เปิดประตูสู่อีกขั้นของเรตินอลด้วย Texture Matters /Retinol Night Resurfacing Serum/
Wanviset 44 19 WITH <strong>Texture Matters</strong> / ร่วมงานรีวิวกับแบรนด์ :)
หากเพื่อนๆ ได้ติดตามบูมน่าจะพอเห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่อง Anti-Aging ที่เราไว้ใจมากที่สุดคือกลุ่ม Vitamin A ที่มีงานวิจัยรองรับและสนับสนุนอย่างยาวนาน ซึ่งตัวเราเองก็ใช้มาหลากหลายฟอร์ม และแน่นอนว่าเราเองก็ไม่ได้เอาอยู่ทุกไอเทม บางอันก็บ้งจนเสียเวลากู้ผิวนานหลายสัปดาห์เลยหละ แต่ล่าสุดทางแบรนด์ Texture Matters ได้ส่ง Retinal + MultiSal Retinol Night Resurfacing Serum มาให้เราลองใช้ และก็ได้สร้างความประทับจิตประทับใจให้เราอยู่ไม่น้อยเลยหยิบมาแชร์ให้ได้ชมกันฮะ
ก่อนอื่นเราขอเกริ่นเรื่อง Vitamin A ให้เพื่อนๆ เห็นภาพซักเล็กน้อย โดยเจ้าวิตามินเอที่เราเรียกๆ กันอยู่นี้เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มในกลุ่มเบต้าแคโรทีน ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนาวในด้านการลดการอักเสบของสิว ลดการอุดตันรูขุมขน กระตุ้นกระบวนการ Turnover ของเซลล์ผิว รวมถึงมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งสามารถแบ่งชัดๆ เป็น 2 รูปแบบได้แก่ :
ก่อนอื่นเราขอเกริ่นเรื่อง Vitamin A ให้เพื่อนๆ เห็นภาพซักเล็กน้อย โดยเจ้าวิตามินเอที่เราเรียกๆ กันอยู่นี้เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มในกลุ่มเบต้าแคโรทีน ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนาวในด้านการลดการอักเสบของสิว ลดการอุดตันรูขุมขน กระตุ้นกระบวนการ Turnover ของเซลล์ผิว รวมถึงมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งสามารถแบ่งชัดๆ เป็น 2 รูปแบบได้แก่ :
- Retinoic acid ที่อยู่ในรูปแบบของยาและเป็นฟอร์มดั้งที่สามารถออกฤทธิ์ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปร่าง จึงเป็นฟอร์มที่ออกฤทธิ์ได้ไวและทรงประสิทธิภาพ แต่ก็มีโอกาสก่อการระคายเคืองแก่ผิวที่มากที่สุด ดังนั้นควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- อนุพันธ์ของวิตามินเอ อาทิ Retinyl esters, Retinol และ Retinaldehyde(Retinal) สารเหล่าจัดอยู่ในรูปแบบเครื่องสำอางค์ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาดและล้วนต้องอาศัยเอนไซม์ในชั้นผิวเปลี่ยนให้เป็น Retinoic acid ก่อนออกฤทธิ์ได้ โดยมีลำดับขั้นในการเปลี่ยนรูปแบบดังนี้ retinyl esters → retinol → retinaldehyde → retinoic acid
The Claim
Texture Matters Retinal + MultiSal Retinol Night Resurfacing Serum (30ml./890.-) : ทางแบรนด์เคลมว่าเซรั่มขวดนี้ตอบโจทย์ในเรื่อง "ลดสิว สิวอุดตัน ผิวไม่เรียบ รอยดำ ริ้วรอย เพิ่มผิวแน่นฟู ดูอ่อนเยาว์" โดยเลือกใช้ส่วนผสมตัวชูโรงอย่าง Retinaldehyde(Retinal) อนุพันธ์วิตามินเอที่ทรงประสิทธิภาพและออกฤทธิ์ได้ไวกว่า Retinol ถึง 11 เท่าแถมยังไม่มีสารที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันหรือระคายเคืองอย่าง Silicone, Alcohol, Paraben, Mineral Oil, Colorant และ Fragrance
Texture / Scent / Packaging
ในด้าน Packaging(บรรจุภัณฑ์) ทางแบรนด์เลือกใช้เป็นขวดปั๊มพลาสติกสีทึบ ช่วยคงประสิทธิภาพของสารได้ยาวนานขึ้น และส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างชอบเพราะนอกจากจะช่วยลดการปนเปื้อนได้ดีแล้ว ยังทำให้คุมปริมาณผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นด้วย
ด้าน Texture(เนื้อสัมผัส) เป็นเนื้อเซรั่มสีขาวที่มีความบางเบา เกลี่ยค่อนข้างง่ายและซึมเข้าสู่ผิวได้ไว ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะเอาไว้บนผิวและที่ถูกใจเราอีกจุดคือเรื่อง Scent(กลิ่น) เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมให้ต้องลุ้นว่าจะแพ้ไหมหรือกลิ่นจะโอเคหรือเปล่าด้วย
Active Ingredients
และก็มาถึงสิ่งที่พีคที่สุดอย่าง Active Ingredient ซึ่งทางแบรนด์ใส่มาไม่ยั้งไม่ว่าจะเป็น อนุพันธ์วิตามินเออย่าง 0.1% Retinaldehyde ซึ่งออกฤทธิ์ได้ไวกว่ารูปแบบอื่นๆ คาดหวังผลในเรื่องการลดสิว รอยดำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี ทำงานร่วมกับ 0.5% MultiSal® Retinol ซึ่งเป็น Retinol ที่ถูกห่อหุ้มอยู่ใน Microsphere ที่มีความเสถียรค่อนข้างสูงและค่อยๆ ออกฤทธิ์อย่างช้าๆ ทำให้ระคายเคืองผิวได้น้อยและเสริมประสิทธิภาพกับ Retinaldehyde ในการกระตุ้น Cell Turnover และการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้อย่างลงตัว
แถมยังได้ MultiEx BSASM™สารสกัดจากธรรมชาติถึง 7 ชนิด ช่วยปรับผิวเนียนเรียบลดการอักเสบ-ลดการระคายเคืองของผิว พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ เสริมทัพด้วย Hydagen® Aquaporin 5% ซึ่งเป็นสารประกอบคาร์โบไฮเดรตธรรมชาติ ที่มีโครงสร้างคล้ายสารธรรมชาติในผิวหนัง ช่วยมอบความชุ่มชื้นผิวทันทีที่ทา ช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้ยาวนานและลดอัตราการสูญเสียน้ำในชั้นผิวได้เป็นอย่างดี
แถมยังได้ MultiEx BSASM™สารสกัดจากธรรมชาติถึง 7 ชนิด ช่วยปรับผิวเนียนเรียบลดการอักเสบ-ลดการระคายเคืองของผิว พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ เสริมทัพด้วย Hydagen® Aquaporin 5% ซึ่งเป็นสารประกอบคาร์โบไฮเดรตธรรมชาติ ที่มีโครงสร้างคล้ายสารธรรมชาติในผิวหนัง ช่วยมอบความชุ่มชื้นผิวทันทีที่ทา ช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้ยาวนานและลดอัตราการสูญเสียน้ำในชั้นผิวได้เป็นอย่างดี
Result...
การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Retinoids นั้นโดยปกติแล้วจะแนะนำให้เริ่มจากความเข้มข้นต่ำๆ และความถี่น้อยๆ แล้วค่อยไต่ลำดับขึ้นไปจนสามารถทาได้ทุกคืนโดยไม่ก่อให้ผิวเกิดการระคายเคือง แต่ด้วยความที่เราใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้เป็นประจำอยู่แล้วเราจึงสามารถ Continue ต่อได้เลยโดยไม่ต้องไต่ Steps ซึ่งหลังจากที่เราทา Texture Matters /Retinol Night Resurfacing Serum/ เป็นประจำก่อนนอนทุกคืนมาประมาณ 2 สัปดาห์พบว่า...
อาการอักเสบของสิวบริเวณแก้มลดลงอย่างเห็นได้ชัดเหลือทิ้งไว้แค่รอยแดงจางๆ บนผิว รวมถึงสิวอุดตันที่เคยมีอยู่ก็หลุดออกไปตามระเบียบ แถมเรายังสังเกตุว่าความมันบนผิวลดน้อยลงเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันความชุ่มชื่นบนผิวก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี ผิวโดยรวมไม่แห้งกร้านและไม่พบอาการระคายเคืองในระหว่างใช้
แต่ทั้งนี้เราก็อยากให้เพื่อนๆ เข้าใจว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Retinoids ให้ได้ผลนั้นต้องใช้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และกว่าจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงในด้าน Skin Texture นั้นต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 12-16 สัปดาห์ ดังนั้นด้วยระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ที่เราใช้ Texture Matters /Retinol Night Resurfacing Serum/ จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรทางด้านริ้วรอยฮะ
และแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้น Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง ไลฟ์สไตล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันไปกันไปตามแต่ละบุคคล / ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะระคายเคืองหรือไม่นั้น เราไม่สามารถตอบได้เนื่องจากอาการแพ้-ระคายเคืองนั้นมีปัจจัยการเกิดที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ดังนั้นก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตามเราแนะนำให้ทดสอบอาการแพ้ที่บริเวรท้องแขนหรือลำคอเพื่อสังเกตุอาการแพ้ก่อนใช้บนใบหน้าขอรับ
แต่ทั้งนี้เราก็อยากให้เพื่อนๆ เข้าใจว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Retinoids ให้ได้ผลนั้นต้องใช้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และกว่าจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงในด้าน Skin Texture นั้นต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 12-16 สัปดาห์ ดังนั้นด้วยระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ที่เราใช้ Texture Matters /Retinol Night Resurfacing Serum/ จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรทางด้านริ้วรอยฮะ
และแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้น Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง ไลฟ์สไตล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันไปกันไปตามแต่ละบุคคล / ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะระคายเคืองหรือไม่นั้น เราไม่สามารถตอบได้เนื่องจากอาการแพ้-ระคายเคืองนั้นมีปัจจัยการเกิดที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ดังนั้นก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตามเราแนะนำให้ทดสอบอาการแพ้ที่บริเวรท้องแขนหรือลำคอเพื่อสังเกตุอาการแพ้ก่อนใช้บนใบหน้าขอรับ