Paris Hilton ราชินีแห่ง2000s ที่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นหลัง

37 13

ภาพของ Olivia Rodrigo สาวมหัศจรรย์แห่งวงการดนตรีคนใหม่ที่ฉลองชัยชนะจาการคว้าสามรางวัล Grammy อาจจะทำให้ผู้ใหญ่Gen Y หลายคนรู้สึกคุ้นๆ กระตุ้นให้นึกถึงความหลัง และถ้าเมื่อได้รับรู้ว่า ดูเข้ากับ Y2K theme แบบเป๊ะๆ รวมไปถึงสาวสังคมตัวแม่ที่มาทำหน้าที่ DJ เปิดเพลง Stars Are Blind ผลงานของตัวเอง
จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ เธอคือ Paris Hilton icon แห่งยุค 2000s ที่ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่ม Gen Z 


เพราะอะไร  Paris จึงถูกยกให้เป็น muse ของคนรุ่นหลัง?

 Olivia เพิ่งจะลืมตาดูโลกในปี 2003   ย่อมจะเกิดไม่ทันยุคอันรุ่งโรจน์ของ Paris   และมีวัยที่ห่างกันจนเรียกว่ารุ่นแม่ลูกได้   แต่ภาพของสองสาวต่าง generation นั้นสร้างความรู้สึกสนุกสนานและกลมกลืนจนอาจจะทำให้คุณเกิดความสงสัยว่า  เวลาผ่านไปร่วมๆยี่สิบปีแล้ว  Paris  ยังคงความเผ็ดแซ่บจนโลกไม่ลืมได้ยังไงนะ?


ความมั่นใจเกินร้อยแบบไม่เคยประดิษฐ์ท่าทางถ่อมตัว


เริ่มจากการรำลึกถึงกระแสตอบรับจากสังคมกันก่อน บอกเลยว่า ชื่อเสียงของ Paris ไม่ได้สวยโสภา แม้จะเคยถูกยกให้เป็นผู้หญิงที่ถูก google ค้นหาข้อมูลมากที่สุด รวมถึงเป็นคนดังที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน สื่อมักตีข่าวเธอด้วยภาพของสาวบลอนด์ไร้สมองที่ถูกสปอยล์จนหลงระเริงไร้ขีดจำกัด ในยุค 2000s ผู้คนอาจจะหมกมุ่นกับการติดตามเรื่องราวของเธอ แต่ก็เคยถูกจัดลำดับให้เป็นคนดังที่ถูกเกลียดมากที่สุด (จากการโหวตในปี 2005 หลายปีก่อนที่ Gwyneth จะขึ้นแท่นในตำแหน่งเดียวกัน)

ในยุคนั้น ความมั่นใจของ Paris ถูกมองว่าเป็นความ 'มั่นหน้า'    และบ่อยครั้งจะมีผู้โจมตีว่าเธอเป็นอภิสิทธิ์ชนที่โด่งดังจากการสร้างกระแส มิใช่ความสามารถ    เมื่อเอ่ยถึง  Paris   ผู้คนย่อมนึกถึงสาวงามที่เหมือนกับเสกให้ตุ๊กตา  Barbie มีชีวิต  เธอขับรถหรูสีชมพูนมเย็น    แต่งกายด้วย fashion ที่ดูเหมือนจะมีเสียงร้องออกมาดังๆว่า "จงจ้องมองฉันเดี๋ยวนี้!"      บ้างก็มีคำวิจารณ์ว่า เธอเป็นประเภทหลงตัวเองขนาดหนัก    สามารถใส่เสื้อสั่งพิมพ์ใบหน้าของตัวเองแบบเชิดๆเริ่ดๆ  และถึงมีเสียงดูหมิ่นดูแคลนเรื่องสติปัญญาหรือตัวตนของเธอมากแค่ไหน   ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทำความระคายเคืองให้เธอได้เลย!

จนเมื่อกี่ปีนี้เองที่ Paris ได้เปิดเผยว่า ภาพลักษณ์ Barbie สมองกลวงคือ persona ที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งอาจจะเป็นวิธีที่อาจจะดูสวนทางกับการสร้างแบรนด์ของเซเลบสาวชื่อดังคนอื่นๆ ที่ได้เผยถึงด้านที่ปราดเปรื่องเพื่อตอบโต้คนรอบข้างที่ประเมินค่าพวกเธอไว้ต่ำ แต่ Paris กลับใช้สิ่งนี้มาเป็นจุดขาย และสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งขึ้นมาเรื่อยๆ ฉากหน้า เธออาจจะถูกปรามาสเรื่องสติปัญญา แต่เบื้องหลัง เธออาจจะยิ้มด้วยความสะใจที่แผนการตลาดประสบความสำเร็จติดต่อกันเนิ่นนาน


" ฉันสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา และฉันก็ผูกติดกับภาพของเธอคนนี้มาโดยตลอด"


แผนการ 'แกล้งโง่'  ไม่ได้เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ  แต่  Doug Reinhardt คนรักเก่าของเธอได้เผยถึงตัวตนของ Paris ที่คนนอกไม่รู้ไว้ว่า

"Paris มีความสามารถทางธุรกิจเหนือคนอื่นๆ  เธอเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวมากที่สุดที่ผมเคยรู้จักมา"
"เสียงพูดแอ๊บแบ๊วของเธอเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจ Paris Hiltonและเสียงแบ๊วๆของเธอก็เหมือนกับ Bruce Wayne ตอนเป็น Batman"


เมื่อสองปีก่อน Paris ได้สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับแฟนๆ จากการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ TVด้วยการใช้เสียงจริงๆของตัวเอง และอธิบายว่า เธอมีเสียงต่ำและค่อนห้างแหบ แต่จะบีบเสียงง้องแง้งตอนที่สวมอีกหนึ่งบทบาท หรือตอนที่รู้สึกประหม่าจนมีเสียงแหลมราวกับกำลังใช่แก๊สฮีเลียม


"ในเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกสบายใจกับตัวตนของฉันมากขึ้น และฉันต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในฐานะนักธุรกิจ ฉันจึงจะใช้เสียงจริงๆที่พูดตามปกติ"











ภาพ Trendsetter ในยุครุ่งเรืองของ Noughties Fashion ที่ยากจะลืมเลือน



ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Paris คือหนึ่งในแรงผลักดันที่ทำให้ Noughties Fashion โด่งดังเป็นกระแสหลักของยุค 2000s แม้จะถูกจิกกัดว่าไร้รสนิยม หรือดูเยอะจนขัดกับความรู้สึก แต่เธอก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ยังกรีดกรายด้วยความมาดมั่นไปทุกหนทุกแห่ง  โดนเฉพาะล่าสุดที่เทรนด์  Noughties Fashion  กลับมาได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน ก็ทำให้พวกเราได้เห็นบรรดาสื่อยกชื่อของเธอมาเป็น reference อย่างพร้อมหน้า

และเมื่อถูกถามความรู้สึกที่ได้เป็นประจักษ์พยานต่อการกลับมาของเทรนด์ยุค 2000s สาวมาดมั่นอย่าง Paris ก็ตอบอย่างไม่ลังเลว่า น่าปลื้มใจ เพราะฉันเป็นคนริเริ่มมาเองเชียวนะ!


"การถูกลอกเลียนแบบก็เป็นเหมือนกับการแสดงความยกย่องชื่นชมอย่างสูงสุด   ฉันเชื่อว่าตัวเองได้ก้าวล้ำไปก่อนผู้อื่นอยู่เสมอ   และเป็นนักริเริ่ม ฉันเปรียบเหมือนกับผู้ที่มาจากอนาคต  การที่ได้เป็นผู้หญิงที่บุกเบิกนำทางให้คนอื่นอีกมากมายและทำให้คนเหล่านั้นดำเนินรอยตามฉันจึงเป็นเรื่องที่เลิศเลอมากค่ะ  ที่จริงแล้วไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบกับต้นฉบับเดิมได้หรอก  แต่พอได้เห็นก็รู้สึกดี๊ดีค่ะ"



ล่าสุด  เทรนด์กระโปรงสั้นเอวต่ำจับพลีทจาก Miu Miu ที่สร้างกระแสร้อนแรงถึงขั้นที่มี  Instagram account  เป็นของตัวเองก็มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับstyle ของ Paris ในยุค 2000s   แม้ว่าจะมีสาวคนดังอีกมากที่อินกับกระโปรงตัวจิ๋วเอวต่ำไล่เลี่ยกับเชิงกราน  แต่เทรนด์นี้ก็ทำให้หลายคนรำลึกภาพความแซ่บของ Paris อยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้

ในยุคที่สาวๆต่างต้องมีกางเกงเอวต่ำติดตู้เสื้อผ้าไว้หลายๆตัว   Paris มาเหนือเมฆด้วยระดับความต่ำ วัดจากสะดือไปถึงกางเกงมากกว่าฝ่ามือ แล้วยังมี cut out เว้าใกล้พื้นที่สวนนั้น!

เมื่อพูดถึงเทรนด์ประจำตัวที่เปรียบได้กับเครื่องแบบของ Paris คุณอาจจะนึกถึง tracksuit ผ้ากำมะหยี่ชแบรนด์ Juicy Couture ที่อิทเกิร์ลทุกคนจะต้องมี เธอเปิดเผยว่า สะสมไว้เป็นร้อยชุด และมีครบทุกสี! ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังใส่ เธอเผยว่า นี่คือลุคที่ถูกใจมาก จะใส่ไปทุกหนทุกแห่งยกเว้นงานพรมแดง และมีตู้ที่ใช้เก็บ tracksuit แบรนด์นี้ไว้โดยเฉพาะ

"ฉันไม่เคยเลิกใส่มันเลย และไม่มีจะเลิกใส่ด้วย เพราะฉันจะเป็นสาวJuicy ตลอดกาล"



อย่างไรก็ตาม  เทรนด์ที่เคยโด่งดังอลังการก็จืดจางไป   หลายปีก่อน  Juicy Couture ได้ปิดstore ทั่วอเมริกา    แม้จะยังสั่งซื้อออนไลน์ได้     move ต่อมาของ Paris ก็คือ เปิดตัว tracksuit  ของตัวเองซะเลย!


ลุคของ Paris ถูกนำมา recreate หลายครั้ง เมื่อให้เจาะจงว่า ลุคใดที่คนอื่นเลียนแบบแล้วโดนใจมากที่สุด เธอก็เลือกชุดที่ถูกยกมากล่าวขวัญเสมอ

"ชุดที่ฉันใส่ในงานฉลองวันเกิดปีที่21นั้นช่างเป็นที่จดจำและเป็นตำนาน ฉันได้เห็นคนมากมายที่แต่งเลียนแบบฉัน อย่างในช่วง Halloween ฉันจะถูกtagตลอดเลยค่ะ ฉันคงนับภาพผู้คนและเด็กๆที่แต่งตัวตามแบบรายการ The Simple Lifeและชุดในวันเกิดครบ 21ปีได้ไม่หวาดไม่ไหว หรือจะเป็นตอนที่ใส่ Juicy Couture อุ้มน้องชิวาว่า    พูดง่ายๆเลยก็คือ ทุกอย่างที่ฉันทำไว้มันสร้างอิทธิพลกับสังคมไว้สูงลิบลิ่ว"




หนึ่งในกลุ่มคนรุ่นหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดเฉลิมฉลองครบ 21 ปีของ Paris  ก็คือ อิทเกิร์ลในยุคปัจจุบัน   เธอเลือกชุดนี้มาใส่ใน birthday partyปีที่ 21 เช่นเดียวกัน  (เป็นตัวเลขที่หลายคนได้ให้ความสำคัญ เพราะสามารถดื่มเหล้าได้ตามกฎหมาย หรือสื่อถึงการก้าวเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวนั่นเอง)


"ฉันเป็นผู้คิดค้นวิธีโกยเงินด้วยการร่วมพาร์ตี้ย์"



"ฉันเป็นบุคคลแรกที่ริเริ่มการสร้างรายได้จากparty ฉันเคยได้รับค่าตอบแทนล้านดอลลาร์เพื่อเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ Las Vegas  เพียงแค่ไปร่วมcountdown เท่านั้นค่ะ  และมันก็ได้กลายมาเป็นธุรกิจสร้างกำไรงามก่อนที่เซเลบคนอื่นๆจะคิดถึงเรื่องนี้ซะอีก  ฉันต้องการให้คนอื่นๆประสบความสำเร็จเหมือนกัน และชื่นชอบที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างให้พวกเค้า เรื่องที่ว่าฉันเป็นผู้บุกเบิกทางให้ผู้อื่นดำเนินรอยตามนั้นเป็นเรื่องที่ดีงามค่ะ   คือว่า มีใครบ้างที่ไม่อยากได้เงินจากการ party บ้างล่ะคะ?"




ภาพชีวิตสุดเริ่ดหรูของคุณหนูตระกูลดังที่เหมือนก้าวออกมาจากนิยาย


เส้นทางความโด่งดังของParis อาจจะเริ่มจากความฉาวโฉ่ของ sex tape และตามมาด้วย scandal ตามหน้าสื่อจนถูกมองว่าเป็นแบบอย่างที่ย่ำแย่ของเยาวชนมาก่อน สื่อเคยปล่อยข่าวว่าเธอป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศและแพร่ไปยังผู้ชายหลายคน และยังมีคนล้ำเส้นถึงขั้นขโมยสิ่งของส่วนตัวจากห้องเก็บของที่เธอใช้บริการฝากไว้แล้วนำมาขายต่อให้กับผู้สร้างเว็บไซต์ parisexposed.com  เพื่อเปิดให้users จ่ายค่าสมาชิกแลกกับการเข้าชมภาพและข้อมูลส่วนตัวของเธอ   แม้เธอจะฟ้องร้องเพื่อปิดเว็บนี้ได้สำเร็จ   แต่เธอก็เคยต้องเผชิญกับข่าวลือเสื่อมเสียอีกมากมาย  (รวมถึงข่าวลือว่าเธอซ่อนยาเสพติดไว้ในของสงวนระหว่างการโดยสารเครื่องบิน!)

ฟังดูแล้วอาจจะไม่ได้เหมือนกับเส้นทางสุด glamorous เท่าใดนัก

เธอได้อธิบายต้นตอของใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงต่อต้านแนวทางเลี้ยงดูอนุรักษ์นิยมของครอบครัวไว้ว่า


"แม่ของฉันปรารถนาจะให้ฉันเป็นพวก Hilton  แต่ฉันปรารถนาจะเป็น Paris"


"พ่อแม่ของฉันทั้งเข้มงวดและพยายามปกป้องฉันแบบไข่ในหิน แม่ต้องการจะให้ฉันมีชีวิตตามแบบสาวสังคมชั้นสูงที่ดูเหมือนเจ้าหญิง แต่มันไม่ใช่ตัวตนของฉัน ฉันไม่อยากจะเป็นที่รู้จักในฐานะหลานสาวเจ้าของเครือธุรกิจโรงแรมHilton  สำหรับฉัน โลกของการเข้าสังคมชั้นสูงมันจอมปลอมมาก ฉันไม่เคยอยากจะเป็นอะไรแบบนั้นเลย แต่ฉันต้องเสแสร้งเข้าไว้เพราะพ่อแม่แสนจะเข้มงวด เมื่อโตจนเข้าวัยรุ่นฉันก็ย้ายมาอาศัยใน New York และทำตัวพยศเต็มที่"



นี่คือภาพสมัยวัยทีนที่ดูเรียบร้อยดุจผ้าพับไว้ ก่อนที่จะหันเหเส้นทางสู่วงการบันเทิงที่พลิกผันจากภาพลักษณ์คุณหนูตระกูลมหาเศรษฐีผู้อยู่ในกรอบมาเป็นต้นฉบับ influencer  ที่มาพร้อมกับความเผ็ดแซ่บจนสั่นสะเทือนระดับ global


แต่ภาพของทายาทมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินหลายพันล้านก็ได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเฝ้าติดตามเรื่องราวของเธอแบบถอนตัวไม่ขึ้น เธอคาบช้อนเพชรมาเกิดในคฤหาสน์ใหญ่โตที่มี butler คอยดูแล และวนเวียนพำนักตามห้องสวีทหรูหราในเครือธุรกิจครอบครัว ในยุคที่เรื่องจำนวน likes และ followers ยังเป็นธุลีในอากาศ Paris ได้นำเสนอภาพของคุณหนูตัวจริงที่ใครๆอยากรู้อยากเห็น คำว่า heiress และ princess คือแบรนด์ประจำตัวซึ่งทำให้เธอต่อยอดความสำเร็จไปอีกไกล



   
เธอเคยประกาศที่คติพจน์ที่แสดงตัวตนไว้อย่างชัดเจนว่า

"Live like a Princess. Look like a Barbie. Party like Paris"


การใช้ชีวิตที่เหมือนกับเจ้าหญิงของParis ไม่ได้มีแต่การสวมมงกุฎออกงานเท่านั้น  แต่เธอได้เผย lifestyle ที่หรูเริ่ดอลังการแบบไม่เคยหมกเม็ดสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักเสพกอสสิป       ทุกวันนี้ หลายคนก็ยังจดจำได้ดีว่า   Kim Kardashian ที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสร้างชื่อเสียงจากพื้นเพครอบครัวอภิสิทธิ์ชน ก็เคยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของ Paris มาก่อน  หรือพูดได้ว่า  แม้แต่คนที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยของ Paris ก็มีฐานะในระดับหนึ่งอยู่แล้ว   แม้ทุกวันนี้ Kim จะยืนหนึ่งในฐานะราชินี internet มายาวนานหลายปี   แต่เธอก็เคยให้เครดิตการสร้างความสำเร็จกับ  Paris ไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ  

"ฉันคิดว่าตัวเองก็เหมือนกับภาพจากจินตนาการเพ้อฝัน  เป็นเจ้าหญิง Barbie  เป็นเทพธิดานางเงือกบนยูนิคอร์น แม้ว่าจะมาจากการแสดงให้เข้าถึงบทบาท ฉันก็รู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้มาทำอะไรแนวนี้กัน  ฉันอาจจะเหมือนผู้ที่มีจิตวิญญาณแสนเสรี ซึ่งไม่มีใครรู้จริงๆหรอกว่าฉันต้องผ่านอะไรมาบ้าง   มันจึงดูคล้ายว่าฉันจะกลายมาเป็นที่พักหาความบันเทิงใจสำหรับคนอื่น"




การตั้งเป้าหมายที่สำคัญในชีวิต


ก่อนที่จะพบรักและลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว   Paris  เคยเปิดใจว่าจะต้องก้าวให้ถึงความร่ำรวยระดับพันล้านให้ได้   ความุ่งมั่นที่จะทำให้เป้าหมายกลายมาเป็นความจริงทำให้น้องสาวถึงกับออกปากว่า "พี่โลภมากเกินไปแล้วนะ"   เธอเดินทางไปยังประเทศต่างๆเพื่อทำงาน DJ  (มีรายงานว่าค่าตอบแทนของเธอคือหนึ่งล้านดอลลาร์ต่องาน) และปล่อยไลน์สินค้าหลากหลาย รวมไปถึงน้ำหอมที่มียอดขายทั่วโลกเกินสองพันล้าน โดยที่เจ้าตัวบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า  ไม่เคยมีความจำเป็นที่ต้องลุกมาทุ่มเทเพื่อสร้างแบรนด์ (จากความร่ำรวยตามแบบฉบับทายาทตระกูลธุรกิจชื่อดัง)   แต่ต้องการพิสูจน์ตัวเองและสร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัว   เธอเคยบรรยายชีวิตที่ให้ความสำคัญกับงานเป็นอันดับแรกไว้ว่า

"ในชีวิตจริง ฉันไม่ได้ออกกำลังกายเท่าใดนัก  เพราะต้องวิ่งวนกับตารางงานจนดูเหมือนกับการออกกำลังไปในตัว   สำหรับฉัน shopping ก็เหมือนกับการออกกำลังแบบคาร์ดิโอนั่นแหละค่ะ"    


เธอยังให้ความเห็นว่า การออกแรงเต้นบนเวทีระหว่างโชว์ทักษะ DJ บนเวทีก็คือการออกกำลังกายที่ทำให้รูปร่างเธอดูดีอยู่เสมอ

แต่เมื่อ Paris ได้พบกับคนที่ใช่และมั่นใจว่าเขาคือคนที่จะเป็นคู่ชีวิตกันตลอดไป  เธอก็ผ่อนคลายมากขึ้น  เธอควงคู่สามีท่องเที่ยวแบบ honeymoon ยาวๆ และโฟกัสกับการมีลูกแทนที่จะปั๊มเงินอย่างเดียว

"มันเคยเป็นเป้าหมายที่ฉันแน่วแน่เป็นอย่างยิ่งเพราะฉันไม่ค่อยมีความสุขในเรื่องส่วนตัวนัก     เมื่อฉันได้ผ่านอะไรมาหลายสิ่งหลายอย่าง  ฉันเคยมองว่าเงินเป็นสิ่งแทนความมีอิสระและการพึ่งพาตัวเองและการที่จะไม่ถูกควบคุมบงการ    ฉันว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองยึดมั่นให้เงินเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต"


"ตอนนี้ฉันมีความสุขอย่างเหลือล้นและตกหลุมรักหมดหัวใจ ฉันไม่ได้เอาแต่สนใจเงินพันล้านอีกต่อไป  ฉันสนใจเรื่องมีลูกมากกว่าค่ะ"










การ Comeback หลังจากต้องชดใช้ความผิด DUI


สิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นอีกกรณีศึกษาที่คนรุ่นหลังได้เรียนรู้จาก Paris  น่าจะเป็นความผิดพลาดในอดีตที่หนักหนาสาหัสถึงขั้นติดคุกติดตาราง   สำหรับเหล่าศิลปิน ดาราและ influencers ทั้งหลาย   ทั้งชื่อเสียงเงินทองและความนิยมที่หลั่งไหลเข้ามาอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นความฉาวโฉ่ จากเดิมที่มีภาพลักษณ์สวยงาม อาจจะกลายมาเป็นมลทินติดตัวจนสลัดไม่หลุด โดยเฉพาะยุคแห่ง cancel culture ที่ชาวเน็ทสามารถขุดคุ้ยหาหลักฐานจากsocial media มาโจมตี  แม้แต่ post ของคนดังเมื่อหลายปีก่อนจะมีชื่อเสียงก็นำมาสกัดดาวรุ่งกันได้ภายในเวลาไม่กี่คลิก   แต่สำหรับ Paris  ที่ผ่านประสบการณ์รับมือกับข่าวฉาวมามากมาย  สิ่งที่หนักหน่วงที่สุดน่าจะเป็นการถูกตัดสินความผิดโทษฐานเมาแล้วขับจนต้องจำคุกเกือบเดือน

Paris เคยเป็นคนดังที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุด ไม่น่าแปลกใจว่า ข่าวที่เธอถูกควบคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก สำนักข่าวชื่อดังทั้งหลายต่างส่งผู้สื่อข่าวและช่างภาพไปดักรอที่หน้าบ้านของเธอเหยียดยาวไปตามถนนเพื่อจะนำเสนอ moment  นี้ไม่ต่างจากเหตุการณ์์สำคัญที่โลกจับตามอง  ภาพของสาวสังคมผู้มั่งคั่งที่ร่ำไห้ที่เบาะหลังรถตำรวจเพราะต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นนักโทษกลายมาเป็นภาพในทรงจำ  แต่เมื่อหลุดพ้นจากช่วงเวลาที่เธอบรรยายว่า 'ทุกข์ทรมานใจและน่าอับอายขายหน้า'    ภาพลักษณ์ของ Paris ก็ค่อยๆ มีพัฒนาการในทางดีขึ้น   ข่าวฉาวรายวันถูกแทนที่ด้วยความสำเร็จทางธุรกิจที่ไม่หยุดยั้ง  แม้ว่าเธอจะก้าวผ่านจุด peak ของความเป็น public figure จนกระแสตอบรับไม่ร้อนแรงเทียบเท่ากับในอดีต    แต่ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อและinfluencer รุ่นหลัง แตกต่างจากเมื่อหลายปีก่อนที่ถูกมองอย่างติดลบเลยทีเดียว

แม้เวลาจะเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังรักษาตัวตนดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น


VOGUE เคยบรรยายไว้ว่า 'แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่ Paris ก็ยังเหมือนเดิม' และผู้คนมากมายน่าจะเห็นด้วยว่า มันไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือคนธรรมทั่วไป     ประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้เรียนรู้รสชาติแห่งความเป็นผู้ใหญ่จากวันเวลาที่ล่วงเลยได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง     แต่หลายคนก็อาจจะเป็นข้อยกเว้น  หนึ่งในนั้นคือ Paris  ผู้ที่ทำให้ผู้คนทึ่งได้เสมอว่า  เธอดูเป็นคนเดียวกันกับวันวานราวกับว่าหยุดเวลาไว้ได้
Cosmopolitan เปรียบเปรยว่า   Paris ไม่ต่างจาก Peter Pan เวอร์ชั่นคนตัวเป็นๆ ที่ดูอ่อนเยาว์หลั่นล้าไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด และยังได้รับคำยืนยันจากเจ้าตัวว่า

"ฉันรู้สึกเหมือนว่าอายุ 21 ตลอดกาล"


นอกจากนั้น  Paris ในวัย 41ยังมาพร้อมกับ style ที่พวกเราคุ้นเคย ไม่ใช่การโชว์ภาพแบบระลึกความหลังแบบที่ผู้ใหญ่ชอบทำ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หยิบหมวก Von Dutch หรือกางเกงเอวต่ำสุดๆมาใส่เหมือนกับในช่วงวัยยี่สิบ     เธอก็ยังปลาบปลื้มสีชมพูและแต่งตัวฟรุ้งฟริ้งมีประกายวิ้งวับอยู่เสมอ    สัญลักษณ์ประจำตัวยังเป็นสุนัขตัวเล็กๆ (สัตว์เลี้ยงน่ารักเหล่านี้ได้ถ่ายแบบลงปก magazine ดังกับเธอไม่รู้กี่ครั้ง)     เห็นภาพเธอเมื่อใด ก็เหมือนจะได้ยินเสียงพูดว่า  "That's hot." ลอยตามมา    





จาก Bimbo สู่ Icon


ในยุค 2000s  ที่กระแสของ Paris พุ่งขึ้นสู่ความ peak  ทั้งสื่อและชาวเน็ทจำนวนมากต่างพร้อมใจ'ไม่ให้ราคา' กับชื่อเสียงของเธอ    สื่อเย้ยหยันเธอด้วยการตั้งฉายา Bimbo และ Dumb Blonde  ราวกับเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้    แม้แต่ Guinness World Records  ก็ประกาศไว้ในปี 2007 ให้เธอเป็น 'คนดังที่ตีค่าไว้สูงเกินจริงไปที่สุด'   ส่วน Forbes  ก็สำรวจข้อมูลหลายแหล่งแล้วฟันธงว่าเธอคือ 'คนดังที่เผยชีวิตส่วนตัวผ่านสื่อมากเกินไป' เป็นเบอร์หนึ่งของวงการ


แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน   กลับมีการบรรยายเรื่องราวของเธอด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างไป  ไม่ว่าจะเป็นคำว่า Iconic หรือ  Business Savvy  ที่ฟังแล้วห่างไหลจากคำปรามาสในอดีต     นอกจากlifestyle เลิศหรูและภาพสะดุดตาที่ชวนรำลึกความหลัง   ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการบันเทิงและธุรกิจร่วมๆยี่สิบปีก็น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนให้ผู้คนหันมายอมรับเธอในฐานะ 'original influencer'   และเชื่อว่า  พวกเราจะได้ยินเรื่องราวของเธอไปอีกนาน


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE