รวม 3 items เด็ดของ Philosophy ใช้แล้วใช่ ชอบต้องบอกต่อ!

61 12

สวัสดีค้าบ มารีวิวผลการใช้งานผลิตภัณฑ์ จาก Philosophy ทั้งหมด 3 ตัว เกือบ 2 สัปดาห์ อันเนื่องมาจากปกติเราเป็นมนุษย์ผิวมันอยู่แล้วและช่วงนี้ก็ผิวมันเป็นพิเศษเลย จากการนอนดึก ทานของทอดและสภาพอากาศที่ช่างแปรปรวนบ่อยจนปวดหัว ผิวเราเลยเกิดการสวิง ทำให้เดี๋ยวมันเดี๋ยวแห้ง ปัญหาคือถ้าผิวแห้งสำหรับเราเนี่ยง่ายมาก แค่อัดมอยซ์เจอร์ก็คือจบเพราะระหว่างวันก็จะมีน้ำมันจากผิวมาช่วยอยู่แล้ว แต่พอผิวมันขึ้น ทีนี้ยากแล้ว จะเลเยอร์อะไรแต่ละอย่างก็รู้สึกเหนอะหนะไปหมด จะลงเยอะก็ไม่กล้าแต่ก็กลัวว่าความชุ่มชื้อจะไม่พอเลยลองหามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่สามารถให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้แต่ผิวไม่มันขึ้นก็มาเจอน้องคนที่กำลังจะพูดถึงแต่หลังจากนั้นก็คือโดนตัวนี้มาด้วย  

Philosophy Oil-free Cleanser : เราเข้าไปหาข้อมูลคลีนเซอร์สำหรับผิวมันก็พบว่าตัวนี้ติดอันดับด้วย และรีวิวในเว็ปก็คือดีมาก ๆ  เลยโดนตกอย่างง่ายดาย เค้าเป็นคลีนเซอร์ชนิดเจลที่พอโดนน้ำแล้วก็จะกลายเป็นโฟมฟองนุ่ม ๆ  โดยปกติแล้วคลีนเซอร์แบบเจลถ้าล้างออกแล้วจะเป็นเมือก ๆ ลื่น ๆ ซึ่งเราไม่ค่อยชอบ ถ้าเป็นโฟมก็คือหน้าเอี๊ยดเลย แต่ตัวนี้ไม่เป็นครับ ล้างหน้าสะอาด ไม่เอี๊ยด ไม่แห้งตึงและไม่เมือก มันเป็นฟีลลิ่งแบบหน้าแมตต์แต่ดูเฮ้ลตี้นึกออกป่ะ ถ้าแมตต์แบบล้างโฟมทั่วไปคือหน้าแตกแล้ว ลองใช้มา อาทิตย์กว่า ๆ สิวอุดตันไม่ขึ้นแสดงว่า “เวิร์ก” เพราะปกติถ้าล้างไม่สะอาดพอ จะมาง่ายมาก  

Philosophy Oil-free Moisturizer : หลังล้างหน้าเสร็จก็ตามด้วยโทนเนอร์ เซรั่ม และปิดจ็อบด้วยคนนี้ ซึ่งน้องเค้าเป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ สูตรปราศจากน้ำมัน (oil free) สำหรับผิวมันโดยเฉพาะเลย เท็กซ์เจอร์เค้าจะเป็นเหมือนเจลครีม ที่เนื้อเบามาก ทาง่าย ไม่ฝืด ไม่เหนอะหนะ ที่สำคัญคือซึมไว สบายผิว ส่วนตัวกลางวันเราลงเลเยอร์เดียวบาง ๆ เพราะเดี๋ยวมีกันแดดเมคอัพอื่น ๆ อีก กลางคืนเราลง 2 เลเยอร์บาง ๆ ครับ ลงที่ละเลเยอร์ แต่ถ้าใครที่ผิวมันมาก ๆ เลเยอร์เดียวก็พอครับ ตัวนี้เค้าจะช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนผิวด้วย แต่หน้าไม่แห้งลอก ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่ลองก็ยังไม่เห็นผลหรอก พอใช้ไปแล้วสักประมาณอาทิตย์นึงจะเริ่มเห็นผลครับ ว่าผิวเรามันน้อยลง คือไม่ใช่ว่าไม่มันเลยนะครับ ยังมีอยู่แต่ลดลง เหมือนช่วยยืดเวลา เหมือนเค้าไปช่วยปรับสมดุลน้ำมันในผิวให้ดีขึ้น ทำให้ผิวมันน้อยลง แอบแชร์ Tips เล็ก ๆ บางวันเราใช้มอยซ์เจอร์ตัวนี้ผสมกับ foundation ด้วย ในวันที่อยากให้ foundation บางตัวที่ปกปิดเยอะ ๆ บางลง แต่ยังอยากได้ความสบายผิวและคุมมันอยู่ เป็นเหมือน tinted moisturizer ไรงี้ “เวิร์กมาก” ครับ     

และตัวสุดท้ายนี้เป็น Extra Step นั่นคือ The Microdelivery Dream Peel : ตัวนี้เป็นตัว Peeling ผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวใสขึ้น และไม่อุดตันตัวนี้มี AHA/BHA 6%   AHA เป็นเหมือนไวท์เทนนิ่งตัวนึงที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวทำให้จุดด่างดำ ความหมองคล้ำต่าง ๆ ลดเลือน พอเราได้ผลัดออกไปก็จะได้ผิวที่ใสขึ้น และ BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวเช่นกันครับ เป็นที่รู้ ๆ กันว่า ใครที่เป็นสิวต้องรู้จักแน่นอน เราก็เช่นกันครับ เค้าจะช่วยไม่ให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วมากองอยู่บนผิว ซึ่งพอรวมตัวกับ  ฝุ่น และน้ำมันบนผิว ก็จะกลายเป็นสิวอุดตันนั่นเอง ช่วยจัดการกับสิ่งสกปรกในรูขุมขน ตัวนี้เค้าให้ใช้ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ วิธีการใช้คือบิดตรงคอหลอดก่อน เค้าจะมีเขียนว่า on-off เพื่อไม่ให้เราลืม และเวลาพกจะได้ไม่เลอะเทอะ และเมื่อบีบออกมาแล้วสามารถทาบนผิวหน้าหลังล้างหน้าและซับให้แห้ง บาง ๆ ได้เลยครับ ตัวนี้ทาแล้วไม่จำเป็นต้องล้างออกนะ ทาแล้วรอให้เค้าเซ็ตตัวเป็นฟิล์มบาง ๆ สัก 15-20 นาทีแล้วนอนได้เลยครับ  ส่วนตัวนี่ว่าเค้าอ่อนโยนนะครับ ใช้แล้วไม่มีอาการแสบแดง หรือผิวลอก เพราะเราเป็นคนที่ผิวแดงง่ายมาก ๆ ก็ไม่มีอาการระคายเคือง เราใช้ตัวนี้วันเว้นวันในช่วงกลางคืน ครั้งแรกเลยที่ใช้ตื่นมารู้สึกว่าผิวเรียบขึ้น มันดูมีความใสขึ้นมานิดหน่อย หลังจากทดลองแล้วไปครั้งที่ 3 ก็เริ่มเห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้น เพราะผิวดูใสขึ้น และเมื่อเค้าผลัดผิวไปแล้วพวกเซรั่ม หรือยาทารอยสิวต่าง ๆ ก็จะซึมได้ดีขึ้น ทำให้รอยสิวจางลงไวด้วย เริชชช! สำหรับใครที่ผิวบอบบางอาจจะลองสักสัปดาห์ละครั้งให้ผิวค่อย ๆ ปรับ   แล้วค่อย เพิ่มความถี่ขึ้นได้ครับ แต่ไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 3 ครั้ง  

วันนี้เราขอจบการรีวิวเท่านี้นะครับ  


Jayskennedy

Jayskennedy

Thailand | Personal Reviews | Im a sucker for Foundations, Bronzers, Highlighters and some of Beauty Products. Follow me if you don’t want to miss my reviews.

FULL PROFILE