ศิลปินตะวันตกและK Pop รับมือกับแฟนที่คลั่งไคล้จนล้ำเส้นกันแบบไหน?
candy 39 12Justin Bieber ตักเตือนกันอย่างตรงไปตรงมา
นับตั้งแต่สร้างปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายจนกระทั่งเติบใหญ่เป็นชายหนุ่มเต็มวัย (28ปี) ผู้คนทั่วโลกต่างทราบดีว่า fanbase ของ Justin Bieber คือเด็กสาววัยรุ่น แม้เส้นทาง superstar จะมาพร้อมกับ scandal หนักหน่วงจนทำให้มีผู้ประกาศว่าขอยุติบทบาท Belieber เนื่องจากไม่สามารถทำให้ยอมรับภาพลักษณ์ bad boy ของ JB ได้ แต่เขาก็ยังได้รับแรงสนับสนุนจาก fan club ที่แข็งแกร่ง แต่ละsingleติดหูที่ปล่อยออกมาพุ่งสู่อันดับสูงในชาร์ท และมีสาวๆคอยติดตามดักรอเขาไปแทบทุกหนทุกแห่ง แม้ว่าจะจูงมือภรรยาไปออกเดท ก็ยังมีแฟนที่หลงไหลเขาจนร้องบอกออกไปว่าพวกเธอต่างหากคือเนื้อคู่ของเขาต่อหน้าต่อตา Hailey
คุณอาจจะเคยได้เห็นมุกตลกล้อเลียน JB ผ่าน standup comedy และสื่อต่างๆ ที่นำเอาหลากหลายวีรกรรมมาขยี้ว่าเขาเป็น superstar จอมอวดดีที่ไม่ว่าจะ treat แฟนๆแย่แค่ไหน ก็ยังได้รับความรักล้นหลาม อดีต Belieber บางคนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เมื่อได้เจอตัวจริงของJBก็ต้องเปลี่ยนมุมมอง เพราะไอดอลที่ปลาบปลื้มไม่ได้แยแสเธอที่ตั้งความหวังเต็มที่ว่าจะได้สัมผัสความเป็นมิตรจากเขาใน meet & greet และตอกย้ำจากการประกาศชัดเจนจากปากเจ้าตัวว่า เขาจะไม่หยุดถ่าย selfie กับแฟนๆในเวลาส่วนตัว เพราะเขาไม่ได้ติดค้างใคร เพราะถูกล้ำเส้นมาหลายปีจนรู้สึกว่า คนอื่นไม่ได้มองเขาเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อจิตใจ แต่เป็นเพียงสัตว์ที่ถูกขังไว้โชว์ในกรง และหากใครทวงบุญคุณว่า ซื้อalbum ของเขา สิ่งที่พวกเค้าจะได้คืองานดนตรี ไม่ใช่ service ถ่ายรูปคู่
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งแฟนๆที่คอยสืบหาเพื่อติดตามเขาไปยังที่ต่างๆ แม้ว่าเขาจะมีบอดี้การ์ดประกบอยู่ตลอด รวมไปถึงระบบรักษาปลอดภัยในบ้านตลอดเวลา เขาก็เชื่อว่า จำเป็นจะต้องปรามให้กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มาออกันหน้าอพาร์ทเมนท์ที่ New York เมื่อเด็กสาวขอร้องให้เขากอดเธอและบอกว่าเเขาก็หยุดอธิบายว่า เข้าใจความรู้สึก แต่ก็ต้องปฏิเสธ เขาไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มที่เห็นว่าพวกเค้ามารอที่หน้าบ้าน เพราะบ้านคือสถานที่ที่เขาต้องการใช้เวลาพักผ่อน และจะขอบคุณหากพวกเค้ายอมกลับไปดีๆ
ชาวเน็ทบางคนอาจจะทักท้วงว่า กะอีแค่ถ่ายรูปแค่หนึ่งนาที ไม่ได้เสียหายมากมาย คนดังอย่าง Keanu Reeves หยุดกิจกรรมส่วนตัวมาselfie กับแฟนๆบ่อยไป แต่พวกเค้าอาจจะลงลืมไปว่าJB มีสถานะ Hollywood heartthrob มาหลายปี เขาได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ลองจินตนาการว่า ไม่ว่าจะมีกิจธุระอันใดหรือกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์แบบไหนก็ถ่ายรูปกับแฟนจำนวนมากทุกครั้งที่ออกจากบ้านนั้นย่อมเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตอย่างแรง มันคือสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่ควรมีใครมาลำเลิกบุญคุณ หรือชี้ว่าเป็นแค่เรื่องง่ายๆ เพราะขนาดว่า เขาขีดเส้นแบ่งชัดเจน ทั้งยังใช้เงินไปกับงบประมาณรักษาความปลอดภัยมากมาย แต่ก็ยังผจญกับ stalker ที่บุกเข้ามาในบ้านและห้องโรงแรม คนเหล่านั้นอาจจะถูกตำรวจจัดการด้วยโทษปรับและจำคุกชั่วคราว แต่ก็พยายามกลับมาอีก
มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า JB ไม่ได้ตัดโอกาสที่จะให้แฟนๆเข้าใกล้ชิดในเวลาส่วนตัวไปจนเหลือ 0 เพราะยังมีคนที่โชว์ภาพ selfie กับ superstar หนุ่มอยู่เรื่อยๆ มีเสียงร่ำลือว่า เขาอาจจะหมางเมินเสียงเรียกร้องขอกอดหรือขอถ่ายรูปเป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งก็จะหยุดถ่ายรูปและพูดคุยกับแฟนๆ ซึ่งจะต้องผ่านการดูแลจากบอดี้การ์ดร่างใหญ่อย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากการป้องกันไม่ให้ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวก็คือ เคยเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเข้าขั้นจลาจลย่อยๆจากความคลั่งไคล้ของแฟนๆมาแล้ว ยิ่งเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ความปรารถนาที่จะเข้าถึงตัวศิลปินดังก็ยิ่งเพิ่มระดับขึ้นมาอีกหลายเท่า (หาโอกาสได้ยากที่จะเห็นเขาแบบตัวเป็นๆ) อย่างปีที่แล้วที่เดินทางไปฉลองวันเกิดที่ Paris ตำรวจก็ต้องมาคอยควบคุมที่หน้าโรงแรม เพราะแฟนๆที่มาดักรอจำนวนมากไม่ยอมรักษากฏรักษาระยะห่างในช่วงที่ยังมีมาตรการป้องกัน COVID อย่างเข้มงวด
Jungkook เปิดเผยให้แฟนๆเห็นผ่าน live ว่าถูกล้ำเส้นขนาดไหน
เรื่องซาแซงสืบหาจนได้เบอร์โทรของไอดอลแล้วคอยโทรมารบกวนกันเป็นสิ่งที่แฟนๆ K-Pop ได้ยินกันมาตั้งแต่ generation บุกเบิก อาจจะมีคนมองว่า แค่ถูกโทรกวน block ให้จบๆก็หมดเรื่อง ฟังดูไม่ร้ายแรงเหมือนอีกหลายพฤติกรรมน่าสยองของซาแซง แต่ถ้าลองใคร่ครวญว่า หากเป็นตัวเราล่ะ? นอกจากจะต้องทำงานหนักจนหาเวลาพักผ่อนก็ยังยาก ก็ต้องคอยเปลี่ยนเบอร์โทรหนีคนพวกนี้ มันยุ่งยากมากแค่ไหนที่ต้องคอยแจ้งเบอร์โทรใหม่ให้กับคนรอบข้าง ต้องคอยระแวงว่า จะถูกโทรมารบกวนเวลานอนอันมีค่าในช่วงดึกดื่น รับรองว่า ต้องจิตตกกันทั้งนั้น
ซาแซงได้เบอร์ของไอดอลมาได้เช่นไร?
แฟนๆหลายคนฟันธงว่า จะเป็นซาแซงได้นั้นต้องมีเงินทุนและความพยายามเพื่อหลอกหลอนไอดอลให้เต็มที่ อดีตไอดอลผู้หนึ่งอธิบายว่า ซาแซงจะหาทางติดต่อกับพนักงาน customer service บริษัทโทรศัพท์ ซึ่งเป็นอาชีพที่ให้ค่าตอบแทนค่อนข้างน้อย พนักงานจำนวนมากยังเป็นหนุ่มสาวที่ต้องการจะทำงานที่ไม่ยุ่งยาก เมื่อระบุข้อมูลชื่อจริงและวันเดือนปีเกิดไปก็จะได้เบอร์โทรมา หากเป็นบริษัทที่มีนโยบายรักษาข้อมูลของลูกค้า ก็อาจจะใช้วิธีตีสนิทกับพนักงานเพื่อติดสินบน ซาแซงบางคนจะสมัครทำงานในบริษัทโทรศัพท์เพื่อเข้าถึงข้อมูลให้มากที่สุด! และเมื่อได้เบอร์โทรมาแล้ว ก็จะแจกจ่ายหรือขายให้กับกลุ่มซาแซงที่ผนึกกำลังกันเพื่อรวบรวมข้อมูลของเป้าหมาย (หรือเรียกอีกอย่างว่าเหยื่อ) แล้วเริ่มปฏิบัติการรบกวนชีวิตของพวกเค้าต่อไป
แม้ว่าไอดอลจะเปลี่ยนเบอร์โทรบ่อยๆเพื่อหลีกเลี่ยงซาแซง แต่ตามกฎหมายเกาหลี การเปิดเบอร์ใหม่จะต้องใช้ชื่อสกุลจริง ทำให้ซาแซงยังค้นหาเบอร์โทรคนดังได้อยู่เรื่อยๆ วิธีที่ช่วยป้องกันความเดือดร้อนนี้ได้คือ จะต้องขอให้คนในครอบครัวหรือคนรู้จักเปิดเบอร์ให้
การ live กลายมาเป็นเครื่องมือเชื่อมต่อกันของไอดอลและแฟนๆจำนวนมากมาย พวกเค้ายินดีที่จะได้เห็นชีวิตประจำวันเล็กๆน้อยๆของขวัญใจ แต่ก็ต้องพบว่า ไอดอลถูกโทรคุกคามระหว่าง live จนรู้สึกขนลุกแทน ดังกรณีจ็องกุกแห่ง BTS ที่รับโทรศัพท์แล้วต้องหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่ชอบใจ เพราะรู้ได้เลยว่าเป็นซาแซงที่หาเบอร์ของเขาเจออีกแล้ว แม้จะ block ไปได้ง่ายๆ แต่ก็มีอีก live ที่ซาแซงโทรเข้าโทรศัพท์ในห้องโรงแรม เมื่อถูกโทรเข้ามาถี่ๆ สต๊าฟก็ต้องถอดสายออก ทำให้ต้องตัดการสื่อสารกับพนักงานreception ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยในการเข้าพักในโรงแรมเลย
V เป็นอีกคนที่ใช้ V Live ระบายความอัดอั้นตันใจที่ถูกแฟน stalk ไปจนถึงไฟลท์ว่า มีคนสืบจนรู้ตารางการเดินทางของ BTS ถึงขั้นที่จองที่นั่งใกล้ๆกับพวกเค้าได้ ทำให้ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างสะดวกใจ และเขาอยากจะให้คนพวกนั้นหยุดการกระทำเช่นนี้ซะ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากจริงๆ
ลูกเรือสายการบินเคยออกมาเปิดเผยผ่านสื่อว่า พวกเค้าจะต้องปวดหัวกับพฤติกรรมแฟนไอดอล ทั้งพกเทเลโฟโต้ขนาดใหญ่มาแอบถ่ายภาพไอดอลและพยายามขอร้องให้แอร์โฮสเตสอัดเสียงสนทนาของไอดอล หรือจะเป็นความพยายามในการขโมยกระเป๋าที่ผิดกฎหมายเต็มๆ (ซึ่งหากพนักงานพบเห็นก็จะเรียกตำรวจมาจัดการ) และสยองไปอีกขั้น เมื่อไอดอลทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็จะตามเข้าไป 'สูดกลิ่น' ในสุขา ซึ่งแทนที่จะทำให้พวกเค้าสัมผัสความรักล้นใจ แต่ทำให้หวาดกลัวจนขนลุกขนพอง!
การร้องขอจากไอดอลโดยมี live เป็นสื่อกลางนั้นจะทำให้ stalker รับฟังและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หรือไม่? ความหมกมุ่นที่บดบังความถูกต้องและความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ยากจะเยียวยาก็เป็นได้
Taylor Swift ถูกคุกคามต่อเนื่องถึงขั้นที่ต้องใช้ technology สุดล้ำมาช่วยสกัดกั้น stalker
หนึ่งใน superstar ที่ต้องเผชิญกับ stalker มากที่สุด...
Tay ยังไงล่ะ! จับส่งฟ้องได้คนหนึ่ง คนใหม่ก็มาต่อ ยังไม่ทันจะได้เว้นว่าง คนเก่าก็พยายามบุกเข้าบ้าน วนอยู่แต่แบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในเขตที่พักอาศัยของเธอจะได้รับแจ้งจนอาจจะชินไปแล้วก็ได้ จากภาพนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นข่าว ยังมี stalker ที่ไม่ปกติอีกหลายคนที่สือ่ไม่ได้ระบุชื่อพยายามคุกคามชีวิตของเธอ
วีรกรรมชวนขนลุกของ stalker
- ส่งจดหมายถึงTayและครอบครัว เนื้อหาจดหมายเต็มไปด้วยความน่ากลัว ทั้งขู่จะข่มขืนเธอเพราะเป็นเนื้อคู่กัน และจะฆ่าเธอโดยที่กฎหมายทำอะไรไม่ได้
- พยายามบุกเข้าไปในบ้าน พังอินเตอร์คอมหน้าอพาร์ทเมนท์ เมื่อถูกตำรวจจับก็ใช้ข้ออ้างต่างๆนานา บ้างก็บอกว่าได้รับคำเชิญจากศิลปินสาว บ้างก็อ้างว่าเป็นเพื่อนในวงการดนตรี หรือให้หลุกโลกกว่านั้นก็ประกาศตัวเป็นเจ้าบ่าวที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ
- มีอีกเคสที่รุนแรงมาก เมื่อชายคนหนึ่งลักลอบเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ที่ New York ของ Tay ได้ เขาเข้าไปอาบน้ำและนอนรอเธอบนเตียง เมื่อถูกจับได้ก็ถูกจำคุกเพียงไม่นานและออกมาคุมประพฤติ แต่ก็ก่อเหตุซ้ำด้วยการพยายามทุบประตูกระจกเข้าไปที่บ้านอีกแห่งของเธอ Taylor ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลวร้ายนี้ แต่เป็นทีมรักษาความปลอดภัยของเธอที่เห็นภาพผู้บุกรุกจากกล้องวงจรปิดและโทรเรียกตำรวจมาจับกุมตัว แม้จะถูกตัดสินจำคุกซ้ำก็ยืนยันว่า จะลงมือซ้ำ
- เกิดเหตุผู้บุกรุกเข้าไปในบ้านของ Tay อีกหลายครั้ง ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น ชายคนหนึ่งพกอาวุธมีดและลูกกระสุนและเชือกพยายามเข้าไปในบ้านที่ Beverly Hills แต่ในขณะนั้นเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านแห่งนั้น ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าเข้ารวบตัวผู้ร้ายไปได้อีกครั้ง
พอจะมองภาพกันออกแล้วใช่ไหมว่า เพราะเหตุใด คนดังจะต้องจ้างทีมรักษาความปลอดภัยเพื่อจับตามองความเป็นไปในเคหะสถาน แม้ว่าจะซื้อบ้านไว้หลายแห่ง ก็จะต้องมีระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพเพื่อส่งสัญญาณเมื่อมีผู้ลักลอบเข้ามาและแจ้งตำรวจได้ทันที
หากเป็นบ้าน Tay อาจจะพอไว้ใจเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยได้ แต่ถ้าอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายอย่างในคอนเสิร์ต เธอจะเพิ่มความมั่นใจว่าจะรอดพ้นไปจาก stalker ตัวอันตรายได้เช่นไร?
Rolling Stone รายงานว่า Tayเลือกใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อ scan ว่า ในกลุมผู้ชมนับพันนับหมื่นนั้นมีstalkerที่ตามคุกคามเธอแอบแฝงเข้ามาหรือไม่ ซึ่งข่าวนี้ก็ทำให้เกิด debate ตามมาว่า จะเป็นเรื่องละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีผู้ต้องหาในประเทศจีนรายหนึ่งตีตั๋วเข้าไปชมคอนเสิร์ตของศิลปินดังจากฮ่องกง แต่ถูกตำรวจเข้าจับกุมตัวด้วยเซนเซอร์จดจำใบหน้า ทำให้ตำรวจพบตัวเขาได้ง่ายดายท่ามกลางผู้ชมกว่าหกหมื่นคน
ในอดีต การรักษาความปลอดภัยของไอดอลเกาหลีถูกมองว่าหละหลวมจนหวิดเกิดเหตุร้าย
คุณอาจจะได้ยินเรื่องราวความคลั่งไคล้ฟังดูหลุดโลกไปจนถึง level ชวนหวาดผวาของซาแซงมานานแล้ว ในยุคที่ Korean wave กำลังสร้างปรากฏการณ์นอกประเทศเกาหลี ไอดอล generation ที่ 2 ได้เผยประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนมาหลายครั้ง
- แฟนของ Taecyeon แห่ง 2PM โชว์จดหมายที่เขียนด้วยเลือดประจำเดือนโปรยด้วยขนที่ลับเพื่อ เขาจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้ถ้าขาดเธอ และยังพิสูจน์ว่าเป็นเลือดประจำเดือนจริงๆด้วยการโพสต์ภาพผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว
- EXO ในช่วงเปิดตัวเป็นวงหน้าใหม่เกือบจะก้าวเข้านั่งไปในรถตู้ที่ซาแซงเลือกมาให้ดูคล้ายคลึงกับรถตู้ของพวกเขา แต่รอดมาได้เพราะผู้จัดการห้ามไว้ทัน
- TVXQ ที่ต้องทุกข์ใจกับพฤติกรรมซาแซงที่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างรุนแรง และมีแม้แต่หลักฐานการแอบเข้าไปถ่ายรูปตอนที่แจจุงกำลังหลับ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เขาก็ยอมรับว่า เกิดเรื่องเช่นนี้เป็นสิบๆครั้ง
ภาพของชายแปลกหน้าบุกขึ้นเวทีแล้วกระชากแทยอนแห่ง snsd ที่กำลังแสดงร่วมกับเพื่อนๆยังเป็นโมเมนท์สุดช็อคของวงการ K Pop มาจนถึงปัจจุบันนี้ แม้ว่าเธอจะได้รับความช่วยเหลือทันควัน แต่ในช่วงเวลาชุลมุนนั้น ก็นานพอจะทำให้เกิดเรื่องร้ายหากเขามีอาวุธหรือคิดมุ่งร้ายจับเธอเป็นตัวประกัน เรื่องราวอาจจะคลี่คลายลงโดยไม่เกิดความรุนแรง แต่สังคมก็วิพากษ์วิจารณ์เมื่อมีการเปิดเผยว่า หลังจากตำรวจสอบปากคำผูก่อเหตุแล้ว ไม่พบอาการปิดปกติทางจิต เขาเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาที่ยอมรับปิดแต่โดยดี จึงปล่อยตัวไปโดยไม่แจ้งข้อหา
แต่มันไม่ได้ช่วยการันตีว่าจะไม่มีเหตุการณ์น่าตกใจเกิดขึ้นอีก นึกถึงกรณีของอดีตเด็กฝึกที่ได้เต้นบนเวทีคู่กับ Rain ในท่วงท่าที่ร่างกายแนบชิดกัน แต่เมื่อแสดงจบ ก็ได้รับคำเตือนว่า อย่าเดินกลับคนเดียว เพราะท่าเต้นนี้ได้สร้างความโกรธเกรี้ยวให้กับซาแซง แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ เมื่อเดินออกมาก็หวิดบาดเจ็บเพราะมีแฟนคนหนึ่งขว้างก้อนอิฐใส่เธอแต่เคราะห์ดีที่ผู้จัดการเอาตัวมาบังได้ทัน เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เธอเรียนรู้ถึงความน่ากลัวของซาแซงจนฝังใจ
ภาพจียอน T-ara ถูกแฟนชาวเวียดนามกระชากผม และยูชอน TVXQ ถูกตบเพื่อเรียกร้องความสนใจอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านไปนานแล้ว แต่นี่ก็ยังเป็นเหตุการณ์ที่ยังเกิดขึ้นกับไอดอลใน generation หลังๆ
ความหลงไหลคลั่งไคล้ที่ทำให้ศิลปินระดับ top บาดเจ็บ
มีเปิดเผยข้อมูลเจาะลึกจากซาแซงตัวจริงว่า การผนึกกำลังในรูปแบบเครือข่ายซาแซงนั้นเพิ่มประสิทธิภาพการสะกดรอยตามไอดอลได้อีกหลายเท่า ทั้งการซื้อข้อมูลเพื่อเกาะติดพวกเค้าไปได้ทุกที่ แต่อันตรายนอกเหนือจากความเดือดเนื้อรำคาญใจ การกระทำของซาแซงก็เคยทำให้ศิลปินดังเจ็บตัวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรุมทึ้งจนพวกเค้าล้มลุกคลุกคลาน หรือนั่งรถไล่กวดจนไอดอลเกิดอุบัติเหตุ ดังกรณีของ Jackson แห่ง GOT7 ที่ต้องเจ็บตัวจนแฟนๆใจหาย
ความเปลี่ยนแปลงของการรักษาความปลอดภัยกับคำถามว่า บอดี้การ์ดใช้ความรุนแรงเกินไปไหม?
หลากหลายเหตุการณ์สุดช็อคจากน้ำมือแฟนที่คลั่งไคล้ล้ำเส้น ต้นสังกัดก็ดูจะยกระดับการรักษาความปลอดภัยขึ้นมา แต่หนึ่งประเด็นที่ทำให้สังคมแตกความคิดเห็นหลากหลายคือภาพของบอดี้การ์ดที่พยายามปกป้องENHYPEN จากกลุ่มแฟนที่กรูกันเข้ามารุมล้อมไอดอลอย่างเด็ดขาดด้วยการผลักออกแบบไม่เบาแรง ระยะทางสั้นๆที่ต้องเดินในสนามบินนั้นจำเป็นจะต้องมีบอดี้การ์ดประกบรอบตัวหลายคนราวกับเป็นโล่มนุษย์อันแข็งแกร่ง และยังมีฝ่าย'เก็บกวาด'จนแฟนที่รุมล้อมเข้ามากระเด็นออกจากทางเดิน
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จาก netizen นั้นมีทั้งโจมตีว่า นี่เป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุและและไม่ว่าจะหาเหตุผลใดมาอธิบายก็ฟังไม่ขึ้น แต่ยังมีแฟนๆจำนวนมากยืนยันว่า หากบอดี้การ์ดวางใจให้แฟนเหล่านั้นจู่โจมศิลปิน จะทำให้เกิดความเสี่ยงถึงขั้นเลือดตกยางออก จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน หากแฟนยังไม่สามารถระงับสติอารมณ์ได้ ย่อมเป็นหน้าที่อันสมควรของบอดี้การ์ดที่จะปกป้องศิลปินให้ถึงที่สุด