1ดูดูได้18 Nov 151010Discussion (10)SEND ดูดูได้10 yr.ผมไปหาหมอวิชัย หงษ์จารุ (ไม่รุ้สะกดถูกไหม) ที่รพ.เซนต์หลุยส์ ครับ REPLY tannntann10 yr.รบกวนสอบถามชื่อหมอที่คุณ จขกท ไปหามาตอนแรกหน่อยครับ กำลังอยากรักษาสิวพอดีเลย REPLY ดูดูได้10 yr.ก็จบไปแล้วครับกับ cleansing water ที่ผมเคยใช้ + ใช้อยู่ ยังมีอีกหลายยี่ห้อที่เคยใช้เช่น purevivi 500ml ซื้อมาที่ 800 - 900 เยนที่โอซาก้า อันนี้เข้าตาแล้วแสบ , Garnier 400ml สีชมพูอันนี้ก็ใช้ได้ ราคาประมาณ 140 บาทมั๊ง ซื้อที่วอร์ซอ เข้าตาแล้วแอบแสบเหมือนกัน แต่ทิ้งขวดไปแล้วมั๊งก็เลย คือคงไม่มีใครคิดจะเอา cleansing water มาสาดใส่ตาเล่นหรอก แต่บางทีตอนที่เราล้างหน้ามันแอบเข้าตาไงครับ ที่เคยใช้แล้วไม่แสบก็ Bioderma, LRP และ Filorga ส่วนตัวอื่นแสบหน่อย ๆ บางตัวแสบมาก (สำหรับผมนะ) เวลาซื้อของแต่ละอย่าง ผมเสียดายเงินครับ ก็คิดแล้วคิดอีกกว่าจะซื้อที ก็จะดู ingredients คร่าว ๆ แต่ของบางอย่างดูที่ ingredient อย่างเดียวบอกไม่ได้หรอกว่าดีหรือไม่ดี เพราะ 1. ผู้ผลิตบางทีเค้าไม่ได้เรียงลำดับมา (เพื่อปกป้องความลับของสูตร) 2. สารที่ใส่มา เราก็ไม่รู้กี่ percent บางทีใส่มากระจึ๊งนึงประมาณแกล้งทำหกใส่ แต่โฆษณาเป็นตัวชูโรงเลยว่าใส่สารตัวนี้มา คือว่าความเข้มข้นมันไม่พอให้ทำงานได้ด้วยซ้ำ 3. เกรดของสารแต่ละอย่างก็มีหลายเกรด หลายที่มา สารตัวเดียวกันแต่ต่างยี่ห้อ ก็ทำให้ได้ผลที่ต่างกันได้ Pharmaceutical grade บริสุทธิ์กว่า food grade และก็ดีกว่า cosmetic grade 4. เทคโนโลยีที่ใช้ของแต่ละที่ ก็ให้ผลที่ต่างกัน สูตรต่างกัน ผลก็ต่างกัน 5. ไม่รู้ว่ามียี่ห้อไหนเต้าส่วนผสมขึ้นมารึเปล่า 6. บางทีในผลิตภัณฑ์ 1 ชนิดใส่ส่วนผสมดีหมด แต่ในทางเคมีส่วนผสมมันเข้ากันไม่ได้ ผลลัพธ์มันจะดีรึ? 7. ดีสำหรับคนอื่นอาจไม่ดีสำหรับเราก็ได้นะครับ 8. พวกที่ล้างหน้าทั้งหลาย อยู่กับหน้าเราไม่นานหรอกนะครับ เพราะงั้นอย่ายอมเสียเงินเพิ่มขึ้นเพื่อ..... ตัวอย่างเช่น ความขาว กับที่ล้างหน้าเลยครับ ;) เลือกสารที่อ่อนโยนไม่ทำร้ายผิวดีกว่านะครับ ของแพงใช่ว่าจะดี และของถูกก็ใช่ว่าจะดี เสมอไป ของแพงใช่ว่าจะไม่ดี และของถูกก็ใช่ว่าจะไม่ดี เสมอไป จรรยาบรรณของผู้ผลิต ถึงผู้กระจายสินค้า จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค ถ้าพวกเค้าเหล่านั้นมี เป็นสิ่งที่ดีนะครับ :) การกินถูกสุขลักษณะ พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายโดยเคลื่อนไหว และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ถ้าทำได้นี่ดีเลยนะครับ ผมก็พยายามอยู่แม้จะทำยากมาก ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านกันนะครับ ขอให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ เจอกับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและมีผิวมีสุขภาพดีเท่าที่แต่ละคนจะมีได้นะครับ ไปละครับ สวัสดีครับ เข้ามาเพิ่มเนื้อหาครับ เช็คดูว่าแพทย์ที่คุณไปหาเป็นตจแพทย์ (หมอผิวหนังรึเปล่า) ได้ที่ http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-search_md REPLY ดูดูได้10 yr. ตัวสุดท้ายครับ Filorga anti aging micellar solutions 400ml ราคา 10 Euro ( 400ml x 2 = 19.9 ยูโร ซื้อที่ร้านขายยาที่ปารีส) Ingredients : Aqua, Propanediol, Sodium Citrate, Trehalose, Disodium Edta, Peg-6 Caprylic/Capric Gyceride, Zinc PCA, Cetrimonium Bromide, Citric Acid, Rhamnose Glucose, Glucuronic Acid. Filorga เป็นยี่ห้อที่เด่นมากเรื่อง anti aging , เมโส therapy มีประวัติยาวนาน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1978 โดยนายแพทย์ ด้านความงามและยังเป็นนักชีววิทยาอีกด้วย มีส่วนประกอบที่ชูโรงเลยคือ NCTF ก็สารสกัด 55 ชนิดที่จำเป็นต่อผิว พวกวิตามิน มิเนอรัล กรดอมิโน โคเอนซายน์ และก็มี Nucleic acic ประมาณเพ๊พไทด์ที่ทำหน้าที่สื่อสารเซลส์ต่าง ๆ สรุปก็พวก anti oxidants ทั้งหลาย มีสารให้ความชุ่มชื่น สารที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลส์ ส่งเสริมการสื่อสารของเซลส์อะไรประมาณนี้ ) Filorga ลงมาเล่นตลาด cleansing water ด้วย ส่วนตัวที่ช่วยเรื่อง anti aging ก็ Rhamnose Glucose ตัวนี้ช่วยทำหน้าที่สื่อสารกับเซลส์ต่าง ๆ ด้วย สรุปส่วนผสมดี แต่ราคาแพงไป 400ml 10 ยูโร ผมลองใช้ทำความสะอาดหน้าดู ผลก็ดีนะครับ เกลี้ยงเกลาดี ถ้าราคาสัก 6 ยูโรเนี่ยกำลังดีเลย ผมจะให้ตัวนี้เป็นอันดับ 1 เลย แต่ถ้าใครมีเงินตัวนี้ก็น่าสนนะครับ ** กล้าคาดหวังกับยี่ห้อแพงให้ขายถูกได้อีกกรู แห่ะ แห่ะ REPLY ดูดูได้10 yr. La roche Posay : Solution Micillaire Physiologique 200ml ราคาน่าจะประมาณ 8 ยูโร Ingredients : Aqua, Hexylene Glycol, Poloxamer 184, Glycerin, Disodium cocoamphodicatate, Disodium EDTA, Citric Acid, Dihydrocholeth-30, Sodum Chloride, Sodium Diglycolate, Sodium Glycolate, Polyaminopropyl biguanide, Parfum/fragrance ส่วนผสมก็อ่อนโยนเหมาะกับผมแพ้ง่ายครับ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีสารก่อสบู่ ไม่มีพาราเบน แต่มีน้ำหอมนะครับ มี poloxamer ที่นิยมใช้ในน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ รู้สึกค่า PH จะ 5.5 นะ ผมได้ตัวนี้มาตอนไปมิลาน เป็น micellar water ตัวแรกที่เคยใช้ ตอนแรกที่อ่านดูก็บอกว่าไม่ต้องล้างออก แต่ก็ไม่ชินต้องล้างออก ก็ใช้ดีครับ ติดที่ว่าราคาสูง + มีน้ำหอม และมันก็เหนอะนิดนึงถ้าไม่ล้างออก เหมือนประมาณมีมอยเจอร์ไรเซอร์แบบนั้น ซึ่งผมไม่ชอบเท่าไหร่ Effaclar Eau Micellaire Purifiante 400ml ราคาน่าจะประมาณ 8 หรือ 9 ยูโร Ingredients : Aqua , hexylene glycol, glycerin, poloxamer 188, Zinc PCA , Sodium lactate,disodium cocoamphodiacetate, disodium EDTA, Citric acid, dihydrocholeth -30 Iodopropynyl butylcarbamate, polyaminopropyl biguanide อันนี้สำหรับผิวมัน รวมถึงผิวบอบบาง มี Zinc PCA , sodium lactate ส่วน poloxamer ก็ใช้ในน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ ผมซื้อจากร้านขายยาทีปารีส มันเป็นแพ็คคู่ 400ml x 2 = 16 หรือ 18 ยูโรนี่แหล่ะ ต้องรอจัดโปรถึงจะได้ราคานี้ เท่าที่ใช้มามันก็ล้างได้ดีเหมือน ๆ กับ ไบโอเดอร์มา แต่ LPR ราคาแพงกว่าไง ผมก็เลยชอบ Bioderma เพราะชอบของถูก >__< REPLY VIEW 5 OLDER COMMENTS
ดูดูได้10 yr.ก็จบไปแล้วครับกับ cleansing water ที่ผมเคยใช้ + ใช้อยู่ ยังมีอีกหลายยี่ห้อที่เคยใช้เช่น purevivi 500ml ซื้อมาที่ 800 - 900 เยนที่โอซาก้า อันนี้เข้าตาแล้วแสบ , Garnier 400ml สีชมพูอันนี้ก็ใช้ได้ ราคาประมาณ 140 บาทมั๊ง ซื้อที่วอร์ซอ เข้าตาแล้วแอบแสบเหมือนกัน แต่ทิ้งขวดไปแล้วมั๊งก็เลย คือคงไม่มีใครคิดจะเอา cleansing water มาสาดใส่ตาเล่นหรอก แต่บางทีตอนที่เราล้างหน้ามันแอบเข้าตาไงครับ ที่เคยใช้แล้วไม่แสบก็ Bioderma, LRP และ Filorga ส่วนตัวอื่นแสบหน่อย ๆ บางตัวแสบมาก (สำหรับผมนะ) เวลาซื้อของแต่ละอย่าง ผมเสียดายเงินครับ ก็คิดแล้วคิดอีกกว่าจะซื้อที ก็จะดู ingredients คร่าว ๆ แต่ของบางอย่างดูที่ ingredient อย่างเดียวบอกไม่ได้หรอกว่าดีหรือไม่ดี เพราะ 1. ผู้ผลิตบางทีเค้าไม่ได้เรียงลำดับมา (เพื่อปกป้องความลับของสูตร) 2. สารที่ใส่มา เราก็ไม่รู้กี่ percent บางทีใส่มากระจึ๊งนึงประมาณแกล้งทำหกใส่ แต่โฆษณาเป็นตัวชูโรงเลยว่าใส่สารตัวนี้มา คือว่าความเข้มข้นมันไม่พอให้ทำงานได้ด้วยซ้ำ 3. เกรดของสารแต่ละอย่างก็มีหลายเกรด หลายที่มา สารตัวเดียวกันแต่ต่างยี่ห้อ ก็ทำให้ได้ผลที่ต่างกันได้ Pharmaceutical grade บริสุทธิ์กว่า food grade และก็ดีกว่า cosmetic grade 4. เทคโนโลยีที่ใช้ของแต่ละที่ ก็ให้ผลที่ต่างกัน สูตรต่างกัน ผลก็ต่างกัน 5. ไม่รู้ว่ามียี่ห้อไหนเต้าส่วนผสมขึ้นมารึเปล่า 6. บางทีในผลิตภัณฑ์ 1 ชนิดใส่ส่วนผสมดีหมด แต่ในทางเคมีส่วนผสมมันเข้ากันไม่ได้ ผลลัพธ์มันจะดีรึ? 7. ดีสำหรับคนอื่นอาจไม่ดีสำหรับเราก็ได้นะครับ 8. พวกที่ล้างหน้าทั้งหลาย อยู่กับหน้าเราไม่นานหรอกนะครับ เพราะงั้นอย่ายอมเสียเงินเพิ่มขึ้นเพื่อ..... ตัวอย่างเช่น ความขาว กับที่ล้างหน้าเลยครับ ;) เลือกสารที่อ่อนโยนไม่ทำร้ายผิวดีกว่านะครับ ของแพงใช่ว่าจะดี และของถูกก็ใช่ว่าจะดี เสมอไป ของแพงใช่ว่าจะไม่ดี และของถูกก็ใช่ว่าจะไม่ดี เสมอไป จรรยาบรรณของผู้ผลิต ถึงผู้กระจายสินค้า จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค ถ้าพวกเค้าเหล่านั้นมี เป็นสิ่งที่ดีนะครับ :) การกินถูกสุขลักษณะ พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายโดยเคลื่อนไหว และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ถ้าทำได้นี่ดีเลยนะครับ ผมก็พยายามอยู่แม้จะทำยากมาก ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านกันนะครับ ขอให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ เจอกับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและมีผิวมีสุขภาพดีเท่าที่แต่ละคนจะมีได้นะครับ ไปละครับ สวัสดีครับ เข้ามาเพิ่มเนื้อหาครับ เช็คดูว่าแพทย์ที่คุณไปหาเป็นตจแพทย์ (หมอผิวหนังรึเปล่า) ได้ที่ http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-search_md REPLY
ดูดูได้10 yr. ตัวสุดท้ายครับ Filorga anti aging micellar solutions 400ml ราคา 10 Euro ( 400ml x 2 = 19.9 ยูโร ซื้อที่ร้านขายยาที่ปารีส) Ingredients : Aqua, Propanediol, Sodium Citrate, Trehalose, Disodium Edta, Peg-6 Caprylic/Capric Gyceride, Zinc PCA, Cetrimonium Bromide, Citric Acid, Rhamnose Glucose, Glucuronic Acid. Filorga เป็นยี่ห้อที่เด่นมากเรื่อง anti aging , เมโส therapy มีประวัติยาวนาน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1978 โดยนายแพทย์ ด้านความงามและยังเป็นนักชีววิทยาอีกด้วย มีส่วนประกอบที่ชูโรงเลยคือ NCTF ก็สารสกัด 55 ชนิดที่จำเป็นต่อผิว พวกวิตามิน มิเนอรัล กรดอมิโน โคเอนซายน์ และก็มี Nucleic acic ประมาณเพ๊พไทด์ที่ทำหน้าที่สื่อสารเซลส์ต่าง ๆ สรุปก็พวก anti oxidants ทั้งหลาย มีสารให้ความชุ่มชื่น สารที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลส์ ส่งเสริมการสื่อสารของเซลส์อะไรประมาณนี้ ) Filorga ลงมาเล่นตลาด cleansing water ด้วย ส่วนตัวที่ช่วยเรื่อง anti aging ก็ Rhamnose Glucose ตัวนี้ช่วยทำหน้าที่สื่อสารกับเซลส์ต่าง ๆ ด้วย สรุปส่วนผสมดี แต่ราคาแพงไป 400ml 10 ยูโร ผมลองใช้ทำความสะอาดหน้าดู ผลก็ดีนะครับ เกลี้ยงเกลาดี ถ้าราคาสัก 6 ยูโรเนี่ยกำลังดีเลย ผมจะให้ตัวนี้เป็นอันดับ 1 เลย แต่ถ้าใครมีเงินตัวนี้ก็น่าสนนะครับ ** กล้าคาดหวังกับยี่ห้อแพงให้ขายถูกได้อีกกรู แห่ะ แห่ะ REPLY
ดูดูได้10 yr. La roche Posay : Solution Micillaire Physiologique 200ml ราคาน่าจะประมาณ 8 ยูโร Ingredients : Aqua, Hexylene Glycol, Poloxamer 184, Glycerin, Disodium cocoamphodicatate, Disodium EDTA, Citric Acid, Dihydrocholeth-30, Sodum Chloride, Sodium Diglycolate, Sodium Glycolate, Polyaminopropyl biguanide, Parfum/fragrance ส่วนผสมก็อ่อนโยนเหมาะกับผมแพ้ง่ายครับ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีสารก่อสบู่ ไม่มีพาราเบน แต่มีน้ำหอมนะครับ มี poloxamer ที่นิยมใช้ในน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ รู้สึกค่า PH จะ 5.5 นะ ผมได้ตัวนี้มาตอนไปมิลาน เป็น micellar water ตัวแรกที่เคยใช้ ตอนแรกที่อ่านดูก็บอกว่าไม่ต้องล้างออก แต่ก็ไม่ชินต้องล้างออก ก็ใช้ดีครับ ติดที่ว่าราคาสูง + มีน้ำหอม และมันก็เหนอะนิดนึงถ้าไม่ล้างออก เหมือนประมาณมีมอยเจอร์ไรเซอร์แบบนั้น ซึ่งผมไม่ชอบเท่าไหร่ Effaclar Eau Micellaire Purifiante 400ml ราคาน่าจะประมาณ 8 หรือ 9 ยูโร Ingredients : Aqua , hexylene glycol, glycerin, poloxamer 188, Zinc PCA , Sodium lactate,disodium cocoamphodiacetate, disodium EDTA, Citric acid, dihydrocholeth -30 Iodopropynyl butylcarbamate, polyaminopropyl biguanide อันนี้สำหรับผิวมัน รวมถึงผิวบอบบาง มี Zinc PCA , sodium lactate ส่วน poloxamer ก็ใช้ในน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ ผมซื้อจากร้านขายยาทีปารีส มันเป็นแพ็คคู่ 400ml x 2 = 16 หรือ 18 ยูโรนี่แหล่ะ ต้องรอจัดโปรถึงจะได้ราคานี้ เท่าที่ใช้มามันก็ล้างได้ดีเหมือน ๆ กับ ไบโอเดอร์มา แต่ LPR ราคาแพงกว่าไง ผมก็เลยชอบ Bioderma เพราะชอบของถูก >__< REPLY
Discussion (10)
คือคงไม่มีใครคิดจะเอา cleansing water มาสาดใส่ตาเล่นหรอก แต่บางทีตอนที่เราล้างหน้ามันแอบเข้าตาไงครับ ที่เคยใช้แล้วไม่แสบก็ Bioderma, LRP และ Filorga ส่วนตัวอื่นแสบหน่อย ๆ บางตัวแสบมาก (สำหรับผมนะ)
เวลาซื้อของแต่ละอย่าง ผมเสียดายเงินครับ ก็คิดแล้วคิดอีกกว่าจะซื้อที ก็จะดู ingredients คร่าว ๆ แต่ของบางอย่างดูที่ ingredient อย่างเดียวบอกไม่ได้หรอกว่าดีหรือไม่ดี เพราะ
1. ผู้ผลิตบางทีเค้าไม่ได้เรียงลำดับมา (เพื่อปกป้องความลับของสูตร)
2. สารที่ใส่มา เราก็ไม่รู้กี่ percent บางทีใส่มากระจึ๊งนึงประมาณแกล้งทำหกใส่ แต่โฆษณาเป็นตัวชูโรงเลยว่าใส่สารตัวนี้มา คือว่าความเข้มข้นมันไม่พอให้ทำงานได้ด้วยซ้ำ
3. เกรดของสารแต่ละอย่างก็มีหลายเกรด หลายที่มา สารตัวเดียวกันแต่ต่างยี่ห้อ ก็ทำให้ได้ผลที่ต่างกันได้ Pharmaceutical grade บริสุทธิ์กว่า food grade และก็ดีกว่า cosmetic grade
4. เทคโนโลยีที่ใช้ของแต่ละที่ ก็ให้ผลที่ต่างกัน สูตรต่างกัน ผลก็ต่างกัน
5. ไม่รู้ว่ามียี่ห้อไหนเต้าส่วนผสมขึ้นมารึเปล่า
6. บางทีในผลิตภัณฑ์ 1 ชนิดใส่ส่วนผสมดีหมด แต่ในทางเคมีส่วนผสมมันเข้ากันไม่ได้ ผลลัพธ์มันจะดีรึ?
7. ดีสำหรับคนอื่นอาจไม่ดีสำหรับเราก็ได้นะครับ
8. พวกที่ล้างหน้าทั้งหลาย อยู่กับหน้าเราไม่นานหรอกนะครับ เพราะงั้นอย่ายอมเสียเงินเพิ่มขึ้นเพื่อ..... ตัวอย่างเช่น ความขาว กับที่ล้างหน้าเลยครับ ;) เลือกสารที่อ่อนโยนไม่ทำร้ายผิวดีกว่านะครับ
ของแพงใช่ว่าจะดี และของถูกก็ใช่ว่าจะดี เสมอไป
ของแพงใช่ว่าจะไม่ดี และของถูกก็ใช่ว่าจะไม่ดี เสมอไป
จรรยาบรรณของผู้ผลิต ถึงผู้กระจายสินค้า จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค ถ้าพวกเค้าเหล่านั้นมี เป็นสิ่งที่ดีนะครับ :)
การกินถูกสุขลักษณะ พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายโดยเคลื่อนไหว และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ถ้าทำได้นี่ดีเลยนะครับ ผมก็พยายามอยู่แม้จะทำยากมาก
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านกันนะครับ ขอให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ เจอกับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและมีผิวมีสุขภาพดีเท่าที่แต่ละคนจะมีได้นะครับ ไปละครับ สวัสดีครับ
เข้ามาเพิ่มเนื้อหาครับ
เช็คดูว่าแพทย์ที่คุณไปหาเป็นตจแพทย์ (หมอผิวหนังรึเปล่า) ได้ที่
http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-search_md
ตัวสุดท้ายครับ Filorga anti aging micellar solutions 400ml ราคา 10 Euro ( 400ml x 2 = 19.9 ยูโร ซื้อที่ร้านขายยาที่ปารีส)
Ingredients : Aqua, Propanediol, Sodium Citrate, Trehalose, Disodium Edta, Peg-6 Caprylic/Capric Gyceride, Zinc PCA, Cetrimonium Bromide, Citric Acid, Rhamnose Glucose, Glucuronic Acid.
Filorga เป็นยี่ห้อที่เด่นมากเรื่อง anti aging , เมโส therapy มีประวัติยาวนาน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1978 โดยนายแพทย์ ด้านความงามและยังเป็นนักชีววิทยาอีกด้วย
มีส่วนประกอบที่ชูโรงเลยคือ NCTF ก็สารสกัด 55 ชนิดที่จำเป็นต่อผิว พวกวิตามิน มิเนอรัล กรดอมิโน โคเอนซายน์ และก็มี Nucleic acic ประมาณเพ๊พไทด์ที่ทำหน้าที่สื่อสารเซลส์ต่าง ๆ สรุปก็พวก anti oxidants ทั้งหลาย มีสารให้ความชุ่มชื่น สารที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลส์ ส่งเสริมการสื่อสารของเซลส์อะไรประมาณนี้ )
Filorga ลงมาเล่นตลาด cleansing water ด้วย ส่วนตัวที่ช่วยเรื่อง anti aging ก็ Rhamnose Glucose ตัวนี้ช่วยทำหน้าที่สื่อสารกับเซลส์ต่าง ๆ ด้วย สรุปส่วนผสมดี แต่ราคาแพงไป 400ml 10 ยูโร ผมลองใช้ทำความสะอาดหน้าดู ผลก็ดีนะครับ เกลี้ยงเกลาดี ถ้าราคาสัก 6 ยูโรเนี่ยกำลังดีเลย ผมจะให้ตัวนี้เป็นอันดับ 1 เลย แต่ถ้าใครมีเงินตัวนี้ก็น่าสนนะครับ
** กล้าคาดหวังกับยี่ห้อแพงให้ขายถูกได้อีกกรู แห่ะ แห่ะ
La roche Posay : Solution Micillaire Physiologique 200ml ราคาน่าจะประมาณ 8 ยูโร
Ingredients : Aqua, Hexylene Glycol, Poloxamer 184, Glycerin, Disodium cocoamphodicatate, Disodium EDTA, Citric Acid, Dihydrocholeth-30, Sodum Chloride, Sodium Diglycolate, Sodium Glycolate, Polyaminopropyl biguanide, Parfum/fragrance
ส่วนผสมก็อ่อนโยนเหมาะกับผมแพ้ง่ายครับ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีสารก่อสบู่ ไม่มีพาราเบน แต่มีน้ำหอมนะครับ มี poloxamer ที่นิยมใช้ในน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ รู้สึกค่า PH จะ 5.5 นะ ผมได้ตัวนี้มาตอนไปมิลาน เป็น micellar water ตัวแรกที่เคยใช้ ตอนแรกที่อ่านดูก็บอกว่าไม่ต้องล้างออก แต่ก็ไม่ชินต้องล้างออก ก็ใช้ดีครับ ติดที่ว่าราคาสูง + มีน้ำหอม และมันก็เหนอะนิดนึงถ้าไม่ล้างออก เหมือนประมาณมีมอยเจอร์ไรเซอร์แบบนั้น ซึ่งผมไม่ชอบเท่าไหร่
Effaclar Eau Micellaire Purifiante 400ml ราคาน่าจะประมาณ 8 หรือ 9 ยูโร
Ingredients : Aqua , hexylene glycol, glycerin, poloxamer 188, Zinc PCA , Sodium lactate,disodium cocoamphodiacetate, disodium EDTA, Citric acid, dihydrocholeth -30 Iodopropynyl butylcarbamate, polyaminopropyl biguanide
อันนี้สำหรับผิวมัน รวมถึงผิวบอบบาง มี Zinc PCA , sodium lactate ส่วน poloxamer ก็ใช้ในน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์
ผมซื้อจากร้านขายยาทีปารีส มันเป็นแพ็คคู่ 400ml x 2 = 16 หรือ 18 ยูโรนี่แหล่ะ ต้องรอจัดโปรถึงจะได้ราคานี้ เท่าที่ใช้มามันก็ล้างได้ดีเหมือน ๆ กับ ไบโอเดอร์มา แต่ LPR ราคาแพงกว่าไง ผมก็เลยชอบ Bioderma เพราะชอบของถูก >__<