชายที่ถูกแซวว่ามีของลับใหญ่แล้วม่ความคิดยังไงกันบ้างคะ ? เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้ามองสลับมาอีกด้าน หากมีคนทำเพจรวบรวมรูปเป้ารัดๆของนางเอกอย่าง Charlize Theron แล้วคอนเมนท์หื่นใส่แบบเปิดเผย คุณจะรู้สึกเฮฮาไปด้วย หรือว่าแหยงจนขนลุกกันนะ ?
พิธีกรดังกับข้อกล่าวหา sexual harass แขกรับเชิญชาย
ปี 2020 เป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่สำหรับคนมากมาย แต่สำหรับ Ellen Degeneres ต้องพบกับวิกฤติภาพบักษณ์ตกต่ำ หลังจากที่มีสื่อดังที่ขนคนวงในมาแฉรัวๆว่า พิธีกรดังได้ห่างไกลจากคติพจน์ Be Kind อย่างสิ้นเชิง นอกจากเธอจะไม่เห็นหัวทีมงานที่เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ก็ยังเป็นตัวนำของสภาพแวดล้อม toxicในที่ทำงาน แม้แต่แขกรับเชิญที่ไม่ใช่คนดังระดับ A List ก็ถูกปฏิบัติย่ำแย่ ( แขกรับเชิญคนหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มองหน้าเธอ และมันตรงกับคำพูดจากพยานอีกหลายปาก)
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Ellen ถูกตำหนิรุนแรงคือ วิธีการขาย content ด้วยการบีบบังคับและฝืนใจแขกรับเชิญโดยไม่ได้ตกลงล่วงหน้ามาก่อน และบางครั้ง พฤติกรรมเหล่านี้ยังล้ำเส้นการกลั่นแกล้งเอาฮามาเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ
Ellen อาจจะเปิดตัวว่าเป็นเกย์มานานแล้ว แต่เธอมักนำเสนออารมณ์ขันเกี่ยวกับเรือนร่างของผู้ชายเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องที่ Ellen ถูกตำหนิมากคือตอนที่นำภาพนู้ดของ Justin Bieber มาโชว์บนจอใหญ่ในขณะที่กำลังสัมภาษณ์เขาอยู่ แม้จะได้เซนเซอร์อวัยวะเพศของนักร้องดังแล้ว แม้เขาจะดูรับไหวและไม่เครียดเรืองภาพเปลือยตัวเองนัก แต่เธอใช้เวลาพอสมควรในการบีบให้เขาบอกเล่ารายละเอียดเรื่อง "เพื่อน" ที่พาไปเที่ยวที่ Bora Bora " คุณเปลือยกายต่อหน้าเพื่อนด้วยเหรอ" " คุณจะบอกตรงๆไม่ได้รึไงว่ามีแฟนสาวที่ไปเที่ยวด้วยกัน" และนั่นทำให้ JB ดูอึดอัดใจอย่างชัดเจน
แต่ถ้าหาก Selena Gomez ถูก paparazzi ตามถ่ายภาพเปลือยมาประจานในinternet เธอคงไม่นำมาไล่บี้กลางรายการ
หลายคนมองว่า Ellen ใช้บารมีของตัวเองเพื่อนำเสนอผู้ชายในแง่ของวัตถุทางเพศ เนื่องจากเหล่าแขกรับเชิญคนดังอาจจะเกรงอกเกรงใจ หรือสนิทกันในฐานะเพื่อนจึงปฏิบัติตามสคริปท์อย่างไม่เกี่ยงงอนเธอจึงนำวีดีโอตอนกระโดดเอาขารัดเอว Ryan Gosling ,จูบ Colin Farrell มาอวดได้อย่างภาคภูมิใจ ในขณะที่พิธีกร talk show ชายจะต้องวางตัวให้สำรวมต่อหน้าแขกรับเชิญหญิง แม้แต่จะชื่นชมว่าเธอ sexy มากแค่ไหนก็ต้องคิดก่อนพูด เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่าใช้คำพูดละเมิดทางเพศได้
แต่ถ้าหาก Selena Gomez ถูก paparazzi ตามถ่ายภาพเปลือยมาประจานในinternet เธอคงไม่นำมาไล่บี้กลางรายการ
หลายคนมองว่า Ellen ใช้บารมีของตัวเองเพื่อนำเสนอผู้ชายในแง่ของวัตถุทางเพศ เนื่องจากเหล่าแขกรับเชิญคนดังอาจจะเกรงอกเกรงใจ หรือสนิทกันในฐานะเพื่อนจึงปฏิบัติตามสคริปท์อย่างไม่เกี่ยงงอนเธอจึงนำวีดีโอตอนกระโดดเอาขารัดเอว Ryan Gosling ,จูบ Colin Farrell มาอวดได้อย่างภาคภูมิใจ ในขณะที่พิธีกร talk show ชายจะต้องวางตัวให้สำรวมต่อหน้าแขกรับเชิญหญิง แม้แต่จะชื่นชมว่าเธอ sexy มากแค่ไหนก็ต้องคิดก่อนพูด เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่าใช้คำพูดละเมิดทางเพศได้
ทุกครั้งที่ Ellen จับแขกรับเชิญชายมาโชว์ร่างกายที่ดึงดูดใจก็จะเรียกเสียงตอบรับจากผู้ชมในห้องส่งอย่างตื่นเต้น และผู้ชายเหล่านั้นก็ดูเต็มใจที่จะถูก objectify แต่ก็สร้างข้อกังขาว่านี่เป็น message ที่เหมาะควรแล้วหรือไม่
ซุปตาร์สาวที่ถูกโจมตีว่าเล่นมุกไร้รสนิยมเรื่อง fetish ผู้ชายAfrican
Adele เคยถูกต่อว่าต่อขานว่าเรื่องทำทรงผม bantu knots ตามวัฒนธรรม Afro-Caribbean ไปเมื่อไม่นานมานี้ และเมื่อเธอมาปรากฏตัวในฐานะผู้ดำเนินรายการร่วมใน Saturday Night Live ก็ได้เพิ่มดราม่าไปอีกเรื่อง หลังจากแสดงมุกล้อเลียน Sex Tourism ในAfrica
เธอได้แสดงเป็นนางแบบในโฆษณาการท่องเที่ยวในภาพของหญิงวัยกลางคนผิวขาวที่บรรยายความน่าดึงดูดใจของAfrica เธอและเพื่อนนักแสดงแนะนำตัวว่า หลังจากผ่านการหย่าร้างก็ได้พบกับชีวิตใหม่ในประเทศอันงดงาม พร้อมกับฉากหลังที่มีผู้หญิงผิวขาวเดินคลอเคลียไปกับหนุ่มผิวดำ บ้างก็อุ้มผู้หญิงที่มีท่าทางลัลล้า
ถ้อยคำที่เชิญชวนให้ผู้หญิงมาร่วมสุขสมอารมณ์หมายด้วยกันที่ Africa โดยไม่ต้องสนใจลูกเต้าที่บ้าน joke นี้ทำให้ชาวเน็ทโจมตีว่า ไม่ได้ต่างจากการโฆษณาให้คนมาใช้บริการโสเภณีชายในทวีป Africa และถือเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีคน African ว่าเป็นเพียงวัตถุทางเพศที่ปรนเปรอความสุขให้กับผู้หญิงผิวขาวที่ดูเปล่าเปลี่ยวใจ
แน่นอนว่า " ไม้ไผ่ลำมหึมา" ที่ Adele พูดถึงไม่ได้เป็นพรรณไม้ แต่เป็นมุกตลกล้อเลียนstereotype เรื่องชายผิวดำเชื้อสาย African ว่ามีอวัยวะเพศใหญ่โตจนผู้หญิงหลงไหล เพื่อนร่วมรายการของเธอยังย้ำซ้ำถึง "ชายจากชนเผ่ารูปร่างสูงล่ำ" มุกสองแง่สองง่ามอย่าง "สัมผัสที่ลึกล้ำรู้สึกได้เข้าไปถึงท้อง" ทำให้ Adele หัวเราะกิ๊กกั๊ก แต่ทว่า ชาว African หลายคนไม่รู้สึกตลกกับการเรื่องนี้ หรืออย่างน้อย ถ้าหากว่ามีรายการตลกนำเสนอ joke นักท่องเที่ยวชายที่เชื้อเชิญให้มาเที่ยวต่างประเทศเพราะมีโสเภณีหญิงเครื่องเคราและลีลาเด็ด อาจจะกระแสโจมตีถล่มจนต้องออกมาขอโทษก็เป็นได้
แม้กระแสกดดันจะไม่แรงพอที่จะได้รับคำขอโทษหรือชี้แจงจากรายการ แต่ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยก็ได้แสดงความผิดหวังในตัว Adele และยืนยันว่านอกจากการล้อเลียน fetish ผู้ชายผิวดำจะไม่ชวนขำแล้ว ก็ยังเป็นการเย้ยหยันปัญหาโสเภณีชายใน Africa อย่างไร้ความเห็นใจ
ถ้อยคำที่เชิญชวนให้ผู้หญิงมาร่วมสุขสมอารมณ์หมายด้วยกันที่ Africa โดยไม่ต้องสนใจลูกเต้าที่บ้าน joke นี้ทำให้ชาวเน็ทโจมตีว่า ไม่ได้ต่างจากการโฆษณาให้คนมาใช้บริการโสเภณีชายในทวีป Africa และถือเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีคน African ว่าเป็นเพียงวัตถุทางเพศที่ปรนเปรอความสุขให้กับผู้หญิงผิวขาวที่ดูเปล่าเปลี่ยวใจ
แน่นอนว่า " ไม้ไผ่ลำมหึมา" ที่ Adele พูดถึงไม่ได้เป็นพรรณไม้ แต่เป็นมุกตลกล้อเลียนstereotype เรื่องชายผิวดำเชื้อสาย African ว่ามีอวัยวะเพศใหญ่โตจนผู้หญิงหลงไหล เพื่อนร่วมรายการของเธอยังย้ำซ้ำถึง "ชายจากชนเผ่ารูปร่างสูงล่ำ" มุกสองแง่สองง่ามอย่าง "สัมผัสที่ลึกล้ำรู้สึกได้เข้าไปถึงท้อง" ทำให้ Adele หัวเราะกิ๊กกั๊ก แต่ทว่า ชาว African หลายคนไม่รู้สึกตลกกับการเรื่องนี้ หรืออย่างน้อย ถ้าหากว่ามีรายการตลกนำเสนอ joke นักท่องเที่ยวชายที่เชื้อเชิญให้มาเที่ยวต่างประเทศเพราะมีโสเภณีหญิงเครื่องเคราและลีลาเด็ด อาจจะกระแสโจมตีถล่มจนต้องออกมาขอโทษก็เป็นได้
แม้กระแสกดดันจะไม่แรงพอที่จะได้รับคำขอโทษหรือชี้แจงจากรายการ แต่ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยก็ได้แสดงความผิดหวังในตัว Adele และยืนยันว่านอกจากการล้อเลียน fetish ผู้ชายผิวดำจะไม่ชวนขำแล้ว ก็ยังเป็นการเย้ยหยันปัญหาโสเภณีชายใน Africa อย่างไร้ความเห็นใจ
พระเอกสุดร้อนแรงแห่งยุคกับประสบการณ์ถูกผู้หญิงพูดลวนลามใส่ ทั้งๆที่กำลังควงคู่มากับแฟนสาว
หนุ่มอังกฤษที่หล่อละลายใจคนนี้ประกาศว่า เขาเต็มใจจะทุ่มเทออกกำลังสร้างกล้ามเนื้อเพื่อรับบทที่ต้องเปิดเผยรูปร่าง และถ้ามีคนชื่นชม เขาก็ยินดี แต่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้หากถูกมองเป็นแค่วัตถุทางเพศ เท่านั้น
Henry Cavill เปิดเผยว่า "เวลาผู้หญิงตะโกนแซวเมื่อที่ผมเดินผ่านว่า เฮ้ ที่รัก อยากซั่มกันมั้ยจ๊ะ บางทีผมก็สงสัยนะว่า เธอจะรู้สึกยังไงหากพวกคนงานก่อสร้างพูดแบบนี้กับเธอ แต่แน่นอนว่า ผมไม่ได้รู้สึกถูกคุกคามมากเท่ากับผู้หญิง"
"ผมได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง มันคงจะดีกว่าถ้าผมไม่บรรยานว่ามีถูกพูดถึงอย่างไรบ้าง ที่จริงผมไม่ได้คิดอะไรมากนะ ยกเว้นตอนที่ผมกำลังอยู่กับแฟน เวลาที่มีคนตั้งใจเยินยอผมโดยมีเจตนาที่หยาบคายใส่เธอ เรื่องแบบนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิดมากจริงๆครับ"
"ผมได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง มันคงจะดีกว่าถ้าผมไม่บรรยานว่ามีถูกพูดถึงอย่างไรบ้าง ที่จริงผมไม่ได้คิดอะไรมากนะ ยกเว้นตอนที่ผมกำลังอยู่กับแฟน เวลาที่มีคนตั้งใจเยินยอผมโดยมีเจตนาที่หยาบคายใส่เธอ เรื่องแบบนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิดมากจริงๆครับ"
จากบทบาทที่ต้องเปิดเผยรูปร่างอันกำยำในช่วงหลายปีมานี้ Henry ต้องพบกับการเฟลิร์ตไม่หยุดหย่อน ไม่ใช่เฉพาะแต่การแสดงความเห็นหื่นใส่จากชาวเน็ท แต่ยังต้องตั้งรับนักข่าวและพิธีกรที่จ้องจะพูดเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเขา โดยไม่ใส่ใจเรื่องผลงานที่เจ้าตัวต้องการโพรโมท และแฟนบางคนเชื่อว่า เขาไม่ได้ปลาบปลื้มที่ต้องคอยตอบคำถามเรื่องพวกนี้ไปทุกครั้ง อย่างตอนที่ถูกเปรียบเทียบฉายาบุรุษเหล็กจากหนัง Superman ว่ามีก้นเหล็กด้วยรึเปล่า เทรนก้นมากขนาดไหน เขาก็เปลี่ยนหัวข้อพูดโดยทันที
ในขณะที่ชาวเน็ทได้ชื่นชม Scarlett Johansson ที่เคยตอบโต้นักข่าวที่ตั้งคำถามตีค่าเธอเป็นวัตถุทางเพศ แต่เสำหรับ Henry ที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้ง สิ่งที่เขาทำได้คือการยิ้มแห้งๆ ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ หรือพยายามกลบเกลื่อน ไม่สามารถออกตัวแรงได้
ในขณะที่ชาวเน็ทได้ชื่นชม Scarlett Johansson ที่เคยตอบโต้นักข่าวที่ตั้งคำถามตีค่าเธอเป็นวัตถุทางเพศ แต่เสำหรับ Henry ที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้ง สิ่งที่เขาทำได้คือการยิ้มแห้งๆ ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ หรือพยายามกลบเกลื่อน ไม่สามารถออกตัวแรงได้
นักร้องหนุ่มที่ถูกลวนลามกลางเวที
Taylor Swift เคยได้รับเสียงชื่นชมหลังจากที่เธอลุกขึ้นมาฟ้องร้องชายที่ฉวยโอกาสลวนลามจับบั้นท้ายของเธอและชนะคดี กลายมาเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมเมื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศ
แต่เมื่อศิลปินชายถูกลูบไล้ /ล้วงจับอวัยวะ ดูเหมือนว่าผู้กระทำที่เป็นเพสหญิงกลับรอดตัวไปได้ แม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ตาม
ภาพของสาวที่ลูบไล้ไปที่หว่างขาของ Nick Jonasที่กำลังแสดงดนตรี แม้ว่าการ์ดของเขาพยายามห้ามปรามก็ยังไม่ยอมหยุดมือ และไปถึงจุดที่ Nick ได้หันกลับมาจ้องหน้าเจ้าของมือ เมื่อแฟนๆของเขาได้เห็นวีดีโอนี้ก็ดกรธเกรี้ยวกันยกใหญ่ บ้างก็ตั้งคำถามว่า เหตุใดการ์ดจึงไม่พาตัวเธอคนนี้ออกไป บ้างก็ชี้ว่า หากเป็นผู้ชายลวนลามศิลปินหญิงแบบเดียวกันอาจจะถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจหรือแบนออกจากการเข้าชมคอนเสิร์ตก็เป็นได้
แนวคิดที่ว่า ผู้ชายเป็นฝ่ายได้ ส่วนผู้หญิงต้องเสียเปรียบ ทำให้มีคนมองการล่วงละเมิดแตะต้องร่างกายของผู้ชายเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ Rape Crisisและ SurvivorsUK องค์กรต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศได้ประนามภาพเหตุการณ์ที่ Harry Styles ถูกแฟนคว้าจับเป้ากางเกงกลางคอนเสิร์ตว่าเป็นอาชญากรรมอย่างชัดแจ้ง และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับเพศใดก็ตาม
ประเด็นการใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกคุกคามได้กลายเป็นที่ถูกโต้แย้งกันแพร่หลายในโลกออนไลน์บ้านเราเช่นเดียวกัน (บรรดาตัวย่อต่างๆ) หากว่าเราต้องตอบคำถามว่า การกระทำแบบใดที่เรียกว่าไม่ล้ำเส้นจนเป็นการล่วงละเมิด ก็คงต้องเริ่มต้นที่การรู้จักให้เกียรติผู้อื่นและเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพียงเคารพสิทธิ์กันมากขึ้น หากอีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยปากยินยอม ร่างกายของพวกเค้าไม่ได้เป็นเครื่องมือตอบสนองอารมณ์ทางเพศ หรือถูกใช้สร้างเสียงหัวเราะ หากมีกระทำใดที่เราไม่พึงปรารถนาให้เกิดขึ้นกับตัวเองและคนที่รัก ก็ไม่ควรไปทำเรื่องพวกนั้นกับคนอื่น เห็นด้วยรึเปล่าคะ
The End