Celebrity โต้ตอบ Body-Shaming กันแบบไหนนะ
candy 47 14การรณรงค์เพื่อสนับสนุนเรื่อง body positivity ทำให้ผู้คนมากมายในสังคมตะวันตกยึดถือ norm เพื่อต่อต้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาเช่นใด ไซส์เล็กหรือใหญ่ หากมีคำพูดเหยียดหยันหรือทำร้ายจิตใจ ก็มักจะถูกโต้กลับ ไม่เพียงแต่สังคมออนไลน์ ในชีวิตจริง เช่น .สถานที่ทำงาน ก็มีการวางมารตรการเพื่อแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงตั้งบทลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมbody-shaming แม้แต่นักเรียนที่ต้องเจ็บปวดจากการถูกเด็กวัยเดียวกัน bully หากโรงเรียนเพิกเฉยไม่แก้ปัญหา ผู้ปกครองหลายคนก็พร้อม fight นำเรื่องมาแจ้งสื่อจนกลายเป็นข่าวที่สร้างเสียงวิจารณ์เกรียวกราว บีบให้ทุกฝ่ายหาทางออกในที่สุด
หลายคนเชื่อว่า เมื่อมาถึงยุคใหม่ที่ผู้คนให้ความสำคัญกับ political correctness ในสังคมตะวันตกที่พัฒนาแล้ว ผู้คนเปิดใจยอมรับรูปลักษณ์ที่หลากหลายได้มากกว่า โดยไม่คอยยึดติดกับ beauty standards ที่เฉพาะเจาะจงแบบเดียว อย่างไรก็ตาม เรื่องของ body-shaming ก็ไม่ได้เบาบางลงจากอดีต และถ้าเค้าจะ shame กันทั้งที ก็ประจานกันแบบไม่ไว้หน้า ดังพฤติกรรมของแทบลอยด์ดังที่จัดอันดับคนดังในใส่ชุดว่ายน้ำที่มีรูปร่างดีที่สุดและแย่ที่สุดเป็นประจำทุกปี
แน่นอนว่า คนดังที่อยู่ในกลุ่มที่กลุ่มดูดีที่สุดจะต้องเป็นผู้ที่มีรูปร่างเฟิร์ม กล้ามเนื้อปรากฏชัดเจน ดูไร้ส่วนเกิน ดูเป็นเรื่องปกติของชาว Hollywood ที่จะต้องใส่ใจดูแลร่างกายให้ fit เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน หากมีภาพของความไม่สมบูรณ์แบบออกมา ไม่เพียงแต่ผู้ที่มีรูปร่างแบบ plus size ถึงจะเป็นพระเอกสูงวัยที่ไม่ได้ทุ่มเข้า gym จนมีกล้ามเป็นมัดๆ ก็ยังถูกตราหน้าว่ารูปร่างแย่ หรือยิ่งกว่านั้น แม้แต่ Jennifer Lopez ที่ถูกยกให้เป็น icon ของความงามเป็นอมตะและได้รับเสียงชื่นชมเรื่องวินัยการดูแลตัวเองก็ยังถูกวิจารณ์ว่าดูไม่เป๊ะ (จากภาพที่ผิวดูไม่เรียบ) ไม่ต่างจาก Kate Hudson ที่มีหน้าท้องตามปกติ ก็กลายเป็นเรื่องยอดแย่ขึ้นมาได้
ลองมาติดตามสิว่า คนดังจะรับมือกับเรื่อง body-shaming กันเช่นไรบ้าง
Nicola Coughlan
- เคยถูกเรียกว่าสาวเตี้ยอ้วน
- ให้สัมภาษณ์เมื่อไรก็ถูกถามเรื่องรูปร่าง
- เลือกชุดเข้าร่วมอีเวนท์ดังก็ถูกตามแขวะ
จากกระแสกดดันของ cancel culture อาจจะทำให้คุณคิดว่า body-shaming จะปรากฏในโลกออนไลน์และเป็นพฤติกรรมของนักเลงคีย์บอร์ดที่ไล่ตามจิกกัดคนอื่นเพ่อความสะใจ ไม่เช่นนั้น ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในชีวิตประจำวันซึ่งคุณอาจจะต้องรับมือกับคนที่คอยเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องรูปร่างหน้าตาของคุณโดยไม่ได้ขอร้องให้ออกความเห็น ส่วนคนที่มีหน้าที่การงานในที่แจ้งหวาดหวั่นว่าจะถูก cancel จนไม่กล้าจิกกัดใครออกสื่อให้เสียภาพลักษณ์
แต่แท้จริงแล้ว มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย
หากคุณเป็นแฟนประจำ Netflix อาจจะเคยชม Derry Girls ซีรีส์สุดฮาที่ว่าด้วยชีวิตเด็กมัธยมยุค 90sในไอร์แลนด์เหนือ การแสดงเป็นสาวน่ารักน่าหยิกแบบตีบทแตกทำให้ Nicola Coughlan แจ้งเกิดจากซีรีส์ฟอร์มเล็กเรื่องนี้ และมันได้กลายมาเป็นบันไดสู่บทบาท Penelope Featherington แห่ง Bridgerton หนึ่งในซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จระดับท็อปของ Netflix และดังที่แฟนๆได้ทราบกันแล้วว่า Penelope ยังจะไปได้อีกไกล
แต่ก่อนหน้านี้ เธอเคยถูกนักวิจารณ์ผลงานละครเวทีเรื่องรูปร่างที่'เตี้ยอ้วน' ทั้งๆที่รูปร่างของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแสดงแต่อย่างใด
ในขณะนั้น Nicola ยังไม่ใช่นักแสดงที่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง แต่เธอก็ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง ด้วยการทวีทถาม The British Theatre Guide สื่อที่นักวิจารณ์รายนั้นสังกัดว่า ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้เช่นไร และยิงคำถามต่อนักวิจารณ์อย่างไม่หวั่นเกรงว่า
"Philip Fisher ฉันรู้ว่าคุณเป็นนักวิจารณ์ละครเวทีและรูปร่างของคุณก็ไม่เกี่ยวข้องกับการงานที่คุณทำ แต่คุณอยากให้ฉัน review รูปร่างของคุณด้วยคำพูดร้ายกาจแล้วก็โพสต์ในโลกออนไลน์รึเปล่า?"
Nicola ชี้ว่า นักวิจารณ์ผู้นี้เคยเหยียดเธอว่าเป็นสาวอ้วนจากผลงานเรื่องอื่นมาแล้ว หลังจากนั้น The British Theatre Guide ได้แสดงความเสียใจและลบ review ดังกล่าวออกไป ทั้งยังยืนยันว่า นักวิจารณ์เจ้าปัญหายอมรับว่า การใช้คำพูดเหยียดหยามคือสิ่งที่ไม่ควรจะยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม คนที่เหยียดเธอก็ไม่ได้เป็นฝ่ายขอโทษแต่อย่างใด
"ฉันไม่ใช่ประเภทที่รับมือกับคำวิจารณ์ไม่เป็นค่ะ แต่ถ้าฉันอยากจะอ่านคำพูดร้ายกาจเกี่ยวกับตัวเอง ฉันก็คงไปดูตามกล่องคอมเมนท์ของวีดีโอ Derry Girls บน Youtube ก็ได้เห็นเรื่องแย่ๆสมใจ"
"แต่กรณีนี้มันแตกต่างออกไป Fisher เป็นคนทำงานมืออาชีพ เขามีหน้าที่review ผลงานของฉัน แต่กลับมาreview รูปร่างของฉัน มันยอมรับไม่ได้ค่ะ"
หลังจากสร้างชื่อใน Hollywood ด้วยบท Penelope เธอก็ยังต้องพบกับเรื่องเดิมๆ
Amanda Richards เจ้าของรายการ podcastและอดีตบรรณาธิการ InStyle และ Bustle วิพากษ์วิจารณ์ถึง fashion choice ของ Nicola ที่ใช้ร่วมงานประกาศรางวัลGolden Globesลูกโลกทองคำไว้ว่า
"สาวอ้วนจาก Bridgertonใส่คาร์ดิแกนสีดำสำหรับงานGolden Globes เพราะไม่ว่าจะดูสวยมีสไตล์แค่ไหน แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิงอ้วนก็คงคิดได้แค่ว่าจะใส่คาร์ดิแกนสีดำ จากนั้นเปลี่ยนใจไม่ใส่มัน แต่ในที่สุดก็ต้องฝืนใส่เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีความจำเป็นต้องใส่"
ใช่ค่ะ มันเป็นการวิจารณ์ที่ไม่ยอมแม้แต่จะเรียกชื่อของตัวคนที่ถูกพาดพิง และเหมารวมว่า ผู้หญิงร่างใหญ่ทั้งหลายไม่มั่นใจมากพอที่จะเปิดเผยรูปร่างจนต้องใช่คาร์ดิแกนมาปิดบังอำพราง
Nicola ไม่ได้นิ่งเฉยกับคำพูดทิ่มแทงนี้ เธอตอบกลับว่า คาร์ดิแกนดูสวยในสายตาเธอ แบรนด์อังกฤษ Molly Goddard ที่เป็นผู้ดีไซน์ชุดtulle สีเหลืองที่เธอใส่ก็จับคู่คาร์ดิแกนกับเดรสฟูฟ่องบนรันเวย์ ซึ่งลุคนั้นก็กลายมาเป็นไอเดียที่เธอเลือกและปิดท้ายประโยคแบบเชิดๆว่า
"และอีกอย่างนึง ฉันมีชื่อนะจ๊ะ"
ที่จริงแล้ว ตัวผู้วิจารณ์ก็คือสาว plus size ที่ออกตัวสนับสนุนให้สังคมการยอมรับรูปร่างที่หลากหลาย เธอไม่ได้กล่าวขอโทษต่อ Nicola เพียงแต่บอกว่า นางเอกสาวทำถูกแล้วที่ทักท้วงเธอที่ไม่เรียกกันด้วยชื่อ และแจงว่าเป็นการบรรยายความรู้สึกจากประสบการณ์ตัวเองที่คิดว่าสาวอ้วนจะต้องอำพรางสัดส่วน
อย่างไรก็ตาม เพียงเพราะว่าคุณเป็นสาวplus size นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะได้รับสิทธิ์ใช้คำพูดกดคนอื่นว่าเป็นยายอ้วนแบบนู้นแบบนี้ หรือเหมารวมว่า สาวร่างใหญ่ทุกคนต้องคิดเหมือนกัน เพราะมันไม่ได้ฟังสร้างสรรค์ ทั้งๆที่มีผู้คนกดlikeให้กับลุคนี้ของ Nicola เกินสองแสนครั้ง และมีคอมเมนท์ชื่นชมเยอะแยะ แต่ต้องถูกบั่นทอนจิตใจจาก เพราะถูกมองว่าเป็นแค่ 'สาวอ้วนจาก Bridgerton'
"สาวอ้วนจาก Bridgertonใส่คาร์ดิแกนสีดำสำหรับงานGolden Globes เพราะไม่ว่าจะดูสวยมีสไตล์แค่ไหน แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิงอ้วนก็คงคิดได้แค่ว่าจะใส่คาร์ดิแกนสีดำ จากนั้นเปลี่ยนใจไม่ใส่มัน แต่ในที่สุดก็ต้องฝืนใส่เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีความจำเป็นต้องใส่"
ใช่ค่ะ มันเป็นการวิจารณ์ที่ไม่ยอมแม้แต่จะเรียกชื่อของตัวคนที่ถูกพาดพิง และเหมารวมว่า ผู้หญิงร่างใหญ่ทั้งหลายไม่มั่นใจมากพอที่จะเปิดเผยรูปร่างจนต้องใช่คาร์ดิแกนมาปิดบังอำพราง
Nicola ไม่ได้นิ่งเฉยกับคำพูดทิ่มแทงนี้ เธอตอบกลับว่า คาร์ดิแกนดูสวยในสายตาเธอ แบรนด์อังกฤษ Molly Goddard ที่เป็นผู้ดีไซน์ชุดtulle สีเหลืองที่เธอใส่ก็จับคู่คาร์ดิแกนกับเดรสฟูฟ่องบนรันเวย์ ซึ่งลุคนั้นก็กลายมาเป็นไอเดียที่เธอเลือกและปิดท้ายประโยคแบบเชิดๆว่า
"และอีกอย่างนึง ฉันมีชื่อนะจ๊ะ"
ที่จริงแล้ว ตัวผู้วิจารณ์ก็คือสาว plus size ที่ออกตัวสนับสนุนให้สังคมการยอมรับรูปร่างที่หลากหลาย เธอไม่ได้กล่าวขอโทษต่อ Nicola เพียงแต่บอกว่า นางเอกสาวทำถูกแล้วที่ทักท้วงเธอที่ไม่เรียกกันด้วยชื่อ และแจงว่าเป็นการบรรยายความรู้สึกจากประสบการณ์ตัวเองที่คิดว่าสาวอ้วนจะต้องอำพรางสัดส่วน
อย่างไรก็ตาม เพียงเพราะว่าคุณเป็นสาวplus size นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะได้รับสิทธิ์ใช้คำพูดกดคนอื่นว่าเป็นยายอ้วนแบบนู้นแบบนี้ หรือเหมารวมว่า สาวร่างใหญ่ทุกคนต้องคิดเหมือนกัน เพราะมันไม่ได้ฟังสร้างสรรค์ ทั้งๆที่มีผู้คนกดlikeให้กับลุคนี้ของ Nicola เกินสองแสนครั้ง และมีคอมเมนท์ชื่นชมเยอะแยะ แต่ต้องถูกบั่นทอนจิตใจจาก เพราะถูกมองว่าเป็นแค่ 'สาวอ้วนจาก Bridgerton'
Nicola ยังขอร้องต่อสื่อให้หยุดไถ่ถามเรื่องน้ำหนักของเธอ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด เมื่อนึกถึงตอนที่เธอได้ดูสัมภาษณ์คนดังเมื่อ 10 ปีก่อน ก็ทำให้หลายคนรู้สึกว่ามันเป็นคำถามไม่เหมาะสมแล้ว แต่ทุกวันนี้มันก็ยังเกิดขึ้นไม่เปลี่ยน
"ทุกครั้งที่ฉันถูกถามเรื่องรูปร่างในการสัมภาษณ์ มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่งและมันน่าเสียใจที่ฉันไม่สามารถพูดแต่เรื่องงานที่ตัวเองรักมากมายได้เท่านั้น"
เธอชี้ว่า การเอาแต่ตั้งคำถามเรื่องรูปร่างต่อผู้หญิงก็เหมือนกับการถอยหลังลงคลอง ทั้งๆที่ช่วยกันสนับสนุนให้ยอมรับความหลากหลายมาได้เป็นอย่างดี และยังออกตัวว่าเธอไม่ได้เป็นนักเคลื่อนไหวด้านbody-positivity จากอาชีพนักแสดง หากมีบทบาทสำคัญที่ได้รับคำเรียกร้องให้ลดหรือเพิ่มน้ำหนัก เธอก็จะทำ
"ร่างกายของฉันคือเครื่องมือที่ฉันใช้ถ่ายทอดเรื่องราว ไม่ใช่สิ่งที่เป็นคำนิยามของตัวตนฉันค่ะ"
Florence Pugh
- ได้รับเสียงชื่นชมล้นหลามว่าเป็นนางเอกเปี่ยมพรสวรรค์ แต่ถูกนักวิจารณ์หนังจิกว่าต้นขาใหญ่
- ถูกสั่งให้ลดน้ำหนักเพื่อรับบทหนังตั้งแต่เป็นวัยทีน
- ยึดมั่นในตัวตนจน Scarlett Johansson ชื่นชม
ฝีมือการแสดงของนางเอกสาวชาวอังกฤษผู้นี้ทำให้เธอเฉิดฉายมาตั้งแต่วัยรุ่นกลายมาเป็นนางเอกสายรางวัลทั้งๆที่ไม่ได้จบเอกการแสดงจากacting school ชื่อเสียงเก่าแก่เหมือนกับนักแสดงร่วมชาติอีกหลายคน จะเปรียบว่าเธอเป็นสาวมหัศจรรย์ก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงแต่จะเคยเข้าชิงOscar ตั้งแต่อายุ 24 และได้รับฉายาว่า Kate Winslet คนต่อไป ผลงานในหนังMarvelฟอร์มยักษ์ของก็มีสร้างกระแสตอบรับที่ดีจนได้ไปต่อในซีรีส์ เรียกว่ารุ่งจนฉุดไม่อยู่
แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามารับบทนักมวยปล้ำสาวใน Fighting With My Family ที่ได้รับคะแนนreview จากนักวิจารณ์หนังแบบสวยงาม จากจากการรับบทที่สร้างขึ้นมาจากชีวิตของ Paige อดีตนักมวยปล้ำแห่ง WWE ที่มีตัวตนในชีวิตจริงทำให้ Florence รับเสียงชื่นชมว่าเป็นแรงดึงดูดของหนังอย่างแท้จริง แม้จะเป็นหนังฟอร์มเล็ก แต่ก็ทำกำไรไปสมน้ำสมเนื้อ
แต่น่าสะท้อนใจ ที่นักวิจารณ์หนังมืออาชีพ (ที่เป็นผู้หญิง) กลับเจาะจงวิจารณ์ต้นขาของเธอซะได้
Charlotte O'Sullivan จาก Evening Standard บรรยายว่า จากการแสดงบทเขย่าขวัญสุดสะพรึงในThe Falling และ Lady Macbeth Florence ได้เผยถึงความสามารถด้านการแสดงแนวตลกได้แบบไม่ต้องปรุงแต่ง'ด้วยต้นขาอันอวบอ้วน'
เธอยังเจาะจงว่า ต้นขาของ Paige นักมวยปล้ำสาวผู้เป็นต้นแบบดูเรียวเล็กกว่าต้นขา Florence มาก แม้จะพูดชมต่อว่า เมื่อสาวต้นขาใหญ่แบบ Florence เล่นบทนี้ได้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องความงามในอุดมคติของผู้หญิง แต่นั่นก็ทำให้หลายคนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจว่า นักวิจารณ์รายนี้จะขยายความเรื่องไซส์ต้นขาของนางเอกไปเพื่ออะไรกันนะ?
Florence ไม่ได้ตอบโต้แบบเกรี้ยวกราด เธอเพียงแต่ชี้ให้เห็นว่า การพร่ำพูดเรื่องต้นขาอวบใหญ่ของเธอนั้นไม่ได้สนับสนุนให้วงการ Hollywood ยอมรับรูปร่างและไซส์ทุกรูปแบบ และที่จริงมันคือต้นเหตุของปัญหา เธอได้แต่หวังว่าผู้ชมจะได้อะไรจากหนังมากกว่าขนาดเส้นรอบต้นขาของเธอ
"ไม่มีใครเคืองกับคำว่าอวบอ้วนหรอกค่ะ ไม่ว่าจะใช้มันในแง่บวกหรือแง่ลบก็ตาม ในการวิจารณ์หนังมันไม่ได้มีความจำเป็นที่จะมาเจาะประเด็นว่าสัดส่วนร่างกายของฉันมันเล็กหรือมันใหญ่ขนาดไหน การแสดงความเห็นแบบนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมความเข้าใจ แต่มันเป็นการขยายความในสิ่งที่ไม่สำคัญ คนอื่นถึงรู้สึกแย่กัน"
ไม่เพียงแต่ชาว Twitter จะโจษจันกันอื้ออึง แต่อดีตนักมวยปล้ำสาวสวยผู้เป็นต้นแบบของบทนางเอกก็ยังออกอาการสะพรึงเมื่อได้รู้ว่า Florence ถูกจับผิดเรื่องขนาดต้นขา
"ไม่มีใครเคืองกับคำว่าอวบอ้วนหรอกค่ะ ไม่ว่าจะใช้มันในแง่บวกหรือแง่ลบก็ตาม ในการวิจารณ์หนังมันไม่ได้มีความจำเป็นที่จะมาเจาะประเด็นว่าสัดส่วนร่างกายของฉันมันเล็กหรือมันใหญ่ขนาดไหน การแสดงความเห็นแบบนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมความเข้าใจ แต่มันเป็นการขยายความในสิ่งที่ไม่สำคัญ คนอื่นถึงรู้สึกแย่กัน"
ไม่เพียงแต่ชาว Twitter จะโจษจันกันอื้ออึง แต่อดีตนักมวยปล้ำสาวสวยผู้เป็นต้นแบบของบทนางเอกก็ยังออกอาการสะพรึงเมื่อได้รู้ว่า Florence ถูกจับผิดเรื่องขนาดต้นขา
Florence เล่าว่า เมื่อยังเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่อ่อนประสบประสบการณ์ก็เคยเชื่อว่า เป็นเรื่องปกติในวงการ Hollywood ที่ต้องทำตามคำสั่งของนักสร้างหนังที่ต้องการให้เธอลดน้ำหนัก แต่ก็เรียนรู้ว่า ไม่อยากจะต้องเจออะไรแบบนั้นอีก เธอจึงตัดสินใจว่า ต่อไปทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ ถ้าเธออยากจะมีรูปร่าง fit ก็จะลงมือทำเอง แต่ถ้าไม่อยากเปลี่ยนแปลง เธอก็จะไม่ทำ แม้แต่บท Yelena ใน Black Widow เธอก็ต่อรองกับทีมว่า จะไม่ยอมให้มีการติดตามเช็ครูปร่างของเธอว่าดูดีตามเป้าแล้วหรือไม่ แม้แต่เรื่องโภชนาการ เธอก็ไม่ได้ร่วมกินอาหารฝีมือเชฟร่วมกับScarlett แต่บงมือทำอาหารมากินเอง (นักแสดงหลายคนจ้างเชฟหรือนักโภชนาการมาทำหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารสุขภาพเพื่อเป้าหมายในการคุมน้ำหนัก)
ความมาดมั่นของ Florence ทำให้ Scarlett เอ่ยปากด้วยความชื่นชมว่า
"ถ้าย้อนกลับไปตอนที่อายุเท่ากัน ฉันอยากจะมีความมั่นใจได้เหมือนกับเธอจังค่ะ เธอมั่นใจเรื่องรูปร่างและมีความนับถือตัวเองมาก แค่ได้ฟังเธอพูดเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า ความมั่นใจในความเชื่อและความปรารถนาของตัวเรานั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน"
Charlie Puth
- ถูกวิจารณ์ว่าหุ่นไม่ฟิตเพราะไร้กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลูกๆ
ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงที่ต้องเจอเรื่อง body- shaming...
แฟนๆของ Charlie Puth มักชื่นชมว่าเขาเป็นหนึ่งในศิลปินหนุ่มที่มีรูปลักษณ์น่าดึงดูดใจ และมันอาจจะทำให้หลายคนต้องงุนงงเมื่อมีผู้วิจารณ์ภาพตอนที่เจ้าตัวกำลังเดินออกจาก gym แบบเปลือยท่อนบนว่า 'ดูไม่ fit' บ้างก็บอกว่า 'ดูเหมือนคนผอมที่มีส่วนเกิน' หรือแม้กระทั่งเยาะว่า 'หุ่นเผละเพราะน้ำหนักขึ้นช่วงกักตัว'
ถึงกับปรี๊ดจนต้องโต้กลับผ่าน social mediaว่า มันไม่เจ๋งเอาซะเลยที่จะ body shame คนอื่น ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร และประชดว่า
"โทษทีนะที่ไม่มี 8 pack ให้ตายเหอะ"
นอกจากแฟนๆจะรีบยืนยันว่า เขาทั้งดูดีและดึงดูดใจมากมายอยู่แล้ว ไม่ควรปล่อยให้ hater ทำความรำคาญใจ หนุ่มๆอีกหลายคนก็ได้เผยว่า เคยพบกับเรื่องแบบเดียวกันมาก่อน เพียงเพราะไม่ได้มีกล้ามใหญ่ล่ำ ก็ถูกจิกว่าดูแย่ ไม่แข็งแรง ไม่มีเสน่ห์สมชาย
Taylor Swift
- ไม่ว่าเป็นช่วงที่มีหุ่นเหมือนนางแบบหรืออวบมีน้ำมีนวลขึ้นก็ถูกจิกไม่ปล่อย
- เคยถูกปล่อยข่าวว่าเป็นคุณแม่วัยทีนเพราะหน้าท้องดูไม่เรียบแบน เกิดเป็นความฝังใจจนมีอาการ eating disorder
กรณีของ Taylor Swift น่าจะทำให้หลายคนได้ตระหนักว่า ถึงจะพยายามเปลี่ยนตัวเองเช่นไร ก็ไม่สามารถทำให้คนทั้งโลกพอใจไปทั้งหมดได้ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามที่ถูกมองด้วยสายตาชื่นชมปนอิจฉา แต่ก็ถูกค่านิยมสังคมกดดันจนอาจจะป่วยใจ ไม่ว่าจะมีรูปร่างผอมบางไม่ต่างจาก supermodel หรือรูปร่างที่มีเนื้อหนังก็ตาม
หลังจากเปิดเผยว่ามีอาการ eating disorder นักแสดงตลกชื่อดังก็ประกาศขอโทษที่เคย body-shame Taylor
หลายปีที่ Taylor สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากผลงานดนตรีที่ประสบความสำเร็จจนเป็นปรากฏการณ์ เธอต้องเจอทั้งชาวเน็ทรวมถึงคนร่วมวงการบันเทิงจิกกัดเรื่องความผอม ยิ่งเมื่อคบหากับเพื่อนสาวนางแบบหรือที่ถูกเรียกว่า the squad เธอยิ่งถูกโจมตีหนัก โดยเฉพาะคำกล่าวหาว่า สร้างตัวอย่างแย่ๆกับเด็กสาวมากมายที่รักใคร่บูชาเธอ ดังที่ Demi Lovato โจมตี Taylor และกลุ่มเพื่อนสาวว่า ไม่มีใครที่มีรูปร่างแบบปกติเลย และมันเป็นภาพลักษณ์จอมปลอมที่ทำให้ผู้คนหลงเชื่อไปว่า พวกเค้าควรจะมีรูปร่างแบบเดียวกัน
แต่เมื่อ Taylor ได้เปิดเผยผ่าน Netflix Documentary ว่าเคยมีอาการ eating disorder จากแรงกดดันที่ทำให้ตัวเองยึดติดว่าต้องผอมเพรียวบาง หลายฝ่ายก็ได้แสดงความเห็นจากมุมมองที่แตกต่างออกไป ดัง Nikki Glaser นักแสดงตลกstand-up ชื่อดังที่รู้สึกผิดที่เคยล้อเลียน Taylor และเพื่อนๆนางแบบเรื่องความผอม ทั้งๆที่ตัวเธอเองก็ป่วยเป็น anorexia และเคยรู้สึกย่ำแย่เพราะมีคนจิกกัดว่าตัวเองผอมเกินไปมาแล้วเช่นกัน เธอยอมรับว่า ที่พูดจาแย่ๆออกไปก็มาจากความรู้สึกอิจฉา และความปรารถนาทีจะเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสาวหุ่นผอมของ Taylor บ้าง
TaylorตอบรับคำพูดขอโทษยืดยาวของNikkiด้วยคำขอบคุณ เธอชี้ว่า จุดประสงค์ในการถ่ายทำ documentary ก็เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนเรียนรู้ เติบโตขึ้น จากวันเวลาที่ทำให้แนวคิดเปลี่ยนแปลงไป เธอยังแสดงความเสียใจกับตลกสาวที่ต้องต่อสู้กับ eating disorder เช่นกัน และส่งกอดให้กำลังใจกลับคืน
ปัจจุบัน Taylor ได้ปล่อยวางกับเรื่อง body image ไปพอสมควร ไม่กี่ปีก่อนที่เผยรูปลักษณ์ที่แปลกตาไป รูปร่างที่ดูมีเนื้อมีหนัง ไม่ได้ดูเป็น supermodel เหมือนในอดีตทำให้มีคนหันมา fat-shame เธออย่างสนุกสนาน แต่ Taylor ไม่ได้รีบลดน้ำหนัก เธอมุ่งหน้าสร้างผลงานดนตรีที่ประสบความสำเร็จล้นหลามต่อ โดยที่ยืนยันหนักแน่นว่า เธอเรียนรู้ที่จะยุติความเกลียดชังไขมันในร่างกาย และยอมรับว่า มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก็มีข้อดี ทั้งมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ผมมีประกายเงางาม และมีพลังมากกว่าเก่าอีด้วย
ช่วงที่เธอมีปัญหา eating disorder เธอกินน้อยมาก หรืออดไปเลย และออกกำลังกายหนักถึงขั้นที่แทบเป็นลมกลางเวทีการแสดง จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเริ่มหมกมุ่นกับความผอมมาจากภาพจากแทบลอยด์ที่กล่าวหาว่า เธออาจจะตั้งครรภ์ในวัยเพียง 18 ปี เพียงเพราะเธอใส่ชุดที่บางมุมดูแล้วหน้าท้องไม่เรียบแบน แต่ทำให้ถูกปล่อยข่าวว่าท้องกับJoe Jonas แฟนเก่าที่คบกันเพียงไม่นาน
(ทุกวันนี้ เซเลบสาวหลายดังลุกขึ้นมาโต้กลับพวกสื่อที่ขายข่าวว่าพวกเธอตั้งครรภ์ด้วยการเดาสุ่มจากไซส์หน้าท้อง และถือว่า การจับผิดเรื่อง 'ท้องหรือไม่ท้อง' คือ body-shaming แบบหนึ่ง)
(ทุกวันนี้ เซเลบสาวหลายดังลุกขึ้นมาโต้กลับพวกสื่อที่ขายข่าวว่าพวกเธอตั้งครรภ์ด้วยการเดาสุ่มจากไซส์หน้าท้อง และถือว่า การจับผิดเรื่อง 'ท้องหรือไม่ท้อง' คือ body-shaming แบบหนึ่ง)
Camila Cabello
- เมื่อใส่ bikini และชุดเผยหน้าท้องก็ถูก fat-shameกลายเป็น viral มาแล้วหลายครั้ง
- จากที่เคยเจ็บปวด ก็ค้นพบเส้นทางself-love
ช่วงไม่นานมานี้ Camila กลายมาเป็นหนึ่งใน popstar ชื่อดังที่ถูกพาดหัวข่าวเรื่องรูปร่างมากที่สุด รูปร่างที่'ไม่ผอมบาง'เธอคือประเด็นสร้างเสียงถกเถียงในสังคมออนไลน์ เพราะในขณะที่เซเลบอีกหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ paparazzi คอยติดตามถ่ายภาพจากมุมไม่สวยมาขายสื่อ นักร้องสาวละติน่ากลับดูไม่หวาดหวั่นที่ต่อการใช้ชีวิตไปตามปกติ แม้จะรู้ตัวว่าเหล่าตากล้องย่อมนำภาพรูปร่างที่มีส่วนเกินของเธอไปขายสื่อ และแน่นอนว่า สิ่งที่ตามมาคือ body-shaming ที่ทะลักทลายราวกับสึนามิไซเบอร์
ฝากไว้ให้ครุ่นคิด fake is the new real!
ตอนแรกที่เธอได้เห็นหัวข้อข่าวว่ามีคนรุม body- shaming ก็รู้สึกจิตตกอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ที่จริง ความรู้สึกแรกที่แว้บขึ้นมาคือเสียเซลฟ์ไปเลยค่ะ ลองนึกถึงภาพพวกนั้นดูสิ โอ ไม่นะ นั่นมันเซลลูไลท์ ตอนนั้นฉันไม่ได้แขม่วหน้าท้องซะด้วย แต่ฉันก็มาคิดได้ว่า ภาพมันมาจากมุมกล้องแย่ๆ ร่างกายของฉันไม่ได้สร้างมาจากหิน ไม่ได้มีแต่กล้ามเนื้ออย่างเดียว"
Camila ยืนยันว่า เรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นที่สุด ก็คือ เหล่าเด็กหญิงที่เติบโตขึ้นมากับโลกแห่งการรีทัชปรับแต่งรูปลักษณ์ ทั้งๆที่โลกพวกเค้าสาะหาความสมบูรณ์แบบนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ทุกคนต่างโฟโต้ช็อปจนหลงคิดไปว่านี่คือโลกแห่งความจริง เคยชินกับการแต่งภาพรูปร่างและผิวพรรณจนเอามาเป็นบรรทัดฐานตัดสินกัน กลายเป็นว่า ความจอมปลอมถูกยึดถือเป็นความเป็นจริงไปแล้ว
Camila ยืนยันว่า เรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นที่สุด ก็คือ เหล่าเด็กหญิงที่เติบโตขึ้นมากับโลกแห่งการรีทัชปรับแต่งรูปลักษณ์ ทั้งๆที่โลกพวกเค้าสาะหาความสมบูรณ์แบบนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ทุกคนต่างโฟโต้ช็อปจนหลงคิดไปว่านี่คือโลกแห่งความจริง เคยชินกับการแต่งภาพรูปร่างและผิวพรรณจนเอามาเป็นบรรทัดฐานตัดสินกัน กลายเป็นว่า ความจอมปลอมถูกยึดถือเป็นความเป็นจริงไปแล้ว
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า Camila ถูกจับผิดหนักขึ้นหลังจากที่เปิดเผยความรักกับ(อดีต)แฟนหนุ่มผู้หล่อเหลา เธอต้องเผชิญกับเสียงเย้ยหยันว่าไม่สวยหรือไม่มีรูปร่างร้อนแรงคู่ควรจะควงกับผู้ชายที่มีคนมากมายหมายปองอยากจะสัมผัสใกล้ชิดอย่าง Shawn Mendes ชาวเน็ทหลายคนพ่นความเห็นรุนแรงทำร้ายฝ่ายหญิงราวกับเชื่อมั่นอย่างหมดใจว่า ความสัมพันธ์ของคู่รักจะมั่นคงอยู่ได้มาจากพื้นฐานเรื่องรูปร่างหน้าตาเพียงเท่านั้น เรื่องอื่นไม่ต้องให้ค่า!
หรือจริงๆแล้ว.. คนเหล่านั้นอาจจะสร้างกฎในโลกสมมุติขึ้นมาว่า หากผู้หญิงคนไหนมีแฟนหนุ่มสุด hot แบบ Shawn ส่วนเกินและเซลลูไลท์คือสิ่งต้องห้าม เมื่อละเมิดกฎก็ต้องได้รับการลงทัณฑ์จากสังคมออนไลน์โดยไร้สิทธิ์เรียกร้องความเป็นธรรม
ฟังดูแล้วมีวุฒิภาวะมากแค่ไหน คุณคงรู้ดีแก่ใจ
เป็นแค่คนธรรมดาที่มีหน้าท้อง และไม่ต้องคอยปิดบังส่วนเกินตลอดเวลา
เมื่อถูกจิกกัดเรื่องรูปร่างอย่างไม่ปราณี Camila ก็จัดเต็มด้วยการโชว์หน้าท้องผ่าน TikTokซะเลย เธอประกาศว่า ตัวเองก็เป็นคนธรรมดาที่มีส่วนเกินและเซลลูไลท์ ตอนออกกำลังก็ไม่ต้องคอยพรางพุงหรือแขม่ว ถึงจะเจอคำพูดทำร้ายจิตใจ แต่ก็เตือนสติตัวเองว่า ถึงจะถูกถ่ายภาพหรือมีคนพูดถึงแบบไหน เธอก็จะเป็นคนกำหนดเส้นทางของตัวเอง
เธอเล่าว่า หลังจากแชร์วีดีโอนี้ออกไป มีผู้หญิงหลายคนได้เข้ามาพูดคุยเพื่อเผยความรู้สึกประทับใจเพราะมันสะท้อนถึงประสบการณ์ของพวกเธอเช่นกัน
"ถึงคุณจะออกกำลังกายวันละหลายชั่วโมงและไม่มีวันจะกินคาร์บ แต่นั่นไม่ใช่การใช้ชีวิตแบบเดินทางสายกลาง มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ"
"ฉันจะแต่งตัวอะไรก็ได้ที่ต้องการ ถ้าพวก paparazzi มาดักถ่ายภาพ มันก็คงแย่ แต่ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางของตัวเองไปซะหมดรูป การต่อสู้ฟาดฟันกับร่างกายตัวเองมันตกสมัยเป็นซีซันก่อนไปแล้วค่ะ อย่าเอาแต่กังวลว่าใครจะออกความเห็นยังไงเลย"
ความสัมพันธ์ของ Camila และ Shawn อาจจะถึงทางตันจนตัดสินใจเลิกรากัน แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า Shawn เคยยกให้เธอเป็นแรงใจสำคัญที่ทำให้เขา ลดความหมกมุ่นเรื่องรูปลักษณ์ลงไป จากเดิมที่เคยนอนไม่กี่ช่วโมงเพราะพะวงกับการตื่นเช้ามาออกกำลังกาย เพราะหวั่นเกรงว่า หากไม่ทุ่มเทออกให้รูปร่างดูดีก็จะสูญเสียการสนับสนุนจากแฟนๆไป แต่ความความมั่นใจและความชัดเจนของ Camila ก็ทำให้เขาเปลี่ยนมุมมองจนผ่อนคลายมากขึ้น ส่วน Camila เอง ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Shawn เมื่อเธอเกิดความวิตกกังวลจนหยิบอาหารกินเพื่อปลอบประโลมใจโดยไม่รู้ตัวจนรู้สึกปวดท้องคลื่นไส้ เขาก็จะรับฟังและช่วยให้เธอสงบใจโดยไม่ต้องหยิบอาหารเข้าปาก
(ต่างฝ่ายต่างเป็นกำลังใจฝ่าฟันอุปสรรคมาถึงขนาดนี้ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่แฟนๆเสียดายและใจหายกับการแยกทางของพวกเค้าจริงๆ )