อดีตคู่รัก Holllywood ที่ FC ยากจะทำใจ move on

19 7

ไม่ได้มีแต่อดีตคู่รักไอดอล  Justin และ Selena เท่านั้นที่แฟนๆอินกับความรักของพวกเค้ามากจนไม่อยาก  move on เมื่อได้รับรู้ข่าวการเลิกรา... บางคนอาจจะเจอกับดราม่ายาวข้ามปี!

Ryan Gosling & Rachel McAdams


The Notebook ได้สร้างความซาบซึ้งตรึงใจให้กับคอหนัง romance จากยุค 2000s โดยเฉพาะแฟนๆที่อินกับความรักของ Allie และ Noah ถึงขั้นที่ตั้งความคาดหวังว่า เคมีที่พร่างพรูของนักแสดงนำทั้งสองคือสัญญาณว่า พวกเค้าจะม่ีความรู้สึกดีๆให้กันในชีวิตจริง

แต่ก็ยังมีคนที่ทัดทานว่า อาจจะเป็นความสามารถทางการแสดงของพวกเค้าที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวรักแท้ของหนุ่มสาวต่างชนชั้นในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ดูน่าเชื่อ แต่ FC ก็ได้พบกับความ complete เมื่อ Ryan และ Rachel ได้ยอมรับตรงๆว่า กำลังคบหากันและเผยโมเมนท์น่ารักๆตามประสาคนกำลังอินเลิฟออกมาหลายครั้ง

ความสัมพันธ์ของพวกเค้านั้นมีจุดเริ่มต้นไม่ต่างจากหนัง rom-com เพราะเมื่อได้โคจรมาร่วมงานกันในกองถ่าย ก็ไม่ถูกชะตากันสุดๆ ตัวผู้กำกับ The Notebook ได้เล่าจากประสบการณ์ตรงว่า พระเอกหนุ่มสุด hot รู้สึกขวางหูขวางตานางเอกแก้มบุ๋มที่จะต้องเข้าฉากรักหวานซึ้งมากถึงขนาดเข้ามาเรียกร้องให้พาเธอออกไป เพราะรู้สึกว่าแสดงไม่เข้ากันซะเลยและขอให้หานางเอกคนอื่นมาซ้อมบทคู่กันแทน แต่เมื่อผู้กำกับปฏิเสธว่า ยังไงก็ทำตามที่เขาเรียกร้องไม่ได้ ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนร่วมงานกันต่อ


หลังจากเกิดความขัดแย้งจากทัศนคติในการทำงานแสดงที่แตกต่างกัน พวกเค้าจึงได้รับคำสั่งให้ปรับความเข้าใจกันในห้องโดยมีโพรดิวเซอร์เข้าไปทำหน้าที่คนกลาง (คอยห้ามทัพ) การปรับความเข้าใจนั้นอาจจะหมายถึงการเปอดโอกาสให้ระบายความรู้สึกกรุ่นโกรธออกมา คนในกองถ่ายได้ยินคู่นักแสดงนำแผดเสียงต่อว่ากันไม่ยั้งกันครู่หนึ่ง และในที่สุดก็รอมชอมกันจนสามารถเข้าฉากนำเสนอผลงานดีๆออกมาได้  

เรื่องราวความรักมักสร้างความประหลาดใจได้เสมอ จากคนที่เกลียดขี้หน้ากัน พวกเค้าก็กลายมาเป็นคู่รักที่ทำให้หลายคนใจฟู ทั้งยังเคย service แฟนๆด้วยการ revreate ฉากจูบอันลือลั่นที่ทำให้พวกเค้าคว้ารางวัล 'จูบยอดเยี่ยม' บนเวที MTV Movie Awards ในปี 2005



Ryan ได้เปิดใจผ่านสื่อว่า  การนำแสดงใน The Notebook ได้นำเขามารู้จักความรักอันยอดเยี่ยม  และขยายความว่า  เรื่องราวความรักของพวกเค้ามีความ romantic ซะยิ่งกว่าหนัง  The Notebook  ซะอีก  แต่เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินไปราวๆสามปี  FC ก็ต้องใจหายเมื่อพวกเค้าตัดสินใจเลิกรากัน  ยังมีอีกหลายคนยังทำใจยอมรับไม่ได้ เรียกร้องให้พวกเค้ากลับมาปรับความเข้าใจเพื่อให้โอกาสเริ่มต้นใหม่  พวกเค้ามองว่า Rachel และ Ryan เหมาะสมกันยากที่จะหาใครมาแทนที่ได้

เมื่อพวกเค้ากลับมาคืนดีกันจริงๆ ก็ได้สร้างความตื่นเต้นกันยกใหญ่ แต่มันเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายก่อนจะลงเอยด้วยการเลิกรากันอย่างถาวรไปในที่สุด พวกเค้ากลับมาหากันเพื่อจะทำให้แน่ใจว่า เข้ากันไม่ได้จริงๆ


มีพบ...มีจาก  ฟังดูแล้วก็ไม่ต่างจากความรักของหนุ่มสาวทั่วไป  แต่ความยึดติดของแฟนๆก็ส่งผลกระทบเมื่อฝ่ายชาย move  on  แม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเลิกกับ  Rachel ไปแล้วถึง 3 ปี   การเข้ารับบทพระเอกในหนัง The Place Beyond the Pines  ได้นำมาเขามาพบกับนางเอกสาวเชื้อสายละติน่า  Eva Mendes   แม้พวกเค้าจะออกเดทแบบไม่เก็บตัวหลบๆซ่อนๆ  แต่ก็รักษา privacy ไว้อย่างเหนียวแน่น  ไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องความรักวออกสื่อมากนัก และดูระมัดระวังตัวจนชาวเน็ทเกิดความสงสัยในรูปแบบของความสัมพันธ์ว่ามีความจริงจังไปถึงขั้นใด  เหตุใดจึงดูลึกลับซับซ้อนเพียงนี้?

ร้ายไปกว่านั้น ยังมีแฟนที่ยังไม่สามารถ move on ไปจากความรักครั้งเก่าของ Ryan & Rachel รุมว่าร้าย Eva เสียๆหายๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่เธออายุมากกว่าเขา 7 ปี หรือติเตียนว่า เธอดูไม่เหมาะสมกับเขาเลย แตกต่างจากตอนที่เขายังรักกับ Rachel ที่ชวนอินมากกว่า ถึงขนาดสื่อแทบลอยด์เคยปล่อยข่าวว่า Eva ไม่พอใจอย่างหนักที่ Ryan ยังรักษามิตรภาพดีๆกับอดีตสาวคนรัก และยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ใจช่วงเลิกรากับแฟน บางคนแช่งชักให้ Ryan เลิกกับ Eva และไปปลอบใจ Rachel เพื่อจะกลับมาเป็นคู่รักคนดังในอุดมคติของพวกเค้าอีกครั้ง

แทบลอยด์บางเจ้าพยายามปั่นข่าวว่า เพื่อนฝูงของ Ryan ชื่นชอบ Rachel มากกว่า Eva และเขาก็ยังมีทีท่าเฉยชากับเธอ ไม่ได้แสดงออกอย่างร้อนแรงเหมือนกับครั้งที่ยังคบกับคนเก่า บางเจ้าก็ใส่ไฟว่า Rachel กำลังหาจัหวะรอเสียบเมื่อความสัมพันธ์ใหม่ของ Ryan มีปัญหา


  แต่วันเวลาก็ได้ชี้ชัดว่า ข่าวลือพวกนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ


พลังงานด้านลบจากกลุ่มคนที่ปล่อยวางไม่ได้ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ของคู่นี้ แม้ว่าจะยังรักษา privacy ไว้อย่างเหนียวแน่น แทบจะไม่ออกงานด้วยกัน และนานๆครั้งจึงจะให้สัมภาษณ์เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ แต่พวกเค้ารักกันแบบเงียบๆ รักกันแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามกับพื้นที่ส่วนตัว ก็อยู่กินสร้างครอบครัวร่วมกันมาได้หลายปีโดยที่ไม่มีข่าวเตียงหักมารบกวน

วันเวลาต่างหากที่พิสูจน์ความรัก   ไม่ใช่การกดดันจากชาวเน็ทที่เรียกร้องให้คนดังดำเนินความสัมพันธ์ตามที่พวกเค้าอยากเห็น   เมื่อหลายปีก่อนอาจจะมีกลุ่มคนที่อยากเห็น  Ryan และ Rachel  กลับมาครองรักกันยาวนานดั่งหนัง The Notebook แต่ฝ่าย Racchel gv'ก็ move on ไปพบกับรักใหม่ที่มั่นคงไม่แพ้กับแฟนเก่า  เธอพบรักกับหนุ่มนักเขียนบท Jamie Linden  และใช้ชีวิตด้วยกันและทำหน้าที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูกสาวลูกชายที่ยังเล็ก  ซึ่งนโยบายเรื่องการรักษา privacy ก็เข้มงวดไม่ต่างจากบ้าน Ryan และ Eva  เลย   สาธารณชนจะไม่ได้รับรู้ถึงชีวิตรักและครอบครัวของพวกเค้ามากนัก นอกจากจะยอมเอ่ยปากเล่าเล็กๆน้อยๆ   คงนึกภาพกันออกว่า กระแสลุ้นให้ Ryand และ  Rachel ให้กลับมารักกับค่อยๆแผ่วหายจนเงียบสนิทมาหลายปีแล้ว


Robert Pattinson & Kristen Stewart

เมื่อหลายปีก่อน หลายคนอาจจะพอผ่านหูผ่านกับวลี 'Robsten Forever' สโลแกนประจำใจบรรดา FC คู่รักคนดังแห่งหนัง Twilight     พวกเค้าคือคู่จิ้นที่ตกหลุมรักกันระหว่างถ่ายทำหนังรักแฟนตาซีที่สร้างปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้ไปในหลายประเทศ   กระแสความนิยมอันร้อนแรงของ Rob และ Kristen ทำให้หลายคนสัมผัสได้ว่า พวกเค้ากำลังมีใจให้กันแต่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา (ในขณะที่หนังภาคแรกที่ปล่อยตัวออกมา Kristen ยังเป็นสาววัยทีน  ส่วน Rob แก่กว่า 4 ปี)   เกิดข่าวลือแพร่สะพัดเรื่องแอบคบกันอยู่นานเป็นปี แต่ก็ยังยืนกรานว่าเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น  และคนที่ออกมา confirm เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเค้ากลับเป็น producer หนัง Eclipse    กว่าที่ Kristen จะเรียก Rob ว่า 'คนรักของฉัน' ในการสัมภาษณ์อย่างเต็มปากเต็มคำ ก็ปี 2011 เข้าไปแล้ว  (พวกเค้าพบกันเพื่อถ่ายทำหนังในปี 2007)


เมื่อพวกเค้าเดินหน้าความสัมพันธ์อน่างเปิดเผย ก็เปรียบเหมือนกับฝันที่เป็นจริงของบรรดาติ่ง ชื่อเล่นแพ็คคู่ว่า Robsten นั้นถูกใช้อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ บางคนถึงกับจินตนการเรื่องการสละโสดของคู่นี้ไว้เรียบร้อย ทำให้ฝ่ายชายต้องออกมาให้ข่าวว่า ยังไม่คิดจะแต่งงาน แต่นั่นก็ไม่ได้ลดทอนกระแสความคลั่งไคล้ของคู่นี้ลงไปอย่างใด fever ถึงขนาดที่บรรดา gossip bloggers และชาวเน็ทหันมาจิกกัดแฟนด้อมกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรียกด้วยฉายาว่า Twihard ก็ยังล้อเลียนด้วยมุกเจ็บแสบ และมีการตั้งข้อสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับติ่งของ Robsten  หากคู่รักคู่นี้เลิกรากัน?
 
ความรักของ Robsten ดูเป็นไปด้วยดี แม้ว่าสื่อจะติดตามจับจ้องพวกเค้าทุกความเคลื่อนไหว แต่กลับมีเหตุการณ์แอบถ่ายฝีมือ paparazi อันเป็นจุดกำเนิด 'การนอกใจระดับตำนาน' ที่เบียดบังให้ gossip อื่นๆในปี 2012 จืดลงไปสนิท

ภาพ Kristen ที่กำลังนัวเนียกับ Rupert ผู้กำกับหนัง Snow White and the Huntsman ยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องราวการนอกใจที่สั่นสะเทือน Hollywood มากที่สุด เพราะคนทั้งสองที่ปรากฏในภาพเหล่านั้นไม่สามารถบิดพลิ้วไปได้เลยว่า พวกเค้าไม่ได้มีความสัมพันธ์เกินเลย Kristen ออกแถลงการณ์ขออภัยในการกระทำที่ไม่ระมัดระวังตัว และยืนยันในความรักที่มีต่อ Rob ข่าวลือและทฤษฎีต่างๆถูกนำเสนอขึ้นมาไม่หยุดหย่อน คงไม่เกินไปนักหากจะบรรยาปฏิกิริยาจากแฟนด้อมของ Robsten ว่า เป็นอาการเข่าอ่อนแทบล้ม คงไม่มีใครคาดคิดว่า พวกเค้าจะต้องแยกจากกันเพราะเหตุการณ์ที่ฉาวโฉ่ถึงเพียงนี้



แต่ถึงกระนั้น FC ก็ยังปักใจว่า ความรักของ Robsten แกร่งเกินกว่าจะถูกทำลายด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของฝ่ายหญิง บางคนเชื่อว่า เธอเพียงถูกหนุ่มอายุมากกว่าที่ช่ำชองด้วยประสบการณ์หลอกล่อให้เดินออกนอกลู่นอกทาง และรออีกไม่นานนัก Rob ก็จะบรรเทาจากความโกรธและอ้าแขนต้อนรับเธอกลับมา


ไม่กี่เดือนจากนั้น ดูเหมือนว่า ความหวังของ FC ได้กลายเป็นจริงอีกครั้ง เพราะ paparazzi สามารถจับภาพ Robsten กำลังใช้เวลาด้วยกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม พวกเค้าร่วมโพรโมทหนัง The Twilight Saga: Breaking Dawn – Part 2. ด้วยกันโดยไม่ได้วางทีท่าเย็นชาจนเกิดบรรยากาศอึดอัด พวกเค้ายังคบกันต่ออีกหลายเดือน แต่จู่ๆก็แยกทางกันอีกครั้ง ทำให้มีการคาดเดาสาเหตุไปต่างๆนานา โดยที่หลายคนเชื่อว่า ดราม่าจากการถูกสื่อเปิดโปงครั้งนั้นส่งผลให้ Rob ไม่อาจจะเชื่อใจแฟนสาวคนสวยได้อีก




นอกจากนั้น ยังมีคนที่มองว่า นี่คือการแยกทางแบบจบไม่สวย จากทีท่าของทั้งคู่เมื่อสื่อตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์ในอดีต ความเห็นที่น่าสนใจจาก Kristen ก็คือ ผู้คนตั้งความคาดหวังอยากจะเห็นเธอและ Rob ลงเอยเป็นคนรักกันอย่างล้นหลามจนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเค้ากลายเป็นเหมือนกับผลผลิต ไม่ใช่ความรักที่อิงอยู่ในโลกแห่งความจริง ซึ่งเธอมองมันเป็นสิ่งน่ารังเกียจ เพราะเธอไม่อยากจะลงเอยเป็นแค่เรื่องราวที่สร้างความบันเทิงให้กับคนอื่น ทั้งสองต้องพบกับคำถามเรื่องอดีตรักจากสื่อซ้ำๆ ซึ่งพวกเค้าก็ได้ตอบไปในทิศทางเดียวกันก็คือ เพราะยังอายุน้อยจึงทำบางอย่างที่ไม่ค่อยฉลาดไปบ้างเท่านั้น



แต่สำหรับคนที่คิดว่า  Rob และ  Kristen จะบาดหมางกันจนมองหน้ากันไม่ติดอาจจะรู้สึแปลกใจเมื่อได้รู้ว่า  เมื่อปีที่แล้ว  เธอได้ไปเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดครบ 37 ปีของเขา  ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ move on ไปมีความสัมพันธ์จริงจังกับคนใหม่แล้ว   ฝ่าย Rob เองก็เคยตอบสื่อว่า  เขายังปรองดองกับคนรักเก่าดี

หนึ่งในเรื่องราวที่เผยถึงความ toxic ของแฟนด้อมคือ ปฏิกิริยารุนแรงของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจอย่างหนักกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของ Rob เขาควงคู่กับศิลปินสาว FKA Twigs อย่างเปิดเผยทั้งบนพรมแดงและอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ชีวิตรักกับพระเอกที่แฟนๆมากมายคลั่งไคล้และหวงแหนกลับทำให้เธอต้องเผชิญกับข้อความร้ายกาจและการเหยียดผิว เหยียบย่ำเรื่องรูปร่างหน้าตาของเธอว่าอัปลักษณ์ และรุมเหยียดเชื้อชาติด้วยการเรียกเธอว่า ยัยจ๋อ ทั้งยังยกเอา Kristen มาเปรียบเทียบเพื่อให้เธอสำเหนียกว่า เธอไม่มีอะไรคู่ควรกับ Rob เลย หลายคนยังใช้ข้อมูลจากสื่อแทบลอยด์และ gossip blog ที่ไร้หลักฐานมากล่าวหาว่าเธออิจฉาและพยายามแข่งกับ Kristen ถึงขนาดว่าฟันธงว่า เธอคบกับ Rob เพื่อหวังสูบเงินของเขา กระแสโจมตี Twigs จากแฟนกลุ่มนี้ทำให้ Rob ที่มักสงบนิ่งกับคำวิจารณ์ต้องออกมาโจมตีชาวเน็ทที่คุกคามแฟนสาวด้วยพฤติกรรมเหยียดผิวว่า เป็นพวกสัตว์ประหลาดซ่อนตัวในห้องใต้ดิน ไม่ใช่คนที่มีจิตใจปกติ








แม้จะมีแฟน toxic กลุ่มหนึ่งต่อต้านความรักของพวกเค้า แต่จุดหนึ่ง Rob ก็เคยตกลงใจหมั้นหมายกับ Twigs แต่ในที่สุดพวกเค้าก็พบว่าไม่สามารถไปต่อได้ และเลิกรากันหลังจากคบหากันมา 3 ปี แต่ประสบการณ์อันย่ำแย่จากการตกเป็นเหยื่อ cyberbullying ก็ส่งผลกระทบหนักต่อจิตใจของเธอ เธอต้องรับมือกับถ้อยคำทิ่มแทงและต่ำช้าเป็นที่สุด เป็นเวลานับปีที่เธอวิตกกังวลตอนถูกถ่ายรูป กลัวว่าคนอื่นจะประนามหยามเหยียดว่าเธอหน้าตาเหมือนลิง

มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า แฟนกลุ่มนี้ไรับไม่ได้เมื่อ Rob มีความรักกับหญิงสาวที่ดูแตกต่างจาก 'มาตรฐาน'ที่พวกเค้าคาดหวังไว้  ทั้งๆที่ในขณะนั้น Kristen ก็เปิดตัวความสัมพันธ์กับแฟนสาวจนเป็นข่าวดัง ไม่ได้มีทีท่าอาลัยอาวรณ์ในตัวแดีตแฟนหนุ่มที่เลิกรากันไปนานกว่า 3 ปี   แต่สาวคนรักใหม่ที่มีเชื้อสายผิวดำ ห่างไกลจากภาพของ Bella Swan ได้กระตุกต่อมโกรธเกรี้ยวและริษยาจนระบายออกมาเป็นพฤติกรรม cyberbullying ที่น่ารังเกียจ

หลังจากที่ Rob ได้พบรักใหม่กับนางเอก/ศิลปินสาว Suki Waterhouse และรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ยาวนานเกือบ 6 ปี นั่นทำให้ชาวเน็ทหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า นี่คือสิ่งที่แสดงออกถึงพฤติกรรม racist ของแฟนกลุ่มหนึ่งได้ชัดเจน เนื่องจากทั้งคู่สามารถคบหากันยาวๆได้อย่างราบรื่น ฝ่ายหญิงไม่ต้องพบกับการคุกคามชวนจิตตกเพราะเธอเป็นสาวคอเคเชียน ผมและตาสีอ่อน ต่างจากกรณีของ FKA Twigs ที่มีเชื้อสาย African ทำให้ถูกชาวเน็ทไล่ด่าว่าเป็นลิงจ๋อรัวๆ


ส่วนหนึ่งที่กระแสเปรียบเทียบแฟนเก่ากับแฟนใหม่เงียบลงไป อาจจะเป็นเพราะว่า สัญญาณที่คู่ Robsten จะหวนคืนมาเติมเต็มความฝันของกลุ่ม Twihard นั้นเงียบวนิท พวกเค้าแยกกันแบบทางใครทางมันจริงๆ แต่สื่อก็ยังไม่ปล่อยให้พวกเค้าได้อยู่แบบสงบโโยไม่ต้องรื้อฟื้นอดีต Kristen จึงไประกาศว่า จะไม่พูดเรื่องความสัมพันธ์ครั้งเก่ากับ Rob อีกแล้ว เพราะมันพิลึกพิลั่นเกินไปที่จะต้องมาคอยอธิบายไม่จบไม่สิ้นลากยาวป็นสิบปี


สถานะปัจจุบันของอดีตคู่ Robsten ที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ FC ปรารถนา


Kristen หมั้นหมายกับแฟนสาว ทั้งสองตัดสินใจฝากไข่ไว้ เพื่อในอนาคตข้างหน้าอาจพวกเค้าอาจจะใคร่ครวญเรื่องการให้กำเนิดลูก

Rob เพิ่งต้อนรับลูกน้อยคนแรกกับ Suki มีข่าวลือออกมาว่า พวกเค้าหมั้นกันแล้ว




Andrew Garfield &  Emma Stone


อดีตคู่ขวัญจากหนัง Spider-man อาจจะไม่มีดราม่า FC ตามโจมตีแฟนใหม่ แต่ก็เป็นความรักคนดังที่ทำให้หลายคนออกปากว่า น่าเสียดายเป็นที่สุดที่ต้องยอมรับว่า พวกเค้าไปกันไม่ได้ หากจะให้เปรียบเทียบความน่ารักชวนใจฟู ก็คงไม่ต่างจากคู่ Tomdaya ในยุคใหม่นัก พวกเค้าเป็นนักแสดงสายรางวัลกันทั้งคู่ ภาพลักษณ์ก็ clean ไม่ใช่กลุ่มคนดังที่มีดราม่าบ่อยๆ และยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจที่ดูเป็นธรรมชาติ พอทั้งสองตกหลุมรักกัน ความน่ารักน่าเชียร์ก็เพิ่มพูน x 2   ทำให้ FC ตั้งความหวังว่า จะได้เห็นพวกเค้าก้าวสู่พิธีวิวาห์ครองรักกันตลอดไป

เห็นภาพที่สองคนนี้แสดงความรักกันตามท้องถนนก็ทำให้คิดว่า เอ๊ะหรือว่ากำลังถ่ายหนังรักกันอยู่รึเปล่านะ?  เคมีดีงามแบบไม่ต้องประดิษฐ์  เหมือนแค่พวกเค้าได้ควงแขนกันไปเที่ยวข้างนอกในวันสบายๆก็มีความสุขฉ่ำใจจนน่าอิจฉา  ยามให้สัมภาษณ์ถึงแฟน ก็จะพูดไปพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายด้วยพลังความคลั่งรัก+ภูมิใจ  เมื่อมีรายงานข่าวว่า ความสัมพันธ์ของพวกเค้ากำลังเกิดปัญหา  เหล่า FC จึงไม่อยากทำใจเชื่อนัก  หลายคนพยายามให้เหตุผลแทนว่า อาจจะไม่ได้เห็นพวกเค้าอยู่เคียงข้างกันมากเหมือนเมื่อก่อนเพราะตารางงานที่หนาแน่น  หรือพวกเค้าอาจจะอยู่ในช่วงห่างกันสักพักแล้วอีกไม่นานก็น่าจะกลับมาหวานใส่กันเหมือนที่ผ่านมา

ในปี 2015 หลังจากต้องห่างเหินกันไปเพราะการถ่ายทำหนังในคนละประเทศ Andrew และ Emma ก็กลับมาใช้เวลาในช่วงเทศกาลร่วมกันอีกครั้ง แต่สื่อกลับมองว่า สถานะของพวกเค้ากลับดูไม่ชัดเจนนัก แม้จะมีภาพออกเดทกันแต่เพียงไม่กี่เดือนก็มีข่าวว่าพวกเค้าตัดสินใจแยกทางกันจริงๆ ถึงแม้จะเป็นการจากกันด้วยดี และยังนัดพบกันบ้างเป็นบางโอกาสจนทำให้แฟนๆร่วมลุ้นให้พวกเค้ากลับมาคืนดีกัน แต่แหล่งข่าวก็ได้กระซิบบอกสื่อว่า นี่เป็นการเจอกันแบบเพื่อน ไม่ใช่การรื้อฟื้นความสัมพันธ์แบบคนรัก หนึ่งปีจากนั้น Emma ก็ได้เปิดใจกับนิตยสาร Vogue ว่า เธอยังรัก Andrew มากมาย

(ฟังแล้วใจหาย)

แต่ถึงแม่ว่าจะไม่สามารถเป็นคนรักกันต่อไปได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเค้าจะหยุดสนับสนุนกัน Emma ยังไปให้กำลังใจ Andrew ในการแสดงละครเวทีและนัดดินเนอร์กันจนทำให้เกิดข่าวลือว่า เป็นไปได้ที่อดีตคู่รักขวัญใจแฟนๆจะหวนกลับมาเปิดใจให้กัยอีกครั้ง แต่สิ่งที่ดับความหวังของกองเชียร์คือข่าวคนรักใหม่ของนางเอก Oscar เธอเริ่มคบหากับผู้กำกับ/โพรดิวเซอร์ Dave McCary มาตั้งแต่ปี 2017 และการนัดกับ Andrew นั้นเป็นรูปแบบของเพื่อนพบเพื่อนเท่านั้น ถึงความรักครั้งใหม่ของเธอจะดู low key กว่าตอนที่คบกับ Andrew แต่ก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบหลบๆซ่อนๆ รักกันเงียบๆมาสองปีก็ประกาศหมั้น แต่เรื่องความหวง privacy นั้นทำให้ Emma เลือกจัดงานแต่งแบบลับสุดยอด และยังปิดเรื่องการตั้งครรภ์ไว้ได้นานหลายเดือน แม้กระทั่งคลอดไปแล้วก็ไม่ระบุเพศหรือชื่อของลูกน้อย สื่อต้องไปสืบเสาะหาข้อมูลจากทะเบียนใบเกิดกันเอง

ทางด้าน Andrew เองก็ไม่ได้ครองตัวเป็นโสดยาวนาน เขามีข่าวสาวๆในวงการหลายคน  แต่ยังไม่คบกับใครได้นานเท่ากับ  Emma   แม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้วหลายปี  มิตรภาพของพวกเค้าก็ยังไม่คลอนแคลน   ไม่นานมานี้ Andrew ยังไปเซอร์ไพรส์เธอที่งานฉาย Poor Thing รอบปฐมทัศน์  และแฟนๆเชื่อว่า ท่าทางชี้มือชี้ไม้ของ Emma มาจากความดีใจที่ได้เห็นอดีตคนรักในกลุ่มผู้ชมนั่นเอง
แม้แฟนๆจะเคยอินกับความรักแสนสดใสของนักแสดงคนโปรดขนไม่อาจทำใจยอมรับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลง  รวมถึงความรักของสองคน  แม้ว่าจะสร้างความรักมาด้วยกันและผูกพันจนยากจะแยกจาก  แต่ก็อาจจะมีตัวแปรเข้ามาทำให้ต้องเลือกคนละเส้นทาง และไม่สามารถอยู่เคียงข้างกายกันในฐานะคนรักได้อีก    แต่หากเป็นการจากลาด้วยความเข้าใจ ยังทะนุถนอมความทรงจำและมิตรภาพที่มีค่าไว้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องโศกเศร้าโกรธเคือง  ดังที่ Andrew ได้บรรยายความรู้สึกที่มีต่อ Emma  ไว้ว่า  

"มันเป็นเรื่องที่ดีงามเพราะพวกเราห่วงใยกันมากจริงๆ และทำให้กลายเป็นมิตรภาพที่ไร้การตั้งเงื่อนไข พวกเราได้มีความรักและความเคาระนับถือให้กันและกัน"

เขายืนยันว่า เป็นแฟนการแสดงของเธอ และปลาบปลื้มที่ได้เฝ้ามองเธอประสบความความสำเร็จและเบ่งบานเติบโตกลายเป็นนางเอกชั้นนำ การมีโอกาสส่งกำลังใจให้กันจึงเป็นสิ่งที่งดงาม

แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกเสียดายที่คู่นี้ไม่ได้ลงเอยกัน แต่พวกเค้าก็ไม่ต้องรับมือกับดราม่า FC ตามไปถล่มคนรักใหม่ด้วยความเจ็บแค้นแทน แต่แสดงความชื่นชมที่พวกเค้าสามารถสานต่อความเป็นเพื่อนหลังจากเลิกรา และยินดีกับความรักครั้งใหม่ของพวกเค้าได้อย่างจริงใจ


น่าจะมีเรื่องราวแบบ  Andrew และ Emma มากขึ้นกว่านี้  สังคมจะเกิดความจรรโลงใจขึ้นอีกเยอะหากคนเราจะปล่อยวางและไม่คอยพิพากษาคนอื่นโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวชีวิตเบื้องลึกเบื้องหลังของคนอื่น   ถึงแม้จะอินกับความรักของคนดังขวัญใจราวกับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง   แต่หากให้สำคัญกับการติดตามเรื่องราวด้วยวุฒิภาวะและวิจารณญาณก็จะช่วยลดความ toxic จากสังคมออนไลน์ไปได้


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE