เรื่องฉาวสุดช็อคของชาว Hollywood ยุคทอง
candy 55 17เรามาพบกับความฉาวโฉ่แบบ Hollywood ยุคทองได้เลยค่ะ
ตำนาน rock n' roll ที่มีภรรยาวัย 13 แถมยังเป็นญาติกัน!
แต่ในปี 1957 Jerry Lee Lewis นักดนตรีชื่อดังที่สร้างเสียงกล่าวขวัญว่าอาจจะก้าวมาสูสีกับ Elvis ได้เดินทางมายังอังกฤษเพื่อเปิดการแสดง เมื่อศิลปินที่ยังหนุ่มแน่นได้ก้าวจากเครื่องบินมาพร้อมกับเด็กสาวที่ดูอ่อนเยาว์ที่มีส่วนสูงเพียง 5 ฟุต ได้ให้คำตอบกับผู้สื่อข่าวอังกฤษว่า เป็นภรรยา(คนใหม่) ของ Jerry ในเวลานั้น การหย่าร้างกับภรรยาคนที่ 2 ของเขาก็ยังไม่เสร็จสิ้นซะด้วยซ้ำ แต่ประเด็นที่สั่นสะเทือนวงการยิ่งกว่าก็คือคำถามเรื่องอายุของเธอ ซึ่งฝั่งศิลปินชื่อดังได้ให้ข้อมูลว่า ภรรยาใหม่มีอายุ 15 ปี
ช่องว่างอายุแค่เท่านั้นดูจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่คนในสังคมตั้งแง่ แต่เป็นเพราะคุณภรรยาดูเด็กซะจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสาว15 ไม่นานต่อมา สื่อได้ตามขุดคุ้ยจนพบหลักฐานว่า แท้จริงแล้ว เธอเป็นเพียงเด็กหญิงวัย 13 ปี เพิ่งจะผ่านวัยประถมมาได้ไม่นาน ในยุคนั้นอาจจะไม่มี internet แต่สังคมก็รับไม่ได้ รุมประนามพฤติกรรมของJerry อย่างหนักหน่วง แสดงคอนเสิร์ตไปได้สามรอบก็ต้องยกเลิกตารางทัวร์ที่เหลือไปทั้งหมด ส่วนอาชีพนักดนตรีก็ดิ่งไปอีกนานหลาย
Myra Gale Brown ภรรยาวัยใสของ Jerry ได้ให้กำเนิดลูกคนแรกในวัยเพียง 14 พวกเค้าใช้ชีวิตคู่กันราวๆ 13 ปีก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายฟ้องหย่า จากข้อกล่าวหาว่า Jerry มีปัญหาการดื่มเหล้าเมายา, คบชู้ และใช้ความรุนแรงกับเธอทั้งร่างกายและจิตใจ นั่นน่าจะชี้ชัดว่า หากฝ่ายหญิงไม่ถูกชักนำให้เป็น child bride และรอจนกว่าจะมีวุฒิภาวะที่พร้อมจริงๆ เธออาจจะไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์เช่นนี้
เธอเปิดเผยว่า ในสังคมที่เธอเติบโตขึ้นมา เด็กผู้หญิงต่างใฝ่ฝันอยากจะแต่งงานเป็นแม่คนกันเร็วๆ ในตอนนั้นเธอจึงไม่คิดแม้แต่น้อยว่ามันคือสิ่งต้องห้ามจนทำให้อาชีพของสามีตกต่ำ แม้แต่ Elvis Presley ราชา rock 'n' roll ก็โลดแล่นสร้างชื่อเสียเปรี้ยงปังในวงการแม้จะเดท Priscilla Beaulieu วัย14ออกหน้าออกตา แต่เมื่อ Jerryตัดสินใจเปิดตัวภรรยาที่ประเทศอังกฤษซึ่งมีค่านิยมแตกต่างออกไป สื่อก็ตั้งฉายาจอมพรากผู้เยาว์ให้
แต่ในที่สุด เขาก็หาทางกลับมาสร้างชื่อเสียงจนโด่งดังในฐานะนักดนตรีคันทรีได้! หากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนี้ เจ้าตัวคงต้องวิ่งวุ่นกับการสู้คดีล่อลวง,ล่วงละเมิดและกระทำชำเราเด็กหญิง และคงต้องใช้เวลาในคุกไปอีกนาน
นางเอก A List หลายคนถูก studio สั่งให้ทำแท้ง
เป็นที่รู้กันในวงการว่า นางเอกที่ก้าวเข้ามาเป็น superstar จะคุ้นเคยกับคำว่า 'การรับการรักษาอาการอ่อนเพลียที่โรงพยาบาล' เมื่อมีคนเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา แม้จะไม่ใช่คนวงในก็พอเดาออกว่า นางเอกที่มีภาพลักษณ์เลิศหรูที่ต้องพักงานไประยะสั้นๆนั้นได้รับคำสั่งจากผู้บริหารสตูดิโอให้ไปทำแท้งนั่นเอง!
การตั้งครรภ์จากความสัมพันธ์ผิดศีลธรรมเกิดขึ้นบ่อยจนเกือบเป็นเรื่องปกติ
แม้ว่าสังคมในสมัยก่อนจะยึดมั่นกับความอนุรักษ์นิยมมากกว่าปัจจุบัน ส่งผลให้เหล่าคนดังต้องรักษาภาพลักษณ์อันดีงามไว้ที่ฉากหน้า แต่เบื้องหลังกลับมีเรื่องราวของความสัมพันธ์ผิดศีลธรรมแบบอีรุงตุงนังกันไปหมด คนดังระดับtop จะมาพร้อมกับข่าวคราวการนอกใจคู่ของตัวเอง วงจนเกิดวงจรความสัมพันธ์เวียนวนกับการแต่งแล้วหย่าซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสุดๆในยุคนั้น สิ่งที่ตามมาคือการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เพราะมันคือช่วงเวลาที่ผู้คนยังไม่ยอมรับหรือขาดความรู้เรื่องการคุมกำเนิด หากพวกเธอตั้งครรภ์ขึ้นมาในขณะที่กำลังรุ่งสุดๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่ออาชีพจนเป็นดาวดับ แม้ว่าครั้งหนึ่ง Ingrid Bergman ที่ตั้งครรภ์กับชายชู้จะสามารถกลับมาทวงตำแหน่งนางเอกชั้นนำแห่ง Hollywood ได้ เธอก็ต้องระเห็จไปทำงานที่ยุโรปหลายปีและถูกสังคมประนามอย่างรุนแรง นั่นไม่ต่างจากการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ใช่ว่านางเอกทุกคนจะยืนหยัดฝ่าฟันกับกระแสกดดันของสังคมได้เหมือนกับ Ingrid พวกเธอไร้ทางเลือกอื่น ต้องทำแท้งตามคำสั่งของสตูดิโอ และมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายจากโรงพยาบาลจะถูกหักจากค่าแรงจากการถ่ายหนังซะด้วย
Lana Turner หนึ่งในนางเอกค่าตัวสูงสุดในยุค 40s และประสบความสำเร็จยาวนานตลอดระยะเวลา 50 ปีในวงการก็เคยผ่านประสบการณ์'รักษาอาการอ่อนเพลียในโรงพยาบาล' มาแล้ว ว่ากันว่า ชีวิตรักที่ยุ่งเหยิงกันหนุ่มคนดังมากหน้าหลายตาทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่หนักใจกับการโจมตีจากแทบลอยด์ เธอเปิดเผยการทำแท้งสองครั้ง ครั้งแรกคือการตั้งครรภ์กับอดีตสามีที่เพิ่งจะหย่าร้างกันได้ไม่นาน ส่วนครั้งต่อมาคือก็เป็นลูกที่เกิดกับพระเอกที่เธอมอบดวงใจให้แต่เขาหิ้งเธอไปหาสาวงามคนอื่น และครั้งนี้นี่เองที่กลายมาเป็นบาดแผลฝังใจ เพราะมันคือการทำแท้งโดยปราศจากการฉีดยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ หนำซ้ำยังกระทำบนเตียงในโรงแรมในระหว่างทริปโพรโมทหนังที่ Hawaii กระบวนการทำแท้งที่ทั้งไม่ปลอดภัยและเจ็บปวดนี้ทำให้แม่ของเธอต้องช่วยอุดปากไม่ให้เสียงกรีดร้องของเธอดังเล็ดรอดออกไปสู่ภายนอก!
เหตุใดการตั้งครรภ์ของนางเอกดังจึงเป็นสิ่งต้องห้าม? ในเมื่อพวกเธอมีเงินทองมากมาย ไม่สามารถคลอดลูกแล้วเรียกตัวพี่เลี้ยงมืออาชีพมาช่วยดูแลลูกเหมือนกับคนดังในยุคนี้หรืออย่างไร? เราจะให้คำตอบกับคุณค่ะ
การตั้งครรภ์ขัดกับภาพลักษณ์ที่เลิศเลอ
ภาพลักษณ์คือ key สำคัญแห่งการสร้างความสำเร็จในวงการมายา ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเหล่าคนดังจะเป็นเช่นใด พวกเค้าจำต้องนำเสนอสิ่งที่ดึงดูดใจผู้คน ซึ่งเมื่อพูดถึงHollywood ยุคทอง ทางเลือกของนางเอกมีไม่มากนัก หากไม่เป็นภาพลักษณ์อันงามสง่าดุจเจ้าหญิง ก็ต้องเป็น bombshell สุดเร่าร้อน ซึ่งส่วนมากแล้ว ผู้ใหญ่ในสตูดิโอจะถูกอกถูกใจกับหลักการตลาดแบบSex Sells มากกว่า ในสายตาของนายทุนและสังคม การตั้งครรภ์จะฉุดรั้งให้นางเอกสาวงามสูญเสียเสน่ห์ความเย้ายวนใจไป ทั้งความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์รวมถึงเสน่ห์ของสาวโสดที่ยากจะเอื้อมถึง
นอกจากนั้น แนวทางการทำงานนักแสดง Hollywoodแตกต่างกับปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง พวกเค้าไม่ได้รับงานหนังฟอร์มยักษ์แค่ปีละเรื่องสองเรื่องแล้วพักยาวๆได้เหมือนกับนักแสดงยุคโมเดิร์น แต่ต้องวิ่งวนชนงานหนังแทบไม่ว่างเว้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาขาขึ้น นักแสดงหลายคนมีผลงานหนังหลายสิบไปจนนับร้อยเรื่อง การตั้งครรภ์ของนางเอกที่ต้องปรับตัวกับบทบาทคุณแม่ รวมถึงฟิตร่างกายให้กลับมาผอมเพรียวที่จะใช้เวลานานนับปีไม่ได้ทำให้สตูดิโอประทับใจแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นการตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือเกิดจากความสัมพันธ์ผิดศีลธรรม ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับไฟเขียวจากสตูดิโอให้คลอดลูก การเลี้ยงลูกนอกสมรสยังถูกตีตราว่าเป็นสิ่งต้อยต่ำสวนทางกับภาพอันเลอเลิศของนางเอกดัง หากต้องการจะรักษาอาชีพของตัวเองไว้และเป็น 'ลูกรัก'ที่ได้รับการสนับสนุนจากนายทุนต่อไป พวกเธอจึงต้องยอมรับการทำแท้งที่ในขณะนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมายและยังไม่ปลอดภัย
อีกหนึ่ง scandal ที่สร้างเสียงโจษจัน คือ ชีวิตรักของ Ava Gardner และ Frank Sinatra ที่ผู้คนจับตามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าทั้งสองจะมีสถานะ superstar และแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่นางเอกสาวงามก็ตัดสินใจทำแท้งเพราะหวั่นเกรงต่อบทลงโทษของ MGM เธอจึงทำตัวว่าง่าย เดินทางไปทำแท้งตามที่สตูดิโอนัดหมายให้โดยที่ไม่บอกสามี เมื่อตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 เธอก็ยังตัดสินใจเช่นเดิม
Bette Davis เผยว่า เคยผ่านการทำแท้งมาสามครั้ง เรื่องชวนตกใจคือเธอต้องทำแท้งในขณะที่แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน และยังแต่งงานในวัยที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว แม้จะตั้งครรภ์ในช่วงที่เส้นทางอาชีพกำลังรุ่ง สามีกลับไม่พอใจที่อาชีพนักแสดงของเขาไม่เด่นดังเทียบเทียมเธอได้เลย สื่อยิ่งสุมไฟให้สามีภรรยาขัดแย้งกันด้วยการเยาะเย้ยว่าค่าตัวของ Bette สูงกว่าสามีนับสิบเท่า มีรายงานว่า เขาคอยบีบบังคับเธอ และไม่ยอมให้คลอดลูกที่เกิดขึ้นในระหว่างใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
การทำแท้งอีกครั้งหนึ่งเป็นผลพวงมาจากความสัมพันธ์กับ William Wyler ผู้กำกับหนัง Jezebel ที่ทำให้เธอคว้ารางวัล Oscar ในขณะนั้น เธอกำลังระหองระแหงกับสามีคนแรกจนต้องหย่าร้างในเวลาต่อมา ไม่ต่างจากนางเอกคนอื่น การตั้งครรภ์กับผู้กำกับมือทองที่เธอหลงรักหมดใจนั้นต้องลงเอยด้วยการทำแท้ง
นางเอกที่หลบเลี่ยงการทำแท้งด้วยการแอบคลอดลูกแล้วรับลูกแท้ๆของตัวเองเป็นลูกบุญธรรมในภายหลัง
นางเอกจำนวนมากที่ต้องยอมจำนนต่อระบบสุด toxic ของสตูดิโอ แต่ก็มีกรณีที่กลายมาเปHนตำนานของการยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิของความเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง เมื่อ Loretta Young พบรักกลางกองถ่ายกับ Clark Gable พระเอกทรงเสน่ห์ผู้มีภรรยาอยู่แล้ว หลังจากเผลอใจเกินเลย Loretta จึงตั้งครรภ์ขึ้นมา เธอรู้ดีแก่ใจว่าผู้ใหญ่จากสตูดิโอจะต้องบีบบังคับให้ทำแท้ง แต่ความปรารถนาจะเลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขในท้องก็ทำให้เธอคิดหาแผนการกับคนในครอบครัว และในที่สุดก็พบกับหนทางที่จะทำให้เธอรักษาลูกไว้ได้
Loretta ปล่อยข่าวว่าตัวเองเจ็บป่วยด้วยอาการลึกลับที่เป็นมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอถึงกับให้สัมภาษณ์ในขณะที่นอนบนเตียงผู้ป่วยเพื่อทำให้ดูน่าเชื่อถือ สื่อได้รับข้อมูลว่าเธอเดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อพักฟื้นร่างกาย แต่นางเอกดังถือโอกาสปลีกตัวจากวงการคลอดลูกสาวอย่างปลอดภัยและฝากทารกน้อยไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า อีก19 เดือนต่อมา เธอทำเรื่องรับJudith ลูกสาวแท้ๆมาเป็นลูกบุญธรรมได้สำเร็จ และกว่าที่ลูกสาวของเธอจะรู้ความจริง ก็ตอนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ใกล้จะเข้าพิธีวิวาห์ มีเพียงกลุ่มคนในวงการที่ได้ยินข่าวลือและสังเกตเห็นรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงของJudith และผู้ที่เป็นพ่อตามสายเลือด
เมื่อความลับที่ถูกเก็บงำไว้หลายทศวรรษถูกตีแผ่ออกมา ลูกสาวของ Loretta จึงได้รับฉายาว่า"the Secret Daughter of Hollywood" และเป็นเธอนี่เองที่ได้เปิดเผยข้อมูลสุดช็อคจากคำบอกเล่าของแม่ว่า ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจมีความสัมพันธ์ทางเพศกับ Clark Gable แต่เป็นเหตุการณ์แบบเหตุการณ์แบบ date rape จนตั้งท้องขึ้นมา!
นักแสดงเด็กที่ถูกพ่อแม่โกงเงินหลายล้าน
การทำงานร่วมกับนายทุนเขี้ยวลากดินที่จำกัดอิสระคอยบีบบังคับทุกการเคลื่อนไหวก็ว่าหนักแล้ว แต่มันคงเป็นฝันร้ายตามหลอกหลอนทั้งชีวิต หากนักแสดงได้ค้นพบว่า น้ำพักน้ำแรงจากการทำงานตั้งแต่ยังเป็นวัยไร้เดียงสาได้อันตรธานหายไปเข้ากระเป๋าพ่อแม่จนหมด แทบจะไม่เหลือให้ตั้งตัว
"เงินทุกดอลลาร์ที่เด็กหามาได้ย่อมตกเป็นของพ่อแม่จนกว่าเขาจะมีอายุครบ 21"
หากจะบอกว่านี่คือการปล้นลูกในไส้ ก็คงไม่เกินไปนัก!
Jackie ที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่เดินหน้าฟ้องร้องแม่และพ่อเลี้ยงที่ฉ้อโกงเงินไปหมด ฝ่ายแม่ยังกล้าแย้งว่า ลูกชายเป็นเด็กนิสัยแย่จึงไม่คู่ควรกับเงินหลายล้าน ทั้งสาธารณชนและศาลต่างไม่ยอมรับกับข้ออ้างนี้จนทำให้แม่แพ้คดีไปที่สุด เธอได้รับคำสั่งให้คืนเงินที่เหลือจากการถลุงให้กับลูกชาย แต่อนิจจา เมื่อหักกับค่าใช้จ่ายให้กับทนายเพื่อสู้คดีแล้ว ทรัพย์สิน 4 ล้านละลายหายไปเหลือราวๆ 126,000 เหรียญเท่านั้น ในระหว่างที่สู้คดี เขาขัดสนจนต้องขอรับความช่วยเหลือจาก Charlie Chaplin เขาต้องเริ่มต้นสร้างเนื้อสร้างตัวอีกครั้งในขณะที่ไม่ได้อยู่ในจุก peak ของอาชีพแล้ว กว่าจะกลับมาดังอีกครั้งก็เข้าสู่วัยกลางคน หลังจากพลิกมารับบท Uncle Fester แห่งThe Addams Family เวอร์ชั่น TV
scandal แม่ปล้นลูกครั้งนี้ทำให้เกิดร่างกฎหมายที่ผู้คนเรียกว่า Coogan Act หรือ Coogan Billที่เข้ามาปกป้องสิทธินักแสดงเด็กในCalifornia นั่นคือ สัญญาการทำงานที่นายจ้างจะต้องแยกเงินค่าตอบแทนอย่างน้อย 15% ในรูปแบบกองทุนให้กับนักแสดงเด็กโดยที่ผู้อื่นไม่สามารถฉกฉวยไปได้ และยังสอดส่องเรื่องการศึกษาและชั่วโมงการทำงานและสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมอีกด้วย
นักแสดงเด็กในตำนานที่ถูก abuse ทุกรูปแบบ
ยังจำฉากในซีรีส์ The Crown เมื่อดยุคแห่งWindsor อดีตกบัตริย์ที่สละราชสมบัติตั้งฉายาให้สมเด็จพระราชินี Elizabeth ว่า Shirley Temple ได้รึเปล่าคะ สาวน้อยผมหยิกน่ารักน่าชังในภาพคือดาราเด็กที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดถึงขั้นที่คณะกรรมการงานประกาศรางวัล Oscar ได้เสนอรางวัลพิเศษให้กับเธอ ในวัยเพียง 7 ขวบ ค่าตัวของเธอก็ได้พุ่งสูงไปถึงลำดับ 7 ของประเทศ ปรากฏการณ์ความสำเร็จนี้อาจจะฟังดูน่าอิจฉา
แต่ชีวิตจริงนั้นโหดร้ายกว่าความที่เราคาดคิดไว้มาก
Shirley เข้าสู่วงการแสดงหนังในวัยเพียง 3 ขวบ และที่น่าสะพรึงก็คือ ในหนัง War Babiesที่จับเอาเด็กๆมาแสดงเลียนแบบผู้ใหญ่ทั้งๆที่ใส่ผ้าอ้อม Shirley รับบทเป็นสาวบาร์กอดรัดกับเด็กผู้ชายตัวจิ๋ว และยังขอแลกจูบกับอมยิ้ม เมื่อเธอย้อนคิดถึงผลงานเรื่องนี้เมื่อได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็พบว่านี่คือการหากินกับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย เบื้องหลังการถ่ายทำยิ่งรุนแรงไปกว่า เพราะผู้ใหญ่ในกองถ่ายจะลงโทษเด็กที่ยังไม่รู้ประสาด้วยการบังคับให้เข้าไปอยู่ในกล่องที่บรรจุน้ำแข็งที่ทั้งอึดอัดน่ากลัวจากความมืดและหนาวเย็น และถูกขู่ว่า ใครนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ ก็จะถูกลงโทษหนักขึ้น
Shirley เคยถูกบังคับให้ทำงานในขณะที่เพิ่งผ่าตัดหู และแม้จะบาดเจ็บที่เท้า ก็ต้องเต้นตามคำสั่งของผู้ใหญ่ เมื่อเริ่มเติบโตเข้าสู่วัยทีน ก็ต้องพบกับ producer สุดวิตถารที่โชว์ของลับ ตามไล่จับลวนลาม กว่าจะรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ ก็ต้องยืนหยัดสู้สุดใจ
Shirley ทำงานหนักท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจติดต่อกันหลายปี จนกระทั่งเมื่อเธอก้าวสู่วัย young adult และตัดสินใจรีไทร์จากวงการในวัย 22 กลับพบว่า เงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างอย่างๆต่ำๆ 3ล้านดอลลาร์ ถูกพ่อแม่ใช้จ่ายไปเกือบทั้งหมด เหลือราวๆ 44,000 ดอลลาร์เท่านั้น นั่นฟังดูไม่เหมือนกับตัวเลขทรัพย์สินของดาราเด็กที่ถูกยกให้เป็น America's Sweetheart เอาซะเลย
ดาราเด็กหลายคนต้องพบกับความท้าทายทางอาชีพ เมื่อความเติบโตที่ได้พรากความสดใสไร้เดียงสาของเด็กไป ส่งผลให้กระแสความนิยมตกต่ำลง แม้ Shirley จะเล่นหนังมาเป็นสิบๆเรื่องก่อนที่จะเข้าสู่วัยรุ่น แต่ก็ไม่สามารถก้าวไปถึงความสำเร็จแบบ commercial ดังที่เคยทำได้ในวัยเด็ก เงินสะสมหลักล้านที่ใช้เป็นเครื่องการันตีชีวิตมั่นคงก็หมดไปจนต้องช็อค แต่เธอก็ไม่ได้แสดงแสดงความรู้สึกเคียดแค้นใจ แม้จะเหลือเงินอยู่เพียงไม่มาก เพราะเชื่อว่า พ่อฟังคำแนะนำคนอื่นมากเกินไปจนบริหารเงินผิดพลาด เธอจึงหันไปทำงานด้านอื่นๆ เช่นงานพิธีกร TV และงานการเมือง แม้จะไม่ได้รับเลือกให้ไปทำหน้าที่วุฒิสมาชิก แต่ก็ประสบความสำเร็จจนมีทรัพย์สินมากกว่ารายได้นักแสดงเกือบสิบเท่า
The End