รีวิว Crysta serum เซรั่มลดริ้วรอยด้วยศาสตร์ชะลอวัย
Bebe Kim 37 20 GIVEN BY BRAND / แบรนด์ฝากประชาสัมพันธ์จ้า ^^
สวัสดีค่ะสาวๆ ทุกคน วันนี้บีตื่นเต้นและภูมิใจนำเสนอกระทู้นี้มากกก! เพราะบีเพิ่งได้มีโอกาสลองใช้ Crysta advance skin radiance anti-aging serum ซึ่งเป็นสกินแคร์ที่เอาศาสตร์ชะลอวัยมาใช้ในการคิดค้นและพัฒนาค่ะ และหลังจากบีทดลองใช้มาได้เดือนกว่าๆ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ประทับใจพอสมควรเลย วันนี้บีเลยจะมาเม้ามอยให้ฟังกันค่ะว่ามันน่าสนใจและน่าสอยยังไงบ้าง
ใช่ค่ะทุกคน ด้วยวัยเฉียด 30! (ถึงอายุจิตใจจะยังสดใสเหมือน 22 ก็เถอะ555) บีเริ่มรู้สึกว่าผิวแห้งง่ายมากขึ้น ความยืดหยุ่นดึ๋งดั๋งของผิวน้อยลงมาก และริ้วรอยเล็กๆ ต่างๆ น้องเริ่มมาประปราย เลยทำให้พักหลังมานี้บีจะอินสกินแคร์ที่ช่วยในเรื่อง Anti-Aging มากเลยค่ะ ตัวเซรั่มคริสต้านี้ก็เป็น Anti-Aging อีกตัวที่บีรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากๆ เพราะเค้าใช้สารสกัด BIO EGF H1 มาใช้ในการชะลอวัยค่ะ หลายๆ คนอาจคุ้นหู EGF หรือ Epidermal Growth Factor มาบ้าง ซึ่งมันก็คือโปรตีนสกัดชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในผิวเรามาตั้งแต่เกิด แต่เมื่อเราอายุเฉียด 30 ร่างกายก็จะผลิตได้น้อยลง โดยเจ้าโปรตีนนี้มันมีความชิคตรงที่มันสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้ และยังทำให้ผิวหนังของเราที่มีบาดแผลหรือรอยเหี่ยวย่นสามารถฟื้นฟู และสมานกันได้ มันก็เลยถูกเอามาอยู่ใน Anti-Aging skincare ที่ใช้ลดพวกริ้วรอยต่างๆ ค่ะ
เซรั่มคริสต้าตัวนี้ก็เลยเป็นเหมือนเซรั่มบูสท์ผิวเรา ให้ผิวเรากลับมาเรียบเนียนมากขึ้น ริ้วรอยต่างๆ จางลงค่ะ โดยใช้ศาสตร์ชะลอวัยอย่าง BIO-EGF 1H มาช่วยนั่นเอง และเซรั่มคริสต้ายังมีส่วนผสมอื่นๆ นอกจาก BIO-EGF 1H คือ
Neurolight ตัวนี้เป็นสารสกัดที่ได้มาจากดอกลิลลี่ ซึ่งจะยับยั้งการสร้าง Melanin ทำให้จุดด่างดำจางลงค่ะ
Hyaluronic Acid 8 molecule ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเรา โดยไฮยา 8 โมเลกุลนี้มันจะบำรุงถึงผิวชั้นในเลยค
มาดูรูปร่างหน้าตาเค้ากันดีกว่าค่ะ น้องมาในลักษณะเรียบๆ หรูๆ และปริมาณ 30 กรัมค่ะ มาพร้อมกับไม้พายด้วย
จะมีเท็กเจอร์เป็นเจลข้นๆ สีขาวค่ะ เนื้อเซรั่มทาง่ายมากกกค่ะ พอเกลี่ยแล้วมันจะซึมกับผิวเราไวมาก และแน่นอนว่ามันไม่เหนอะหนะหรือทำให้ผิวเรามันด้วยค่ะ
ที่สำคัญคือกลิ่นน้องเค้าดีมากกก หอมและเฟรชมากเลย
วิธีใช้ Crysta serum
ตัก แต้ม ตบ ค่ะ 3 เสต็ปง่ายๆ เลย
ตักเนื้อครีมขึ้นมา แต้มให้ทั่วหน้า แล้วก็ตบเบาๆ ให้เข้าผิวค่ะ ซึ่งบีก็ใช้ทั้งเช้าและเย็นเลย ลงก่อนนอนนี่ตื่นมาหน้าฟู ชุ่มชื้นมาก และลงตอนเช้าก็ทำให้หน้าชุ่มชื้นดีเลยค่ะ ผิวจะดูวาวๆ ดูสวยสุขภาพดีมาก และไม่ทำให้เป็นคราบตอนแต่งหน้าด้วยค่ะ
ฝั่งซ้ายบีทาและเกลี่ยทั่วหน้าแล้วค่ะ จะเห็นว่าผิวมันดูวาวๆ สวยกว่าฝั่งขวาแบบถ่ายรูปออกมาแล้วเห็นได้ชัดเลย
อีกอย่างที่บีชอบคือลุคส์ที่ได้หลังแต่งหน้าเสร็จคือดีมากค่ะ! ผิวดูสวยอิ่มน้ำ ดูวาวๆ ฉ่ำๆ แบบกำลังดีค่ะ ยิ่งใช้กับรองพื้นสูตรโกลว์ยิ่งช่วยให้ผิวดูสวยมากกกก
มาดูเรื่องผลลัพธ์หลังจากที่บีลองใช้กันดีกว่า ว่าหลังจากบีลองใช้มา 1 เดือนเต็มๆ Crysta serum ให้ผลลัพธ์กับผิวบียังไงบ้าง
ภาพ before ก่อนใช้ จะเห็นว่าบีมีช่วงหน้าแก้มที่แห้งนิดหน่อย และมีริ้วรอยเล็กๆ ตรงช่วงใต้ตาค่ะ
วันที่ 7
ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำดีมากค่ะ มีความตึงๆ และผิวหน้าโดยรวมดูสดใสดีค่ะวันที่ 14
นอกจากผิวจะชุ่มชื้นแล้ว บียังรู้สึกว่าช่วง 2-3 สัปดาห์ พวกจุดด่างดำต่างๆ มันดูจางลง และหน้าก็ดูเรียบเนียนขึ้นด้วยค่ะวันที่ 30
ประทับใจเรื่องริ้วรอยค่ะ เพราะพวกริ้วรอยเล็กๆ มันดูตื้นขึ้นพอสมควรเลย ถือว่าเป็นสกินแคร์ที่ช่วยลดริ้วรอยได้ดีเลยนะคะสำหรับระยะเวลา 30 วันที่ได้ทดลองมาค่ะสรุปหลังใช้ 1 เดือน
ผิวอิ่มน้ำชุ่มชื้นดีมากเลยค่ะ และผิวมันดูเรียบเนียนขึ้นแบบมองด้วยตาเปล่า แล้วดูภาพรวมมันดูสุขภาพดีขึ้นเลยอีกอันที่เอาภาพ before & after มาเทียบกันแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงคือพวกริ้วรอยเล็กๆ ตรงช่วงหน้าผากค่ะ บีว่ามันดูตื้นขึ้นแบบเห็นได้ประมาณนึงเลยค่ะ
เป็นสกินแคร์อีกตัวที่บีมีโอกาสได้ลองแล้วคิดว่าสามารถแนะนำให้คนอื่นใช้ได้แบบไม่เสียเครดิตเราแน่ๆ ค่ะ เพราะผิวมันดูเรียบเนียนขึ้นจริงๆ ดูกระชับขึ้น และพวกริ้วรอยก็ดูตื้นขึ้นค่ะ ใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่เอาศาสตร์ชะลอวัยมาใช้ ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจและควรลองมากๆ เลยค่ะ
ส่วนวันนี้บีก็ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ในกระทู้หน้านะคะ บ๊ายๆ ค่ะ