REVIEW :: ทำความสะอาดและขัดเกลาผิวหน้าให้เนียนนุ่มเด้งดึ๋งด้วย "Scrub & Mask By Derma E''





แป้งได้สครับและมาร์คสองตัวนี้มาลองได้หลายเดือนแล้วค่ะ
ใช้ไปได้หลายเดือนและผลมันจะออกมาเป็นยังไง ไปดูกันค่ะ =>>

แป้งจะเริ่มที่สครับก่อนละกันเนอะ


VVVVVV
vvvv
vv
v






แพคเกจจิ้งมาในรูปหลอดใหญ่ๆจับถนัดมือ ปริมาณเยอะจุใจพอตัวเลยล่ะ
หลอดสีขาวขุ่นผิวสัมผัสด้านๆไม่มัน ชอบแบบนี้จัง ดูแข็งแรงดีไม่บุบง่าย อากาศก็ซึมเข้ายาก
สติ๊กเกอร์แผ่นหนาสกรีนรายละเอียดของโพรดักส์ครบ. ละเอียด. อ่านง่าย. เน้นโทนสีม่วงสีที่เหมาะกับผลไม้ที่สุด.


:: รายละเอียด ::

นามเต็มๆของเธอ "Fruit Enzyme Facial Scrub"
คัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติจึงอ่อนโยนต่อผิวจนทำให้คุณสามารถใช้สครับนี้ได้ทุกๆวันที่คุณต้องการ
องค์ประกอบหลักมาจากเกลือทะเลจากDead Sea,เอนไซม์จากมะละกอ,แป้งข้าวโพด,และเปลือกApricot

เกลือจากทะเลDead Sea::ช่วยในการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกดูดความมันส่วนเกินและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
ในขณะที่เอนไซม์จากผลไม้ต่างๆ::จะช่วยดูดสารพิษทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกและช่วยเร่งการเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่
ช่วยให้ผิวคุณสว่างและเรียบเนียน// เหมาะสำหรับ : ทุกสภาพผิว




Ingredients:

Water (Aqua), Glycerin, Carthamus Tinctorius(Safflower)Seed Oil,
Stearic Acid, Cocamidopropyl Hydroxysultaine, Cetyl Alcohol,
Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Oil, Magnesium Oxide (Dead Sea Salt),
Macrocystis Pyrifera (Sea Kelp) Extract, Organic Chamomilla Recutita (Matricaria) Flower Extract*,
Organic Camellia Sinensis (Green Tea) Leaf Extract*, Organic Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil*,
Xanthan Gum, Prunus Armeniaca (Apricot) Seed Powder, Stearyl Alcohol,
Organic Aloe Barbadensis LeafExtract*,Glyceryl Stearate and Peg-100 Stearate,
Zea Mays (Corn) Kernel Meal, Carica Papaya (Papaya) Fruit Extract,
Potassium Sorbate, Phenoxyethanol, Ethylhexylglycerin, Natural and Fragrant Oils// net 4 fl oz// 113 g





ชอบตรงนี้. "ตรงที่เขียนเน้นย้ำว่า. NO ANIMAL TESTING''





เนื้อมันจะเป็นครีมขุ่นๆ หอมมากกกกกกกกก กลิ่นเหมือน"ลูกอมซูกัสรสผลไม้รวมเลย"
เป็นกลิ่นแบบนั้นเป๊ะๆเลย หอมมาก แต่ปกติแป้งไม่ชอบอะไรที่มันหอมแรงขนาดนี้นะ
แต่เป็นสครับก็เลยโอเคเพราะเราขัดๆวนๆไม่กี่นาทีก็ล้างออกแล้ว เป็นกลิ่นหอมที่ทำให้เราอารมณ์ดีไปในตัว.

ส่วนเม็ดสครับค่อนข้างเเข็งค่ะ เป็นเม็ดเมล็ดพืชเลยไม่ใช่แบบที่เป็นสีๆเหมือนแบรนด์อื่นๆ
มันเป็นธรรมชาติมากตรงนี้ เม็ดค่อนข้างใหญ่ซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีเม็ดเล็กๆผสมอยู่ด้วย.
ขัดเบาๆนะคะ ย้ำว่า ต้องเบามือ เพราะมือหนักๆแบบแป้งอาจจะรู้สึกเจ็บๆได้ แต่แป้งชอบ แป้งซาดิสท์ค่ะ 5555





วนๆไปเรื่อยๆมันจะแตกตัวเป็นเนื้อเหมือนครีมแต่เป็นครีมที่มีเมล็ดพืชจากธรรมชาติผสมอยู่
หรือที่เรียกว่าเม็ดบีดส์นั่นเอง. กลิ่นหอมมาก ฟินน์สุดๆค่ะจุดนี้ เพลินน น น น น น 55








จริงๆแป้งใช้มาตลอดนะคะ เค้าบอกสครับได้ทุกวันนะแต่แป้งชอบทำสามสี่วันสครับครั้งนึงมากกว่า.
จากที่ลองมาครั้งแรกก็รู้สึกได้เลยว่าหน้าเนียนมันนุ่มขึ้นจริงๆ หอมด้วย. ชอบบบบบบ
ในรูปคือด้านซ้ายจะยังไม่ขัด ยังไม่ได้อาบน้ำใดๆทั้งสิ้นนะคะ

แบ่งให้ดูว่าพอใช้สครับขัดๆวนๆไปสิบนาทีแล้วก็ล้างออกด้วยเจลล้างหน้าปกติ
ผิวมันเขียนขึ้น ดูสะอาดเกลี้ยงขึ้นเลย. แต่ก็อย่างที่บอกไปว่ามันยังไม่รู้สึกได้ทันทีนะว่าสว่างขึ้น

เพียงแต่ผิวจะสะอาดเกลี้ยงเกลาเพราะสครับช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าพวกขี้ไคลหรือสิ่งตกค้างต่างๆออกไปค่ะ.






จะสรุปคุณสมบัติทีละข้อนะคะ.

- ช่วยในการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก
:: ยังไม่ถึงกับล้ำลึกมากขนาดนั้นนะคะ แค่สะอาด.แต่จะให้รู้สึกเหมือนเราใช้คลีนซิ่งก็คงไม่ใช่
เพราะมันเป็นสครับที่ช่วยผลัดเซลล์ ขัดเกลาเอาขี้ไคลที่ตายแล้วออกไป.

- ดูดความมันส่วนเกิน
:: ช่วยได้จริงๆค่ะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ อยู่ในระดับที่พึงพอใจนะ ^_^

- ช่วยเร่งการเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่
:: อันนี้ช่วยได้เยอะมากกกกกกกกกก เพราะแป้งได้ตัวนี้มาช่วงที่ใช้ยาสิว
ผิวจะลอกแบบอลังกี้อลังการมากกกกกกกก
ใช้ตัวนี้ผิวที่กำลังหลุดลอกมันก็ผลัดออกอย่างรวดเร็วเลยนะ คือมันเวิร์คจริงๆตรงข้อนี้.

- ช่วยให้ผิวคุณสว่างและเรียบเนียน
:: ผิวสว่าง? ยังไม่รู้สึกว่ามันสว่างเท่าไหร่ค่ะ ยังเหมือนเดิม ปกติธรรมดาเหมือนทุกวัน.
เรียบเนียน? ข้อนี้โดนสุดๆ ตรงเป๊ะ มันเรียบเนียนขึ้นนะ
คือหลังจากขัดเสร็จแล้วรู้สึกได้ว่าหน้านุ่มขึ้น และผิวก็เนียนขึ้นจริงๆ.

เค้าบอกว่า :: ใช้ได้ทุกวัน. แต่โดยปกติสครับควรจะใช้อาทิตย์ละครั้งเพื่อให้ผิวหน้าได้พักผ่อนบ้าง
ไม่เป็นการรบกวนเกินไปจ้า. แต่แป้งชอบสครับ3-4วันหรือสองถึงสามวันครั้งค่ะ. มันสนุกดี เพลินๆ
นวดๆวนๆแป๊บนึงก็เช็ดออก ล้างหน้าให้สะอาดก็เพียงพอแล้ว.





:: เล็กๆน้อยๆ ::


ผิวที่เป็นสิวอยู่ ::
ไม่ควรสครับหน้านะคะ เพราะจะทำให้ผิวบริเวณนั้นอักเสบมากขึ้นและระคายเคืองได้ง่ายค่ะ.
และจะทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากเดิมเพราะเม็ดสครับจะรบกวนผิวหน้าไปสะกิดบริเวณสิวเอาได้มันจะยิ่งทำให้
เชื้อที่สิวแผ่ขยายอาณาจักรมากกกกกกขึ้น มากขึ้นนนนนน (น่ากลัวววววววววววววววววววววว >/<)
แต่การสครับเบาๆ ย้ำอีกครั้ง... "เบาๆ"จะช่วยให้ผิวหนังที่"ตายแล้ว"หลุดลอกออกไปเร็วขึ้นค่ะทำให้ผิวดูเนียนใสขึ้น.
สั้นๆคือ คนเป็นสิวทางที่ดีที่สุด อย่าเพิ่งสครับหน้าจะดีกว่าค่ะ. (เตือนแล้วนะ อิอิ ^_^)

แต่. ครั่นเนื้อครั่วตัวมากกก อยากจะสครับตอนเป็นสิวมากจริงๆ. เราช่วยได้ คือ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ
กรดไกรโคลิค(AHA)หรือซาลิไซลิค(BHA)ซึ่งการวิจัยพบว่าสารทั้ง2ชนิดนี้ไม่เพียงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเท่านั้น
แต่ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน รวมถึงกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่และชะลอกระบวนการผลิตเม็ดสีผิวอีกด้วย
แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับผิวเป็นสิว.
หรือเลี่ยงการสครับผิวช่วงเป็นสิวจะดีกว่าค่ะ.

สครับเวลาไหนดี ::
ควรจะเป็นตอนกลางคืนดีที่สุดค่ะ เพราะในขณะที่หลับผิวจะได้รับการซ่อมแซม
และฟื้นตัวจากการสูญเสียน้ำมันหลังจากการสครับแล้ว.

วิธีสครับ ::
ใช้สำลีแผ่น กระดาษทิชชู่สำหรับเช็ดหน้าหรือการถูผลิตภัณฑ์สครับลงบนมือที่เปียกน้ำ
ก่อนนำไปขัดผิวหน้าอย่างเบาๆ ยังสามารถช่วยลดการเสียดสีของเม็ดสครับกับผิวได้นะ.

ถ้าต้องออกแดดบ่อย ::
ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวอย่างน้อย 48 ชั่วโมง และต้องทาครีมกันแดด SPF ไม่ต่ำกว่า 15 ด้วยนะคะ.

สำหรับผู้ที่ใช้บริการผลัดเซลล์ผิวตามศูนย์บริการด้านความงาม ::
ควรงดสครับผิวอย่างน้อยสองวัน.
และไม่ออกแดดเลยอย่างน้อยสองอาทิตย์นะคะ


Special Thanks ข้อมูลดีๆเล็กๆน้อยๆจาก
tlcthai ด้วยค่ะ :))







..............................................................................................................




ตัวต่อไปจะเป็นมาร์คที่ชอบและใช้อยู่เป็นประจำ


VVVVVV
vvvv
vv
v







จะมาเม้าท์กันเรื่องมาส์คหน้า เรามาส์คกันทำไม? เพื่ออะไร? มันดีแค่ไหน?
แป้งว่าหลายคนคงรู้กันดีว่าทำไม? แต่ขอเกริ่นพอเป็นสังเขปให้คนที่อาจจะยังไม่รู้ละกันนะคะว่าเราพอกไปทำไม?
วันนี้มีของเล่นใหม่ที่เล่นแล้วลองแล้วมันเวิร์คสำหรับผิวที่เคยแพ้แบบแป้งมากๆ และผิวก็มีสภาพเป็นผิวผสม-มันด้วย
เจ้านี่คือ " Cleansing Enzyme Mask '' ไม่ต้องบอกใช่มั้ยคะว่าเค้าคือใคร เจ้าเก่าเจ้าเดิม เจ้าที่ทำให้แป้งผิวดีขึ้น
คือ Derma e นี่เอง อิอิ รายละเอียดส่วนผสมและคุณสมบัติของเค้าก็อ่านได้ด้านล่างเลย... ^___^

เหมาะสำหรับ : ทุกสภาพผิว
เหมาะกับผิวทุกสภาพผิวด้วยส่วนผสมหลักจากเกลือจากทะเลสาบDeadSea,สาหร่ายทะเล,ชาเขียว,Bentonite,
และKaolinClaysจึงช่วยขจัดพิษที่ผิวพร้อมทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกช่วยลดการอุดตัน
และลดความมันช่วยผลัดให้ผิวดูชุ่มชื้นเยาว์วัยขึ้นสว่างสดใสขึ้นและเรียบเนียนขึ้น ราคา 600บาท

Ingredients: Water (Aqua), Kaolin, Bentonite, Glycerin, Allantoin, Stearic Acid,
Magnesium Oxide (Dead Sea Salt), Macrocystis Pyrifera (Sea Kelp) Extract,
Carica Papaya (Papaya) Fruit Extract, Organic Chamomilla Recutita (Matricaria)
Flower Extract*, Organic Aloe Barbadensis Leaf Extract*,
Organic Camellia Sinensis(Green Tea)Leaf Extract*,Phenoxyethanol
(and) Benzoic Acid (and) Dehydroacetic Acid (and) Ethylhexylglycerin, Natural and Fragrant Oils
// net 4 fl oz/ 113 g//




ซีลมาอย่างดี ป้องกันอากาศและฝุ่นละอองระหว่างการเดินทาง ^_^


ข้อมูลพื้นฐานที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า ::
การมาร์คหน้านั้นเป็นวิธีที่ช่วยทำความสะอาดใบหน้าได้อย่างล้ำลึกกว่าการล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้า
เพราะการมาร์คหน้าช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ตามรูขุมขนเราได้สะอาดขึ้น. บางยี่ห้อก็ช่วยให้หน้าขาว เนียนนุ่มด้วย.
เซลล์ผิวหน้าของคนเราเหมือนสิ่งมีชีวิตที่จะคอยรับสารอาหารเข้าสู่ผิวถ้าเราเลือกเอาสารอาหารที่ธรรมชาติกำหนดมา
จึงดีกว่าผิวมากกว่าสิ่งอื่นๆ เราควรอ่านส่วนผสมของมาร์คทุกครั้งว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
โดยเลือกจากธรรมชาติจะดีที่สุดนะคะ.

ส่วนผสมก็จะมีให้เราเลือกหลากหลายมากมาย
::
สำหรับคนที่มีผิวมันหรือเป็นสิว :: ควรเลือกมาร์คบำรุงผิวหน้าที่เป็นส่วนผสมของพวกโคลนเบสสร้างสมดุลให้ผิวได้ดี
ส่วนคนที่มีผิวแห้ง ควรเลือก เรื่องสารอาหารที่ทำให้ผิวชุ่มชื่น เช่น พวกน้ำผึ้งหรือน้ำมันออยล์
ส่วนผิวบอบบางแพ้ง่าย เลือกชาเขียวหรือโสมสกัด เป็นต้นค่ะ.
**เน้นย้ำอีกนิด สำหรับคนที่มีผิวหน้ามัน ควรเลือกใช้มาร์คได้สัปดาห์ละ2ครั้งและมาร์คที่เหมาะสมกับคนผิวหน้ามัน
ควรจะมีคุณสมบัติที่ช่วยดูดซับความมันและสามารถขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนบนใบหน้าพร้อมกระชับรูขุมขนได้.
สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้ง ควรเลือกใช้มาร์คไม่เกิน1ครั้งต่อสัปดาห์และควรจะเลือกมาร์คที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นค่ะ

มาร์คหน้าแบบครีมกับแบบมาร์คแผ่น มีความแตกต่างกันอย่างไร ? ::
การมาร์คหน้าในรูปแบบครีมจะมีส่วนผสมของเนื้อครีมหรืออื่นๆที่ไม่มีประโยชน์ต่อผิวแทนที่จะได้รับสารอาหารไปเต็มๆ
แต่ถ้าเป็นรูปแบบแผ่นสารอาหารจะซึมเข้าผิวได้ดีกว่า. ยิ่งถ้าเป็นแบบ Nano Fiberที่อณูสารอาหารและโครงตาข่าย
สามารถทำงานได้แนบสนิทกว่ายิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับมาร์คแผ่นทั่วๆไป สารอาหารก็จะยิ่งมุ่งตรงสู่ผิวได้เต็มที่ค่ะ

เราควรมาส์กหน้าบ่อยแค่ไหน? ::
สามารถทำได้ทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่แป้งเลือกที่จะมาส์คอาทิตย์ละครั้งค่ะ :))




เนื้อโคลนจะหอม. เนื้อข้น หนืดมาก ต้องใช้แรงพอสมควรเลยในการบีบออกมา ;))




วันนี้แป้งลงแค่ไพรเมอร์เป็นเบส และรองพื้น ตามด้วยแป้งฝุ่น ตบท้ายด้วยบลัชออนนะคะ
ผิวแป้งดีขึ้นมากๆ ทั้งหมดที่แต่งวันนี้ใช้ MMU จาก LAURESS นะคะ :))


วิธีการมาร์คหน้า ::
ถ้าคนที่แต่งหน้าก็ควรล้างและทำความสะอาดผิวหน้า ลบเครื่องสำอางต่างๆออกให้หมดจดก่อนนะคะ
จากนั้นก็บีบโคลนพอกหน้า พอกหน้าให้ทั่วใบหน้า โดยเว้นรอบดวงตาและริมฝีปากแล้วทิ้งไว้ประมาณ5-10นาที.
นานสุดต้องไม่เกิน15นาทีนะคะ(ถ้าจะให้ผลดียิ่งขึ้นอาจใช้ผ้าขนหนูชุบอุ่นๆนำมาวางบนหน้า
เพราะความร้อนจากผ้าขนหนูจะช่วยให้ส่วนผสมในเนื้อครีมซึมซับสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ)
ทริคเล็กๆน้อยๆ คือ ควรจะพอกส่วนที่มีความมันมากก่อนนะคะ ของแป้งคือส่วน"ทีโซน. หน้าผาก จมูก คาง"
ต่อไปก็ส่วนที่ค่อนข้างแห้ง คือ "ข้างแก้ม" เพราะพอเราพอกแล้วเราจะ"ชิน"กับการลงที่"ข้างแก้มกันก่อน"
แต่จริงๆแล้วควรลงทีโซนก่อนนะ เพราะมันเป็นโซนที่แห้งช้ากว่าควรจะลงก่อน ข้างแก้มจะแห้งเร็วลงทีหลังค่ะ.
จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดโคลนพอกหน้าออกให้หมดนะคะ จากนั้นจึงล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง
จะช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ผิวสดชื่นขึ้น. แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆและตามด้วยครีมหรือสกินแคร์ที่เราใช้ประจำ
บำรุงผิวต่อไปค่ะแค่นี้เอง. ง่ายมากๆ อิอิ <33



ลงตามลำดับค่ะ หน้าผาก จมูก



คาง




จบที่ข้างแก้มเป็นลำดับสุดท้ายท้ายสุดนะคะ ^^



โชว์ตัวหน่อยยยยยยยยย <3



จากนั้นก็รอ....รอ.....และก็ รอออออออออออ
แอบมีสิวที่มุมบนปากหนึ่งเม็ด ฮ่าๆ ประจำเดือนมาพอดีค่ะ แห่ะๆ
จะเห็นได้ว่าช่วงทีโซนค่อยๆแห้งแล้ว ไวมากกกกกกกก
และข้างแก้มยังเปียกๆอยู่เพราะลงท้ายสุดนั่นเอง. :))



เห็นตรงจมูกมั้ยคะ? ผ่านไป 10 นาทีมันดูดสิวเสี้ยนเล็กๆขึ้นมาจางๆเลย
ซึ่งปกติแป้งจะเป็นคนไม่ค่อยมีสิวเสี้ยนที่จมูก อาจจะเป็นที่กรรมพันธุ์นะเพราะบ้านแป้งไม่มีใครมีเลยค่ะ
พอพอกตัวนี้มันดูดขึ้นมาเลย งง มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โฮกกกกก T0T
แสดงว่าแป้งต้องพอกทุกอาทิตย์ให้บ่อยกว่านี้ โชคดีที่ตัวนี้เค้าทำมาจากธรรมชาติไม่ผสมแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม
ก็เลยใช้บ่อยได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆว่าจะแพ้เลย โล่งอกไปหนึ่งเปลาะ คิคิ ^^






รออีกซัหน่อย เดี๋ยวจะไปเช็ดและล้างออกละ :))




ล้างออกเรียบร้อยและลงสกินแคร์เรียบร้อยแล้วค่าาาาาาา
นวลเนียน ผ่องเด้งดึ๋งเลยเชียว อิอิ

....................

ถ้าเราพอกหน้าและสครับผิวหน้าเป็นประจำ
รู้มั้ยว่ามันมีส่วนที่ทำให้เวลาเราแต่งหน้าผิวจะเด้งและอิ่มตัว
แต่งหน้าแล้วจะไม่บ่นเลยว่าเครื่องสำอางไม่ผิด หรือผิวหมอง
เพราะเราเหมือนผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป มันคือขี้ไคลนั่นแหล่ะค่ะ
มันทำให้เราลงอะไรก็เนียน แต่งยังไงผิวก็เด้งก็ผ่องใสตลอดวัน
จริงๆนะ แป้งสัมผัสและลองมาแล้ว ;

....................


สรุปคือ

.. ชอบค่ะ ชอบมาก ซึ่งปกติแป้งเป็นคนขี้เกียจพอกหน้าหรือสครับหน้ามากกกกกกกกกกกกกก
แต่พอได้ลองก็ต้องบอกเลยว่า สัญญากับตัวเองว่าจะมาส์คหน้าทุกอาทิตย์
และตอนนี้ก็ทำมาทุกอาทิตย์เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วค่าาาา เก่งมากกกกก(ชมตัวเอง)
สิวไม่ขึ้น ผดไม่มี และผิวดีดูสุขภาพดี แต่งหน้าง่ายขึ้นด้วย
จิตใจผ่องใส บวกกับได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกกับผิว ความสุขก็เกิดขึ้นมากมายโดยไม่รู้ตัวเล้ยยยย





...........

NOTE :: ทางเดอร์มาอีส่งมาให้ทดลองใช้ค่ะ ^_^

...........



วันนี้ลาไปก่อน พบกันรีวิวหน้า ยังมีอีกเยอะมากกกกก
บ๊ายบายค่าาาาาาาาาาาาาา



INDYINDARE.PAENG






Discussion (4)

น่าสนใจหาซื้อได้ที่ไหนค่ะเนี้ยย ย ^^

หน้าใสขึ้นเยอะเลยพี่แป้งจ๋า ^^
ตอนนี้ปอก็เจอบำรุงที่ผิวต้องการแล้วเหมือนกัน ผิวหหน้าดีขึ้นเยอะ แบบไม่กล้าลองเสี่ยงอย่างอื่นเลย
แต่ยกเว้นเมคอัพนะ ชอบลองไปเรื่อยๆ ^^"

แก้มเนียนขึ้นน้า อิจฉาาาาาาา ต้อนนี้พี่หน้าแย่ แงๆๆๆๆๆ