อำลาอาลัย 'Maggie Smith' Professor McGonagall ที่รักของแฟนๆ

12 5

การจากไปของ Maggie Smith นักแสดงอาวุโสที่โลดแล่นในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาทยาวเนิ่นนานกว่าเจ็ดทศวรรษนับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิง ซึ่งอาจจะทำให้แฟนๆ Harry Potter และ Downton Abbey หลายคนต้องพบกับความโศกเศร้าใจหาย รวมถึงศิลปินบันเทิงและบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมต่างออกมาไว้อาลัยและเชิดชูถึงความดีงามของนางเอกผู้วายชนม์

มาร่วมรำลึกถึงฝีมือการแสดงเก่งฉกาจระดับขึ้นหิ้งของ Maggie Smith และติดตามเส้นทางชีวิตที่มีสีสันยืนยาวมาถึง 89 ปีของเธอได้เลยค่ะ

ค้นพบพรวรรค์และมุ่งมั่นในการแสดงตั้งแต่ยังเป็นสาวใส
สำเนียงสุดหรูของ Maggie ที่ปรากฏในผลงานหลากหลายเรื่องอาจจะทำให้ผู้ชมคิดกันว่า เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มาจากตระกูลผู้ลากมากดี แต่แท้จริงแล้วเธออยู่ในครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักเทคนิคการแพทย์จาก Newcastle และแม่ชาวสก็อทที่ทำงานเป็นเลขานุการ พวกเค้าย้ายครอบครัวจากทางเหนือมายัง University of Oxford เพื่อหน้าที่การงานของพ่อ แต่การเรียนของเธอก็ดูจะพอแค่พอถูไถไปได้แตกต่างจากพี่ชายคู่แฝดที่เข้าเรียนสถาปัตยกรรมทั้งสองคน จู่ๆครูมัธยมก็แนะนำให้เธอฝึกฝนเพื่อเป็นนัักแสดง  ซึ่งเธอยอมรับว่า ตัวเองอาจจะดูประหลาดซะจนฉายแววให้ครูสังเกตเห็นอะไรบางอบ่างในตัว ทั้งๆที่เธอดูไม่ได้เชื่อมโยงกับการแสดงแต่อย่างใด เธอไม่เคยไปชมการแสดงละครเวทีซะด้วยซ้ำ ส่วนที่บ้านดูจะไม่ชอบใจหากเธออยากลองชมภาพยนตร์ ที่พอจะหาความเพลิดเพลินได้ก็พอจะมีแต่อ่านหนังสือ แต่การแนะแนวในครั้งนั้นก็ได้พลิกเส้นทางชีวิตของเธอให้แตกต่างจากคนในครอบครัวอย่างสิ้นเชิง

คงจะพอเดาได้ว่า การตัดสินก้าวสู่เส้นทางการแสดงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ของเธออย่างเต็มที่ Maggie ในวัย 16 ถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปสมัครเข้าฝึกฝนใน Royal Academy of Dramatic Art ที่เมืองกรุง จึงเลือกทดสอบเพื่อเข้าศึกษาวิชาการแสดงที่ Oxford Playhouse School of Theatre โดยที่ไม่ได้ลงเรียนเลขานุการไว้เป็นแผนสำรองตามที่แม่แนะนำ



ย้อนไปในยุค 1950s เรื่องที่นักแสดงสาวโนเนมจากอังกฤษจะถูกปลุกปั้นให้โด่งดังใน Hollywood ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายดาย เธอต้องเริ่มต้นจากแสดงละครเวทีซึ่งเป็นศิลปะบันเทิงที่ได้รับความนิยมในสังคมอังกฤษมาช้านาน แต่ใช้เวลาเทรนในโรงเรียนเรียนการละครเพียงไม่นาน Maggie วัย 17 ก็ได้เดบิวท์ในฐานะนักแสดงมืออาชีพ จากโรงละครอังกฤษก็ทะยานสู่ละครบรอดเวย์ในเวลาเพียงไม่กี่ปี พัฒนาการในการแสดงเวทีน่าจะถูกจัดอยู่ในขั้นก้าวกระโดด แต่กว่าจะเป็นที่ยอมรับในวงการ Hollywood เธอก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ความสามารถนานพอสมควร 

ขัดเกลาฝีมือจนโดดเด่นก้าวสู่รางวัล Oscar


ติตติศัพท์ถึงฝีมือการแสดงดึงดูดใจให้ผู้ก่อตั้งโรงละครแห่งชาติทาบทามให้เธอเข้ามาร่วมเป็นดาวเด่น ขึ้นเวทีแสดงกี่เรื่องก็ได้รับรีวิวในแง่บวก ไม่ว่าจะเป็นบทบาท comedy หรือโศกนาฏกรรมช้ำทรวง เมื่อเธอหันมาสร้างชื่อจากวงการจอเงินก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยหน้า แม้จะไม่ได้รับบทนำไปหมดทุกเรื่อง แต่ก็ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการแย่งซีนจนเป็นที่จดจำของผู้ชม เธอเข้าชิงรางวัล Oscar สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกจากหนัง Othello ในปี 1966 และอีกสามปีต่อมา ผลงาน The Prime of Miss Jean Brodie ก็ส่งให้ Maggie คว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Ocsar ได้สำเร็จ แม้จะนี่จะไม่ใช่ผลงานทำกำไรล้นหลาม แต่พลังการแสดงของ Maggie ที่พลิกแพลงความมีชีวิตชีวาของละครเวทีมาสู่การแสดงบนจอเงินสามารถดึงดูดคำชื่นชมจากนักวิจารณ์อย่างเป็นเอกฉันท์

แต่แม้ว่าเธอจะขึ้นแท่นนักแสดง A List ด้วย Oscar ตัวแรกในวัย 35 ปี และได้รับความสนใจจากนักสร้างหนัง Hollywood ที่หยิบยื่นบทนำในผลงานอีกหลายเรื่อง จนกระทั่ง California Suite ทำให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Oscar อีกครั้งในปี 1978  และยังกวาดรางวัลที่การันตีฝีมือการแสดงมามากมาย พร้อมทั้งการเชิดชูเกียรติคุณจากองค์กรต่างๆในฐานะตำนานที่เป็นต้นแบบให้กับคนรุ่นหลัง แต่กว่าที่เธอจะ mass เปรี้ยงปังไปทั่วโลกจริงๆ ก็เข้าสู่บั้นปลายของชีวิตไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่า เมื่อพูดถึงผลงานเด่นหลากหลายเรื่องของ Maggie Smith หากไม่ใช่ละครเวทีจากผลงานการประพันธ์สุดคลาสสิค ก็เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากบทละครเวทีและนิยาย ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์ที่ทุ่นทุนสร้างเพื่อเก็งกำไรจากผู้ชมทั่วโลก


บทบาท Iconic จาก Harry Potter บทไม่ต้องเยอะแต่ชนะใจแฟนๆ

ย้อนไปเมื่อ 23 ปีก่อน การตัดสินใจรับบท Professor McGonagall รองอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ Hogwarts พ่วงด้วยตำแหน่งอาจารย์หัวหน้าบ้าน Gryffindor ก็เปรียบเหมือนกับ booster เพิ่มพูนความนิยมของ Maggie ในกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่ แม้จะเป็นบทสมทบที่มีเวลาปรากฏตัวบนจอไม่มากเท่ากับนักแสดงนำ แต่บุคลิกคุณครูเจ้าระเบียบที่แอบใจดีก็สร้างความตราตรึงในใจแฟนๆตราบเท่าทุกวันนี้ เธอเองก็เคยเล่าถึงประสบการณ์ที่มีเด็กตัวเล็กๆมาคอยทักทายเมื่อได้พบเจอเธอมามากมายหลายครั้งและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจ แต่ก็ยอมรับว่าเด็กๆเหล่านั้นไม่เคยรับรู้ถึงตัวตนของเธอก่อนหน้าจะมารับบทแม่มดใน Harry Potter แม้แต่น้อย

การสวมบทบาทท่านย่าปากร้ายยิ่งตอกย้ำความโด่งดัง


Harry Potter อาจจะทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ชมวัยเยาว์ แต่ว่ากันว่า บทบาท Countess of Grantham หรือท่านย่าผู้สูงศักดิ์แห่ง Downton Abbey ต่างหากที่ใกล้เคียงกับบุคลิกของ Maggie มากกว่า ในชีวิตจริง Maggie อาจจะไม่เอาแต่เชือดเฉือนคนอื่นด้วยศัพท์ผู้ดีแบบท่านย่า Violet แต่เธอก็โดดเด่นเรื่องอารมณ์ขันร้ายกาจที่แฝงมาด้วยสติปัญญาเฉียบคม ซึ่งมีคำยืนยันจากนางเอกอาวุโสว่า

"มันเป็นเรื่องจริงจ้ะ ฉันทนพวกงี่เง่าไม่ได้เลย แต่คนพวกนั้นก็รับฉันไม่ไหวเหมือนกัน ฉันเป็นประเภทมีหนามแหลมทิ่มแทงน่ะ คงเป็นเพราะอย่างนี้ ฉันถึงเก่งเรื่องการสวมบทบาทสุภาพสตรีชราเจ้าอารมณ์"

เรื่องความน่ารักใจดี แต่ใช้คำพูดแทงใจดำนั้นเป็นบุคลิกประจำตัวนักแสดงอาวุโสที่เพื่อนร่วมงานกล่าวถึงเป็นเสียงเดียวกัน



การแสดงหนังฟอร์มยักษ์ที่ต้องแบ่งแอร์ไทม์ให้กับตัวละครมากมายอาจจะไม่เปิดโอกาสให้ Maggie ได้เฉิดฉายได้เต็มที่ แต่การแสดงอันจัดจ้านใน Downton Abbey ซีรีส์พีเรียดชื่อดังแห่งอังกฤษ ทำให้แฟนๆยอมรับว่า หากขาดท่านย่า Violet ไป เรื่องราวคงกร่อยสุดๆ แม้จะเป็นบทคนแก่ปากร้ายที่เย่อหยิ่งชวนหมั่นไส้ในบางครั้ง แต่กลับได้รับความรักจากแฟนๆมากมายทีเดียว ไหนจะมีบทพูดจิกกัดสไตล์ผู้ดีที่เผ็ดแซ่บจนน่าจดเก็บไว้เพื่อไปใช้โต้กลับพวกที่ชวนให้เราเสียอารมณ์ ยังมีอีกหลาย quotes ของท่านย่าฟังดูไม่ต่างจาก life coaching ที่ฝากแง่คิดน่าสนใจและ empower ถึงขนาดหลายคนยกให้เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีชื่อเสียงที่ช่วยปลุก Granny Era ให้รุ่งเรืองขึ้นมา

บทนี้นี่เองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธออย่างสิ้นเชิง เพราะแม้แต่หลังจากที่มีชื่อเสียงจาก Harry Potter เธอก็ยังดำเนินชีวิตแบบสงบเงียบมาได้ตลอด แต่ความสำเร็จจากบทท่านย่า Violet ความสนใจจากแฟนๆที่ถาโถมเข้ามาก็ทำเอาเธอไปชมละครหรือแกลเลอรี่ตามลำพังไม่ได้อีกเลย ทำให้เธอต้องทำใจกับความเปลี่ยนแปลง

"ฉันทำงานนี้มาเนิ่นนานก่อนจะแสดงใน Downton Abbey  ไม่เห็นจะมีใครจำได้เลยว่าฉันเป็นใคร อะไรๆมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"

เส้นทางอันรุ่นโรจน์จวบจนวาระสุดท้าย

แม้ว่าจะมีรักษาชื่อเสียงยาวนานข้ามยุคสมัยจนใกล้เข้าสู่วัยเก้าสิบ แต่ Maggie Smith ก็ได้พิสูจน์ว่า เธอยังเป็นที่ต้องการในแวดวงอาชีพศิลปะการแสดง ผลงานสุดท้ายของเธอคือบทนำในหนัง The Miracle Club ที่เข้าฉายเมื่อปีที่แล้ว และยังได้รับการทาบทามจาก LOEWE ให้ร่วมถ่ายแบบโพรโมท Spring Summer 2024 precollection และเมื่อย้อนกลับไปชมผลงานการแสดงอันโดดเด่นของเธอ ก็เกิดเป็นความรู้สึกผูกพันกับบทบาทเหล่านั้นได้เสมอ แม้ว่าเธอจะสูงวัยมากแล้ว แต่ข่าวคราวความสูญเสียก็ได้สร้างความใจหายให้กับบรรดาแฟนๆที่ไม่ทันตั้งตัวหรือรู้สึกถึงสัญญาณบอกเหตุมาก่อน รวมถึง J.K. Rowling ที่ส่งข้อความที่เจือความเศร้าสร้อยว่า "ฉันเคยคิดว่าเธอจะมีชีวิตไปอีกนานเท่านานซะอีก"

เหล่าศิลปินบันเทิงที่เคยได้รับประสบการณ์ดีๆในการร่วมงานกับนักแสดงผู้ล่วงลับต่างกล่าวบรรยายถึงความประทับใจในตัวตนของเธอ ทั้งความทุ่มเทในการทำงาน พรสวรรค์อันโดดเด่น สติปัญญาปราดเปรื่อง คารมคมกริบ และยังมากไปด้วยอารมณ์ขันที่ทำให้คนรอบข้างผ่อนคลาย แต่ก็เกรงบารมีของเธอไปในเวลาเดียวกัน และยิ่งเห็นได้ชัดเจนจากคำไว้อาลัยจากประมุขราชวงศ์อังกฤษที่เปรียบเธอเป็นดังสมบัติของชาติ ซึ่งโลกจะได้จดจำเธอไว้ทั้งด้านที่อบอุ่นและความมีไหวพริบปฏิภาณเฉียบแหลม


เราเชื่อมั่นว่า ผู้คนอีกมากมายจะรู้สึกคิดถึงเธอเช่นเดียวกัน

ขอบคุณที่สร้างความสุขให้กับพวกเราด้วยผลงานดีๆมานานหลายปี ขอให้คุณพักผ่อนให้สบายอย่างเป็นนิรันดร์


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE