เพราะอะไรชาวเน็ทจึงมักฟันธงว่าคนดังใช้ยา Ozempic จนได้ร่างใหม่??
candy 13 5
ทุกวันนี้ Ozempic สร้างเสียงกล่าวขวัญในโลกออนไลน์ถึงขนาดถูกยกให้เป็น 'ยาลดน้ำหนักมหัศจรรย์' ที่หลายคนมั่นใจในความปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา(FDA) และมีการยืนยันว่า นี่คือทางลัดสู่ความผอมที่นิยมเป็นที่สุดในวงการ Hollywood แม้ว่าคนดังระดับ high profile จะยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้ยาตัวนี้เพื่อรีดน้ำหนักส่วนเกิน แต่ก็มีเสียงบอกเล่าจากคนวงในว่า เหล่าคนบันเทิงต่างก็หันมาเกาะเทรนด์ผอมด้วย Ozempic กันแบบลับๆ ยิ่งผู้คนแชร์ประสบการณ์เรื่องการใช้ยานี้ใน TikTok เทรนด์นี้ก็ยิ่งโด่งดังและดึงดูดให้ผู้คนอยากลิ้มลองประสิทธิภาพของมัน
แต่เพราะแรกเริ่มเดิมที กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการจ่าย Ozempic คือ ผู้ป่วยเบฺาหวานชนิดที่ 2 เมื่อแพทย์ใช้ปากกาฉีดฮอร์โมน GLP-1 ใต้ผิวหนัง โดยตัวยามีการทำงานเลียนแบบฮอร์โมนตามธรรมชาติที่หลั่งจากลำไส้ มีฤทธิ์ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งอินซูลินมาช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ยืดระยะเวลาที่อาหารอยู่ในกระเพาะ ลดความอยากอาหาร แม้จะเป็นอาหารที่เย้ายวนใจก็อาจจะรู้สึกอิ่มเอียนจนไม่อยากแตะต้อง มีรีวิวจากผู้ใช้ยานี้ออกมามากมายเพื่อยืนยันว่า ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักด้วยยาตัวนี้จริงๆ
ด้วยสนนราคาของยาที่สูงในอเมริกาทำให้มันถูกเปรียบว่าเป็นยาลดความอ้วนของคนมีเงิน เกิดเป็นข้อถกเถียงเรื่องความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาด้วยยาตัวนี้ ชาวเน็ทหลายคนลงความเห็นว่า นี่คือการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ ดูจากกรณี Ozempic และยาประเภทเดียวกันภายใต้ชื่อแบรนด์อื่นสร้างกระแสความนิยมจนผลิตออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการ สร้างความกังวลใจให้กับผู้ป่วยเบาฺหวานชนิดที่ 2 มาแล้ว แต่ฝ่ายเห็นต่างก็โต้แย้งว่า หากเป็นผู้ที่มีสถานะการเงินเอื้ออำนวยและได้รับการดูแลจากแพทย์ให้ใช้ยาตัวนี้อย่างปลอดภัย มันก็ไม่น่าเป็นเรื่องเสียหาย เพราะอย่าลืมว่า โรคอ้วนยังเป็นภัยร้ายคร่าชีวิตประชากรอเมริกันไปมากมาย ไม่ได้มีเฉพาะโรคเบฺาหวานที่สร้างความกังวลใจ แต่ยังมีกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อื่นๆที่มาพร้อมกับความอ้วน
ด้วยสนนราคาของยาที่สูงในอเมริกาทำให้มันถูกเปรียบว่าเป็นยาลดความอ้วนของคนมีเงิน เกิดเป็นข้อถกเถียงเรื่องความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาด้วยยาตัวนี้ ชาวเน็ทหลายคนลงความเห็นว่า นี่คือการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ ดูจากกรณี Ozempic และยาประเภทเดียวกันภายใต้ชื่อแบรนด์อื่นสร้างกระแสความนิยมจนผลิตออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการ สร้างความกังวลใจให้กับผู้ป่วยเบาฺหวานชนิดที่ 2 มาแล้ว แต่ฝ่ายเห็นต่างก็โต้แย้งว่า หากเป็นผู้ที่มีสถานะการเงินเอื้ออำนวยและได้รับการดูแลจากแพทย์ให้ใช้ยาตัวนี้อย่างปลอดภัย มันก็ไม่น่าเป็นเรื่องเสียหาย เพราะอย่าลืมว่า โรคอ้วนยังเป็นภัยร้ายคร่าชีวิตประชากรอเมริกันไปมากมาย ไม่ได้มีเฉพาะโรคเบฺาหวานที่สร้างความกังวลใจ แต่ยังมีกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อื่นๆที่มาพร้อมกับความอ้วน
เมื่อใดก็ตามที่คนดังและอินฟลูเอนเซอร์เผยลุคใหม่ที่เพรียวบางลงไปจากภาพเดิมที่ผู้คนคุ้นเคย คอมเมนท์ฟันธงว่า พวกเค้าต้องใช้ยา Ozempic จะผุดขึ้นมารัวๆ และน้ำเสียงของผู้ที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ก็แสดงอคติเต็มที่ ทั้งบอกว่า รูปร่างเดิมก่อนลดน้ำหนักก็ดูดีมากอยู่แล้ว ผอมด้วย Ozempic ดูเหี่ยวแห้งไม่ healthy หรือกล่าวหาว่า เหล่าคนดังที่ใช้ยาลดน้ำหนักเป็นตัวการทำให้คนรุ่นใหม่หันมาคลั่งผอม ขัดแย้งกับการรณรงค์เรื่อง body positivity แม้แต่ในกลุ่มคนดังเองก็มีทั้งคนที่ต่อต้านการใช้ Ozempic เพื่อลดน้ำหนักในกลุ่มคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นเบาหฺวาน และคนที่เห็นดีเห็นงามว่า ถ้าผอมอย่างปลอดภัยก็ตอบโจทย์แล้ว
หลายคนมองว่า บรรดาคนดังเก็บเรื่องการใช้ยา Ozempic เป็นความลับเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์หรือจุดประเด็นดราม่า แต่ยังมีคนดังกลุ่มหนึ่งที่เปิดเผยอย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งคนที่แชร์ประสบการณ์ว่ายามีประสิทธิภาพเพียงใด และให้เครดิตว่า นี่คือยาที่เปลี่ยนชีวิตพวกเค้าให้ดีขึ้น บางคนก็ประกาศว่า เคยลองมาแล้ว แต่ก็เจอผลข้างเคียงหนักจนต้องถอดใจ และคนที่สนับสนุนว่าเป็นวิธีที่น่าลอง หนึ่งในนั้นคือ Elon Musk มหาเศรษฐีชื่อก้องโลกได้อธิบายว่า เขาใช้ Mounjaro ที่เป็นยาคนละชนิดกับ Ozempic แต่มี GLP-1 เพื่อลดคุมความหิวและลดระดับน้ำตาลในเลือดเช่นกัน ส่วนเหตุผลที่เลือก Mounjaro ก็เป็นเพราะผลข้างเคียงของ Ozempic ทำให้ปล่อยแก๊สทั้งเรอและผายลม ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ภาพเปลือยอกของ Musk ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คน ทำให้เขาตัดสินใจลดน้ำหนักด้วยวิธีทำ IF จนผอมลงในระดับหนึ่งแล้วหันมาเข้าร่วมเทรนด์ลดน้ำหนักด้วยยาต้านเบาหวาฺนอีกคน
กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง Ozempic สร้างแรงกดดันให้กับคนดังจนต้องออกมาสยบข่าวลือ
ภาพของ Christina Aguilera ที่ดูตัวเล็กลงมากราวกับเธอเดินทางข้ามเวลามาจากยุค Y2K สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกออนไลน์ แฟนๆต่างชื่นชมใน thigh gap และเอวมดของเธอ แต่เสียงครหาเรื่องดิว่าสาวใช้ยา Ozempic จนเปลี่ยนเป็นร่างทองก็แพร่กระจายทันที เธอไม่ได้ยืนกรานปฏิเสธ แต่ก็ตอกกลับว่า เธอโตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะไม่แยแสกับความคิดเห็นของคนอื่น ใครจะคิดกับเธอยังไงก็ไม่ใช่ธุระกงการของเธอทั้งนั้น
แต่สำหรับเพื่อนร่วมวงการอีกหลายคนก็ได้แสดงออกชัดเจนว่า พวกเค้าไม่ยินดีนักหากชาวเน็ทเหมาจะรวมว่า เป็นกลุ่มคนใช้ยา Ozempic เพื่อลดน้ำหนัก
คนดังที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่อย่าง Kim, Khloe Kardashian, Kylie Jenner, Post Malone, Ice Spice และ Katy Perry เคยเผชิญกับข่าวลือว่าใช้ Ozempic รีดไขมันจนผอมฮวบ แต่พวกเค้าอธิบายว่า ไม่ได้ใช้ทางลัดด้วยยาตัวนี้อย่างที่วิพากษ์วิจารณ์
- Travis Scott คนรักเก่าของ Kylie Jenner พ่นแร็พถึงหญิงสาวที่ใช้ยา Ozempic เพื่อจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่จนชาวเน็ทเม้ามอยว่า เขากำลังจิกกัดแม่ของลูก ยิ่งได้เห็นลุคใหม่ของ Kylie ที่ดูอวบอิ่มน้อยลงไป ใบหน้าดูซูบลง ชาวเน็ทก็ความมั่นใจขึ้นว่า เธอกำจัดส่วนเกินหลังจากคลอดลูกคนที่สองด้วยยาตัวนี้จริงๆ ซึ่งเธอตอบโต้ข่าวลือว่า ผู้คนก็ไม่ให้ความเห็นอกเห็นใจเธอที่เพิ่งจะลดน้ำหนักจากการตั้งท้องลูกคนโตจนหุ่นสวยเหมือนเดิม แต่แค่สองเดือนต่อมาก็ตั้งท้องลูกคนเล็ก
- หลังจากมี user รายหนึ่งโจมตี Khloe Kardashianว่า รู้สึกยี้ที่เห็นเธอใช้ยาต้านเบาหฺวานลดหุ่นจนผอมถึงขนาดนี้ Khloe ก็สวนกลับว่า อย่าลืมให้เครดิตความทุ่มเทของเธอที่ตื่นเช้ามาออกกำลังอย่างหนักสัปดาห์ละ 5 วันด้วย และเลิกคิดเองเออเองสักที อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้ เธอก็ได้ให้ความเห็นเรื่อง Ozempic ว่า เธอไม่ได้ตื่นตูมไปกับกระแสความเห่อยาตัวนี้ ตราบใดที่ผู้คนใช้มันแล้วรู้สึกดี เธอก็จะไม่ไปจุ้นจ้าน แต่เธอกลับเซ็งมากกว่าเพราะเมื่อสิบปีก่อนไม่มี Ozempic ให้ใช้กัน
- Post Malone ปฏิเสธชัดว่า ไม่ได้ใช้ยา Ozempic และเขาเลือกกินอาหารดีมีประโยชน์จนค่อยๆผอมลง เขาแทนที่การดื่มน้ำอัดลม กินอาหารขยะด้วยอาหารแคลอรี่ต่ำ และใช้ชีวิต healthy กว่าเดิม
- Ice Spice โต้ข่าวลือเรื่องใช้ Ozempic จนผอมด้วยน้ำเสียงรำคาญใจว่า "จอมขี้เกียจอย่างพวกเธอไม่เคยได้ยินเรื่อง gym รึไง? มันเป็นการเข้า gym กินอาหารเพื่อสุขภาพ เดินสายทัวร์ ถ้าหากว่าฉันนั่งเฉยๆที่บ้านทั้งวันก็คงจะรักษาหุ่นอวบไว้ได้"
- คนดังที่ตอบโต้กระแสข่าวลือเรื่องใช้ยา Ozempic ลดความอ้วนได้อย่าง creative คงหนีไม่พ้น Lizzo เพราะแม้ใครๆจะเห็นเธอก้าวสู่เส้นทางสู่สุขภาพที่ดีด้วยการออกกำลังและควบคุมแคลอรี่ให้ต่ำกว่าที่ร่างกายใช้ และยืนยันว่า เธอกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆด้วยการใช้วิธีธรรมชาติ แต่ก็ถูกกล่าวหาว่าใช้ Ozempic เป็นทางลัดเพื่อความผอมทันใจ เมื่อเทศกาล Halloween มาเยือน เธอก็แต่งตัวในธีมยา Ozempic ประชดซะเลย
ความเชื่อเรื่อง Ozempic Face
หลายครั้งหลายคราที่คุณจะได้เห็นชาวเน็ทฟันธงด้วยความมั่นใจเต็มที่ว่า พวกคนดังหันมาใช้ Ozempic ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักดั้งเดิมอย่างการพึ่งพาเทรนเนอร์ปั้นหุ่น จ้างนักโภชนาการและเชฟส่วนตัวเพื่อดูแลเรื่องอาหารสุขภาพแคลอรี่ต่ำโปรตีนสูง นั่นเป็นเพราะหลายคนสังเกตแยกแยะจาก 'Ozempic face' หรือใบหน้าที่มีสัญญาณชี้ว่า นี่คือความผอมที่มาจากการใช้ยา Ozempic ที่เกิดขึ้นจากน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
ลักษณะที่ชาวเน็ทเชื่อว่าเป็น Ozempic Face
- ใบหน้าซูบตอบลง อาจจะเป็นขมับ ตาลึก โหนกแก้มและกระดูกโผล่
- มีเส้นริ้วรอยร่องลึกชัดขึ้น
- ไขมันที่ใบหน้าสลายไปจนเกิดความหย่อนคล้อย
ในสังคมที่ผู้คนยึดติดกับรูปโฉมที่ดูอ่อนเยาว์ แม้คนดังจะสร้างความฮือฮาด้วยเรือนร่างเพรียวบางลง แต่เค้าโครงหน้าที่เปลี่ยนไปมักจะถูกชาวเน็ทเยาะเย้ยว่า นี่คือลุคที่กรีดร้องคำว่า Ozempic ออกมาดังลั่น ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า จากเดิมที่เหล่าคนดังบำรุงผิวพรรณทำหัตถการจนเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์ เมื่อใช้ยานี้เพื่อลดน้ำหนักจะดูทรุดโทรมลงไปราวกับไม่ได้รับสารอาหารและพักผ่อนอย่างเพียงพอจนดูสูงอายุขึ้นอีกเป็นสิบปี
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชี้ว่า Ozempic Face ไม่ใช่คำศัพท์ที่ใช้ทางการแพทย์ แต่เป็นการบัญญัติศัพท์ในแง่ลบขึ้นมาโจมตีผู้อื่น ความจริงก็คือ ใบหน้าที่ผอมซูบและหย่อนคล้อยเกิดขึ้นได้กับการลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักชนิดอื่น หรือแม้แต่การลดน้ำหนักตามธรรมชาติด้วยวิธีควบคุมอาหารและออกกำลังกาย และไม่ได้หมายความว่า ยาตัวนี้เป็นตัวการทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยมีริ้วรอย แต่อาจจะมีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำหนักตัวที่ลดลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มีภาวะน้ำหนักเกินมาตั้งแต่ต้น ก่อนที่ Ozempic จะสร้างกระแสโด่งดัง แพทย์ก็จ่ายยาเพื่อรักษาผู้ป่วยเบฺาหวานชนิดที่สองมาหลายปี แต่ก็ไม่เรื่องหน้าเหี่ยวโทรมไม่ได้สร้างความกังวลใจแต่อย่างใด